บทที่ 33 ขอบคุณของจริง
ชายหนุ่มหญิงสาวต่างอยู่ในห้องตามลำพังจนถึงตีหนึ่งจึงแยกย้ายกันไป เมื่อวิษณุกลับถึงคฤหาสน์ ก็ค่อยๆ ย่องเข้าห้องนอนตัวเอง
เขาเปิดสวิทซ์โคมไฟที่หัวเตียง ทันใดนั้นก็เห็นคณพศซึ่งนั่งรถวีลแชร์อยู่ตรงบริเวณหน้าต่าง เขาร้องออกมาด้วยความตกใจ
“ดึกป่านนี้ทำไมนานถึงมาอยู่ในห้องนอนฉัน นายอยากให้ฉันตกใจตายหรือไง?” วิษณุลดเสียงของ
เขาลงมา
“หากไม่ได้ทำผิด คิดชั่ว แล้วจะตกใจกลัวอะไร” คณพศเข็นรถวีลแชร์ของตัวเองตรงเข้าไปตรงหน้าเขา
“ดึกป่านนี้พี่รองพึ่งกลับบ้าน แถมยังทำลับๆ ล่อๆ หรือว่าไปทำเรื่องอะไรไม่ดีมา?” ดวงตาอันดำลึกของคณพศจ้องมองวิษณุ ดูเหมือนจะมองให้เห็นภายในใจของเขา
วิษณุก้าวเท้าหยุดอยู่ตรงหน้ารถวีลแชร์ “นายเองดึกแล้วยังไม่นอน แต่กลับมาที่ห้องฉันทำอะไร? หรือเมียแต่งนายทำให้นายไม่พอใจ? คณพศ ฉันบอกนายแล้วไง นายแต่งงานกับเมียกำมะลอ แล้วยอมรับว่าเป็นเมียแต่งจริง นายต้องการแสดงเจตนาอะไร ฉันไม่ยอมให้นายสมหวังง่ายๆ หรอก”
คณพศยิ้มแบบเย้ยหยัน “แล้วพี่รองจะทำยังไง คุณปู่เองก็รู้เรื่องแล้วด้วย ดูจากนิสัยของคุณปู่ พี่คิดว่าคุณปู่จะจัดการอย่างไร? ผู้หญิงของพี่เองก็ต้องระวัง สำหรับฉันเองก็ไม่ได้ยากอะไร เพียงแต่คุณปู่อยู่ที่นั่น ฉันไม่สามารถพูดอะไรได้”
วิษณุมองชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนรถวีลแชร์ ชั่วขณะเขารู้สึกว่าชายหนุ่มภายใต้ร่างกายที่พิการนี้กลับซ่อนเร้นพลังบางอย่างที่มองไม่เห็น ซึ่งทำให้เขารู้สึกเหมือนถูกกดขี่ที่มองไม่เห็นเช่นกัน มันคุกคามชีวิตของเขาตลอดเวลา เขามองคณพศ “ฉันเห็นนายปฏิบัติต่อภรรยาได้เป็นอย่างดี ฉันเชื่อว่านายคงไม่อยากให้คุณปู่ลากตัวเธอไปแน่ ฉันเห็นว่าเธอก็ดูแลนายดีเช่นกัน คณพศ คนเราไม่ควรโลภเกินไป หากไม่ใช่ของของนาย ก็ไม่ควรคิดอยากได้ ตัวเองจะได้ไม่เดือดร้อน
คณพศหัวเราะออกมา “พี่รองอย่าลืมซิว่า ฉันกับพิมมี่ยังไม่ได้หย่ากันเลยนะ แม้ฉันจะเกลียดผู้หญิงของพี่มากขนาดไหน แต่จะทำไงได้ เธอเป็นภรรยาที่ถูกต้องตามกฎหมายของฉันแล้ว แม้ฉันจะไม่อยากมองหน้า พี่ก็ไม่มีสิทธิ์ที่จะคบกับเธอลับหลังฉัน ฉันขอเตือนพี่ให้คืนสิทธิ์ที่ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นเมื่อถึงเวลาพี่ต้องสูญเสียมากกว่านี้อย่างแน่นอน”
คณพศพูดจบก็ส่งยิ้มให้และเข็นรถวีลแชร์ของตัวเองออกไป ชายที่ด้านหลังมองเงาของผู้จากไปด้วยสายตาที่เคียดแค้น เสียมากกว่านี้งั้นรึ? ฮาฮา ฉันจะทำให้นายได้เห็นสิ่งที่ฉันจะได้โดยเร็ว ไม่ว่าคุณปู่จะรักนายมากขนาดไหน นายก็เป็นแค่คนพิการที่เดินไม่ได้
คณพศกลับไปถึงห้องนอน เห็นหญิงสาวที่นอนหลับสบายอยู่บนเตียง ใบหน้าอันเรียวเล็กมีสีแดงระเรื่อเหมือนแอปเปิ้ล เขามองเธอด้วยความหลงใหล จากนั้นก็ลุกขึ้น ถอดเสื้อผ้าออกแล้วนอนบนเตียง แล้วกอดเธอไว้ในอ้อมแขน
ในความฝันของหญิงสาวเธอรู้สึกว่าจะมีชายหนุ่มมาสัมผัสตัวเธอ ร่างของเธอจึงขดตัวแน่น ปากก็ละเมอเพ้อ “คุณคณพศ….”
จิตใจของชายหนุ่มอ่อนระทวยดุจสายน้ำไหล เขากอดเธอแน่น จุมพิตที่หน้าผากของเธอเบาๆ ร่างบอบบางของเธอมีความรู้สึกปลอดภัยอยู่เพียงนิด
ครั้งนี้เขาต้องการเธอ ร่างกายอันเล็กระทัดรัดของเธอเกือบทำให้เขาเสียการควบคุมไป บางทีเงาร่างในครั้งนั้นของเขาคงประทับอยู่ในความทรงจำของเธออยู่ไม่น้อย เขายังคงมองเธอที่หลับอย่างสงบนิ่ง แล้วก็พูดพึมพำว่า “เด็กน้อยเอ๋ย ในเมื่อเธอถูกส่งมาที่นี่แล้ว ต่อไปไม่ว่าจะเกิดเรื่องอะไรขึ้น เธอก็คือผู้หญิงของคณพศ ฉันจะคอยปกป้องดูแลเธอเอง”
จากนั้นก็ค่อยๆ หลับตาลงนอนอย่างช้าๆ
วันที่สอง นาราลืมตาตื่นขึ้นด้วยความรู้สึกปวดเมื่อยไปทั้งตัว เธอนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ในใจของเธอเริ่มรู้สึกสับสน เธอค่อยๆ เงยศีรษะอย่างช้าๆ ก็พบใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาอยู่ตรงหน้าผากเธอ เขากำลังหลับพร้อมกับลมหายใจอย่างสม่ำเสมอ
ร่างของเขาจัดว่าเป็นชายสมส่วน ขนตายาวงอน ใบหน้าแดงระเรื่อ บางครั้งเขาก็ดูอบอุ่นจนทำให้ผู้คนหลงใหล แต่บางครั้งก็เย็นชาจนทำให้ไม่กล้าสบตาเขา
เธอค่อยๆ พาตัวออกจากอ้อมแขนของเขา นึกถึงตอนที่ไปห้องอาบน้ำ สายตาของชายหนุ่มจ้องเขม็งมาที่หญิงสาวที่พยายามจะวิ่งหนี แต่เขากลับยื่นมือเพื่อกอดร่างของเธอไว้ “นอนหลับต่ออีกหน่อยเถอะ”
ใจของนาราเต้นไม่เป็นจังหวะ “ฉันไปเปลี่ยนเสื้อก่อนนะ รอให้คนใช้เข้ามาเห็นจะไม่ดี”
ชายหนุ่มก้มศีรษะมองเธอ “เมื่อคืนร้องซะเสียงดัง ไม่กลัวคนใช้จะได้ยินรึไง? ฮื้ม?”
เสียงของเขาแหลมและเซ็กซี่ นาราฟังแล้วหน้าแดงจนถึงใบหู “…..ก็ไม่ใช่เพราะคุณหรอกรึ” ชายหนุ่มเลิกมอง พูดด้วยเสียงแหบห้าม “คุณนายน้อย นับจากวันนี้เป็นต้นไปเธอคือผู้หญิงของฉัน ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม เธอต้องยืนอยู่เคียงข้างฉัน รู้ไหม?”
นาราได้ฟังคำพูดของเขาแล้วก็ตกใจเล็กน้อย เลิกคิ้ว “คุณคณพศในเมื่อฉันแต่งงานแทนพี่สาว คุณเองก็ไม่ได้คิดจะทำร้ายอะไรฉัน ฉันก็อยากดูแลคุณให้ดี ถ้าหากวันหนึ่งขาของคุณดีขึ้น คุณก็ไม่จำเป็นต้องให้ฉันดูแลคุณอีก ฉันก็พร้อมจะจากไป ขอเพียงคุณอย่าทำร้ายพ่อของฉัน เขาเป็นญาติสนิทคนเดียวที่ฉันมีอยู่”
ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยละอองน้ำตาเหมือนบัวหิมะที่อยู่ท่ามกลางสายฝน ในอ้อมแขนของเขาคณพศจะตำหนิอะไรเธอได้ นับตั้งแต่ครั้งนั้นเป็นต้นมา ทุกครั้งที่นึกก็รู้สึกเจ็บปวดใจ แม้ตัวเขาเองก็ยังไม่แน่ใจว่ารู้สึกอย่างไรกับเธอกันแน่ แต่เขารู้แน่ชัดอย่างหนึ่งว่าในทางกฎหมายแล้ว เธอไม่ใช่ภรรยาของเขา แต่เขากลับอยากได้เธอมาครอบครอง เขายอมได้แม้กระทั่งให้ตระกูลวรชัยลภัสเปลี่ยนตัวเจ้าสาว
ถ้าหากเป็นพิมมี่ที่แต่งเข้ามา บางทีชั่วชีวิตเขาอาจคิดแก้แค้นให้สาสมตลอดไป แต่นี่เป็นเธอ
เขายกมือขึ้นลูบใบหน้าเล็กๆ ของเธออย่างทะนุถนอม “ได้ ฉันรับปากเธอ จะไม่ทำร้ายพ่อของเธอ”
ในที่สุดนาราก็ยิ้มออกมา เธอมองเขาด้วยสายตาขอบคุณแล้วพูดว่า “ขอบคุณคะ คุณคณพศ”
เขาพลิกตัวเข้าหาเธอ “เธอจะขอบคุณฉันยังไง เอาแบบจริงๆ นะ” ใบหน้าหญิงสาวแดงก่ำ “……เมื่อคืนนี้ไม่ใช่….เอ่ย พวกเรามี…..” เขาคงไม่คิดจะทำเรื่องแบบนั้นอีกนะ ภาพต่างๆ มากมายปรากฏขึ้นในหัวของเธอ
แม้ตัวเธอเองยังตกใจ ทำไมในหัวของเธอถึงมีแต่ภาพพวกนั้น
“ไม่พอ” ชายหนุ่มพูดจบก็จูบที่ริมฝีปากของเธอ
เธอใช้กำลังที่มีผลักร่างเขาออกไป “คุณคณพศ คุณฟังฉันก่อน….. ฉันยังไม่ได้แปรงฟันเลย”
“ฉันไม่สน”
“คุณ…..ไม่มีคำถามจะถามฉันรึ?”
“ถามอะไร?”
“เมื่อคืน….ไม่ใช่ครั้งแรกของฉัน”
นาราหลับตาลง พูดประโยคนั้นออกมา
ชายหนุ่มหยุดการกระทำของเขา ค่อยๆ เงยหน้ามองเธอด้วยสายตาแดงก่ำ “ฉันรู้!”
“แล้ว….คุณไม่สงสัยรึคะ”
“ไม่สงสัย เพราะครั้งแรกของเธอคือฉัน”
“………” นาราเบิกตากว้าง มองร่างชายหนุ่มด้วยความไม่มั่นใจ “คุณ……ขาของคุณ….