ตอนที่ 6 ไม่เคยเห็นคนนั่งวีลแชร์หรือไง
นาราหลับตา ไหนบอกว่าคุณกษาปณ์รักคุณชายสามมากไม่ใช่เหรอ ทำไม่ไม่มีแม้กระทั่งงานแต่งก็รับเธอมาที่เกาะฟ้าเลย ก็ใช่เนอะ เธอเป็นแค่ตัวแทน มีหรือไม่มีงานแต่งก็มีค่าเท่ากัน ดูแลคุณชายสามอย่างนั้นเหรอ นี่ยังขาดคนดูแลอยู่เหรอเนี่ย
คนชุดดำตอบเธออย่างนอบน้อม “เรียนคุณนายสาม นี่เป็นเกาะฟ้า คุณชายสามขอให้ไม่ต้องจัดงานแต่งและฮันนีมูน ฉะนั้นคุณนายเข้าไปที่เกาะล้านโดยตรงเลยครับ”
นาราผงกหัวเบาๆ ไม่มียิ่งดี มันไม่ใช่งานแต่งของเธอแต่แรกแล้ว ไม่เห็นต้องใส่ใจเลย รถขับออกไปได้ประมาณหนึ่งชั่วโมง ก็ได้จอดลง
นาราลืมตาขี้น สิ่งที่เห็นคือทะเลที่ไกลสุดขอบฟ้าและเกาะแห่งหนึ่ง บ้านพักตากอากาศสามชั้นติดทะเลทั้งสามด้าน มีเพียงด้านหลังที่เป็นป่าเขา บรรยากาศสวยงาม มีเพียงทางเดียวที่จะมาบ้านหลังนี้ได้
บอดี้การ์ดชุดดำโน้มตัวเปิดประตู นาราเดินลงจากรถ สูดลมหายใจจากลิ่นอายที่สดชื่นเฮือกหนึ่ง
เธอค่อยๆเงยหัวขึ้น บรรยากาศที่งดงาม ต้นไม้ใบหญ้าหนาแน่น เธอมองไปยังทะเลไกลพ้น น้ำทะเลพัดพาเม็ดทรายขึ้นฝั่ง คลื่นขึ้นลงตามชายฝั่งทะเล
เธอเงยหน้าขึ้นก็มองเห็นคนใช้เรียงรายอยู่หน้าบ้าน ชายห้าหญิงห้ายื่นหน้าประตูอย่างนอบน้อมพร้อมพูดอย่างพร้อมเพรียง “สวัสดีค่ะคุณนายสาม สุขสันต์วันแต่งงานคุณชายสามและคุณนายสาม ขอให้ทั้งคู่ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรค่ะ”
นาราสะดุ้งตกใจ ทำไมอันนี้รู้สึกเหมือนกำลังต้อนรับพระราชทายาทยังไงอย่างนั้นเลย เธอพยักหน้าเบาๆแล้วเดินเข้าบ้าน ในห้องรับแขกดูหรูหราสวยงาม ของทุกอย่างจัดเรียงอย่างเป็นที่เป็นทาง ตรงห้องรับแขกมีตัวหนังสือ”ฮี๊”ติดอยู่ คนใช้เดินมา “คุณนายสามคะ เชิญรับประทานอาหารค่ะ”
เธอกำลังจะเดินไป ประตูลิฟท์ก็เปิดออก ผู้ชายสูงวัยคนหนึ่งกำลังเข็นวีลแชร์ออกมา ใบหน้ายิ้มแย้มแล้วพูดว่า “คุณนายสามครับ เหนื่อยหน่อยนะครับ ผมเป็นลุงบีมคนดูแลบ้านครับ”
นาราหยักหน้าด้วยความนอบน้อม แล้วมองไปชายที่นั่งบนวีลแชร์
ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขา แสดงออกถึงความเยือกเย็นอย่างบอกไม่ถูก นัยย์ตาดำลึกเหมือนทะเลสาบ ท่าทางเยือกเย็นเหมือนน้ำแข็ง
ขาที่ยาวทั้งสองข้างเหยียบที่รองเหยียบไว้ นี่ก็คือคุณชายสาม คุณคณพศ นั่งอยู่บนวีลแชร์จริงๆด้วย
นารามองเขา ในใจกลับนึกขึ้นว่าผู้ชายที่หล่อเหลาขนาดนี้ กลับนั่งอยู่บนวีลแชร์ ฟ้าไม่ยุติธรรมเลย
ชายหนุ่มหันมองเธอแว๊บหนึ่ง ร่างผอมเพรียวพร้อมชุดสีชมพู ใบหน้าเท่าฝ่ามือ ดวงตาสีฟ้าเข้มดุจสีบนท้องฟ้า สวยสดงดงาม
เธอมองเขาอย่างไม่ขยับสายตา ไม่เคยเห็นคนนั่งบนวีลแชร์หรือยังไง เขายิ้มแหยะเพียงชั่วครู่ แล้วหันหน้าเข็นล้อวีลแชร์ไปยังโต๊ะอาหาร
พิมมี่่ เราค่อยๆเล่นเกมกัน
ชายหนุ่มเริ่มทานข้าวของตัวเองโดยไม่สนใจเธอ ทำเหมือนไม่มีคนชื่อนาราอยู่ตรงนั้นด้วยซ้ำ
นาราอ้าปาก เหมือนกำลังจะพูดอะไร แต่ก็ไม่ได้พูดแล้วเดินตามไปยังโต๊ะอาหาร เห็น เห็นเขายื่นมาตักน้ำซุปใส่ถ้วย จากนั้นค่อยๆตักน้ำซุปในถ้วยตัวเองทาน ท่าทางดูสง่างาม
นารามองเขาอย่างเงียบๆ ไม่ได้ขยับตะเกียบเลย เธอดูอึดอัดมากไม่รู้จะทำยังไง
สักพักชายหนุ่มเห็นเธอไม่ทานเลยยิ้มพร้อมขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้เงยหน้ามองเธอ “ทำไม กับข้าวไม่ถูกปากหรือไง”
เขาก้มหน้าพูดด้วยเสียงเข้ม นาราตกใจ จากนั้นก็ฟังเขาพูดเหมือนไม่ค่อยพอใจ “ที่นี่มีเท่านั้น ไม่อยากกินก็ทนหิวไป ลุงบีม ไป เก็บ”
พูดจบเขาหยิบผ้ามาเช็ดปาก แล้วเข็นวีลแชร์ตรงไปยังลิฟท์
ทิ้งไว้เพียงนาราที่ยังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วก็เห็นคนใช้เริ่มเก็บโต๊ะอาหาร
“……” นี่เธอยังไม่ได้กินเหรอ คนอะไรเนี่ย ยังไม่ได้บอกเลยว่าไม่อยากกิน
จากนั้นมองคนใช้ทยอยเก็บอาหารบนโต๊ะ เธอกลืนน้ำลายไปหลายเฮือก เธอไม่ได้กินอะไรเลยทั้งวัน ก็ควรหิวแล้วมั้ย
คนอะไรเนี่ย น่าแปลกจริงๆ จะยังไงเธอก็เป็นแขก ไม่สิ เป็นภรรยาเขา
เขากลับไม่พูดไม่จากับเธอเลย แล้วยังไม่ให้เธอกินข้าวอีก
คิดถึงตรงนี้เธอก็รีบเดินไปแล้วบอกว่า “ฉันกิน”
ในเมื่อมาแล้วก็ต้องอยู่ให้ได้ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้ตัวเองหิวสิ
จากนั้นเธอก็กินอาหารอย่างมุมมามภายใต้สายตาที่อั้นหัวเราะของลุงบีมและเหล่าคนใช้
ห้องนอนชั้นบน คณพศนั่งอยู่หน้าระเบียงห้องด้วยทาทีที่เฉยชา
“เธอกินแล้วเหรอ”
“ทานแล้วครับ เธอก็ไม่ได้โวยวายอะไร คุณชายครับ ผมว่าคุณนายสามท่าทางเป็นคนดีนะครับ รูปร่างหน้าตาสวยแล้วยังไม่เรื่องมากอีกด้วย หลังคุณชายออกมาเธอทานข้าวไปสองถ้วยเลยนะครับ” ลุงบีมยิ้มพูด
เธอไม่โวยโวย แล้วยังกินอาหารที่ง่ายๆด้วย วันนี้เขาตั้งใจให้คนทำอาหารที่ง่ายๆ แค่อยากลองดูว่าเธอจะโวยวายยังไง
แต่เธอกลับไม่โวยวาย แล้วยังกินอาหารวันนี้อีก นี่เป็นเรื่องน่าแปลกมากสำหรับคุณหนูที่เย่อหยิ่งและถูกเลี้ยงดูด้วยการตามใจ
บังคับให้เธอแต่งงานกับคนที่เธอไม่ได้รับ จากนี้เธอจะถูกจำกัดความอิสระ เธอควรจะร้องไห้โวยวายสิถึงจะถูก เธอเสแสร้งแน่ๆ ผู้หญิงคนนี้นิสัยคงไม่ต่างจากวิษณุส์ ในใจคงจะโหดร้ายเลือดเย็นไม่น้อย เธอต้องแสดงละครให้เขาดูแน่ๆเลย
“ช่วงนี้ก็คอยติดตามเธอไว้ ดูว่าเธอได้ติดต่อใครบ้าง”
“ครับ คุณชาย” ลุงบีมปิดประตูเดินออกจากห้องของคณพศไป
นารากินอาหารเสร็จ คนใช้ได้นำเธอไปยังห้องนอนของเธอ ห้องที่ติดทะเล ในห้องตกแต่งใหม่ ผ้าห่มสีชมพูม่วงมีกลิ่นหอมสดชื่นเล็กน้อย
นาราเดินไปยังหน้าต่าง มองดูฟ้าค่อยๆมืดลง นี่จะเป็นที่ที่เธอต้องใช้ชีวิตต่อไป ทางเดินข้างหน้าจะไปยังไงต่อดี
เพื่อไม่ให้พ่อเสียใจและลำบากใจอีก เธอตัดสินใจแบบนี้ถูกหรือผิดกันแน่
เธอหันหลังเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้า ข้างในมีเสื้อผ้าผู้หญิงแขวนเรียงกันอย่างเป็นระเบียบ มีชุดนอนและชุดชั้นในด้วย
เธอหยิบชุดนอนออกมาแล้วเดินไปยังห้องอาบน้ำ ไม่รู้ว่าคุณชายสามนอนห้องไหน ไม่เห็นจะเรียกเธอไปดูแลอะไรเลย แต่เธอก็ไม่ไปถามหรอก
คิดว่าคนใช้เยอะขนาดนี้ เธอไม่จำเป็นต้องไปดูแลอะไรหรอก
แต่ “ก๊อกๆๆ” มีคนเคาะประตู
นาราวางชุดนอนลงแล้วไปเปิดประตู หญิงสาววัยกลายคนที่ไปรับเธอที่บ้านเมื่อกลางวันยืนอยู่หน้าห้อง “คุณนายสาม ฉันคือป้าเมย์ค่ะ คุณชายสามให้คุณไปพบที่ห้องค่ะ”
ป้าเมย์ยืนยิ้มอยู่หน้าประตู นาราพยักหน้า “ค่ะ”
ป้าเมย์พานาราเดินผ่านระเบียงตรงไปยังห้องท้ายสุด “คุณชายอยู่ข้างใน คุณเข้าไปสิ” ป้าเมย์พูดจบก็หันหลังเดินออกไป
นาราเงยหน้าขึ้นแล้วเคาะประตู ด้านในไม่มีเสียงตอบกลับ เธอค่อยๆผลักประตูเข้าไป
ห้องหนังสือใหญ่มาก เหมือนห้องประชุมเลย ใต้แสงไฟสลัวเป็นโต๊ะทำงานยาวตัวหนึ่ง บนโต๊ะมีคอมพิวเตอร์วางอยู่สี่เครื่อง
ด้านข้างมีชั้นวางหนังสือสองตัว บนชั้นวางเรียงรายด้วยหนังสือเต็มไปหมด
ตรงช่องลมยังมีประตูอีกบานหนึ่ง นาราค่อยๆเดินเข้าไป แต่ไม่เจอคณพศ เธอเดินตรงไปแล้วมองเข้าไปด้านใน