บทที่ 101 วางกับดักให้เธอข้าม
พิมมี่ผู้หญิงคนนี้ หน้าด้านหน้าทนดีจริงๆ
ถึงตอนนี้เวลานี้แล้ว ยังกล้าพูดจาซี้ซั้วต่อหน้าคณพศ!
ได้ยินคณพศพูดแบบนี้แล้ว พิมมี่ก็กลัวว่าคณพศจะสงสัยในคำพูดของเธอ
จึงรีบอธิบายอย่างรีบร้อน “แน่นอนว่าใช่ค่ะ อันที่จริงฉันเป็นห่วงคุณมากกว่านาราอีกนะคะ ฉันรู้ว่าคุณออกจากวีลแชร์ไม่ได้ ไม่เป็นไรนะคะ ทั้งชีวิตนี้ของฉันคือภรรยาของคุณตามกฎหมาย การดูแลคุณคือหน้าที่ของฉัน นาราลูกสาวนอกสมรสคนนั้น……”
แต่คำด่านาราที่อยู่ในปากของเธอนั้น ยังไม่ทันได้พูดออกมาจากปาก
คณพศที่นั่งอยู่หน้าโต๊ะทำงาน ก็เงยหน้าขึ้นทันที สายตาเย็นเฉียบยิงดิ่งไปบนหน้าของเธอ ทำให้คนถูกมองเย็นเยือกเข้าในกระดูก
เพราะสายตานี้ของคณพศ ในทันใดพิมมี่ก็นึกถึง ครั้งนั้นที่คณพศถึงกับหยิบปากกาจะยิงเธอ ทั้งหมดเป็นเพราะปากของเธอที่ด่านาราออกไป
ดังนั้นคำในปากของพิมมี่ จึงหยุดอย่างฉับพลัน สีหน้าขาวซีดมองที่คณพศ ไม่กล้าเอ่ยปากใดๆทั้งสิ้น
ขนละเอียดทั่วร่างกายลุกชันขึ้น ร่างกายเกิดอาการสั่นเล็กน้อย
คิดอยู่ภายในใจอย่างอดไม่ได้ ตกลงแล้วเด็กคนนั้นเอายาอะไรใส่ให้คณพศกัน ถึงได้ทำให้เขาปกป้องเธอ!สนใจเธอได้อย่างนี้!
คณพศรู้ทั้งรู้ว่าเป็นสามีของพิมมี่ กับนาราเด็กโง่คนนั้น ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแม้แต่นิด!
เธอเข้าใจว่าเธอแต่งงานไปแทนเธอ ก็จะสามารถครอบครองตำแหน่งของพิมมี่ได้เพียงพอแล้ว ยังต้องแย่งชิงหัวใจผู้ชายคนนี้อีกเหรอ?
อย่าได้คิดเพ้อเจ้อไป เธอไม่มีทางปล่อยให้นาราทำได้สำเร็จแน่ ไม่มีทางแน่ๆ!
เห็นว่าคณพศจ้องแบบนี้แล้ว พิมมี่ ก็ปิดปากสนิทไม่กล้าพูดสุ่มสี่สุ่มห้าอีก
สายตาเย็นเฉียบนี้ของคณพศ ถึงได้เหลือบลง หลังจากนั้นก็พูดอย่างช้าๆ “ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่ไม่มีกาลเทศะ ดังนั้นไม่ต้องมาคนอื่นต่อหน้าฉันจะดีที่สุด โดยเฉพาะก็คือ ห้ามดูถูกนาราต่อหน้าฉัน!”
ถ้าไม่ใช่ว่าต้องการประโยชน์จากพิมมี่ผู้หญิงคนนี้ จัดการรับมือกับไอ้เจ้าโง่วิษณุส์นั่น
อาศัยความหลายครั้งหลายคราของพิมมี่ ที่ด่าและปากเสียใส่นารา เขาสามารถเอาชีวิตผู้หญิงคนนี้ได้เลย
ถึงอย่างไรผู้หญิงประเภทอย่างเธอ มีชีวิตอยู่บนโลกนี้ไป ก็เปลืองอากาศทิ้งไปเสียเปล่า
“ค่ะ ค่ะ ครั้งต่อไปจะไม่ทำแล้วค่ะ ต่อไปคุณคิดอะไร ฉันจะตามคุณทุกอย่างเลยค่ะ ”คิดไม่ถึงเลยว่าคณพศจะพูดแบบนี้กับเธอได้ เขาชอบอะไร ไม่ชอบอะไร
ด้วยเหตุที่พิมมี่ได้ยินคณพศพูดแบบนี้ อดไม่ได้ที่จะคิดในใจว่า “ไม่น่าเป็นไปได้คณพศต้องสนใจเธอตั้งแต่แรก ถึงได้พูดอย่างนี้ใช่ไหม?”
หลังจากที่มีความคิดนี้ในหัว ความรู้สึกกลัวแบบนั้นเมื่อครู่ที่พิมมี่มีนั้น ก็สลายไปกว่าครึ่ง
หลังสูดหายใจเข้าลึกๆไปหนึ่งเฮือก เธอก็กล้าแอบเงยหน้าขึ้น แวบหนึ่งมองไปที่บนวีลแชร์ด้านหน้าโต๊ะทำงาน คณพศที่หล่อเหลาราวกับเทพบุษ
หลังจากนั้นก็คิดอีก ผู้ชายคนนี้รูปหล่อจริงๆ เทียบกับวิษณุส์หน้าโง่คนนั้น หล่อเหลามากจริงๆ เสียดายแค่ว่าเขานั่งอยู่บนวีลแชร์ แต่เขาที่นั่งอยู่บนวีลแชร์นั้นก็ยังคงแผ่เสน่ห์น่าหลงไหลและดึงดูดคนเหมือนเดิม
ขณะที่พิมมี่แอบมองเขาอยู่ที่นั่นนั้น ทำให้ในใจคณพศอึดอัดอย่างมาก
ดังนั้นเขาจึงโยนกระแทกเอกสารในมือลงบนโต๊ะ
หลังจากนั้นก็เงยหน้าจ้องมองที่เธอ ในใจอดกลั้นจนถึงขีดสุดจำกัด รู้สึกว่าเล่นละครกับคนแบบนี้นั้นมันเสียเวลาของเขา แต่เพื่อที่จะทำให้ชื่อเสียงของวิษณุส์นั้นป่นปี้ เขาทำได้แค่ต้องต้อนรับขับสู้กับผู้หญิงคนนี้ต่อไป “ฉันไม่สนหรอกนะว่าเธอน่ะถูกหรือไม่ถูกวิษณุส์บีบบังคับ ยังไงซะเธอก็ต้องออกจากงานแต่งงานนี้ สำหรับฉันแล้วคำพูดของผู้หญิงอย่างเธอน่ะ ฉันไม่เชื่อเลยแม้แต่นิด ”
“ใครจะไปรู้ว่าคุณจะยังอยู่ข้างฉันหรือเปล่า แล้วหันหลังกลับไปหาวิษณุส์หน้าโง่คนนั้นอีก แล้วกไปก่อกวนกันกับเขา สวมเขาให้คณพศของฉันหรือเปล่านะ?”
ในเมื่อพิมมี่ผู้หญิงคนนี้ติดเบ็ดแล้ว เขาก็จะเก็บเบ็ดขึ้นเร็วหน่อยอย่างไม่รังเกียจ
ยังไงซะพิมมี่ผู้หญิงคนนี้ก็โง่พอ และฟุ้งเฟ้อมากพอ จากไอคิวของเธอตรงนี้ ยังไงก็อ่านไม่ออกแน่ๆ แผนการที่คณพศวางเอาไว้
และแน่นอน เมื่อได้ยินว่าคณพศพูดแบบนี้
พิมมี่ ก็รีบตอบอย่างรวดเร็ว “ไม่ค่ะๆ ฉันสาบานกับคุณเลยค่ะ ว่าจากวันนี้เป็นต้นไป ฉันจะไม่มีความสัมพันธ์ใดๆกับวิษณุส์อีก ฉันจะเป็นคุณยายคณพพศที่อย่างสัตย์ ”
“ถ้าหากว่าคราวหลังคุณเห็นว่าฉันทำผิดต่อคุณ ไม่ว่าคุณจะทำกับฉันยังไง ต่อให้จะฆ่าฉัน หรือจะจัดการกับตระกูลวรชัยลภัส ฉันก็จะไม่ม่ทางแค้นใดๆทั้งสิ้นค่ะ ”
ถ้าหากว่าคณพศต้องการที่จะหหย่าร้างกับเธอ เพียงเพราะกังวลเรื่องของเธอกับวิษณุส์ งั้นเรื่องนี้ก็จัดการได้ไม่ยาก
แค่เธอทำให้คณพศเชื่อ ว่าต่อไปเธอกับวิษณุจนแก่ตายก็จะไม่ไปมาหาสู่กันอีก แค่แบบนี้ก็เพียงพอแล้ว
ตอนนี้ในใจของเธอกำลังเต้นตุบตับ ภายในหัวใจนั้นก็เริ่มเบิกบาน คณพศจะไม่ต้องการสาวสวยประจำตระกูลวรชัยลภัสได้ยังไง ถึงได้วิ่งไปหานาราเด็กลูกนอกสมรสนั้นได้?
นาราเด็กโง่คนนั้นช่างโชคร้าย ไม่ว่าจะพูดจาโอหังอะไร ต่อให้แยกทางกับเธอแล้ว คณพศก็ไปแต่งกับเธอไม่ได้
นาทีนี้เพียงแค่คิดถึงประโยคพวกนี้ เธอก็คิดว่ามันช่างตลกนัก
แต่เธอก็อยากจะเห็น ตอนที่ถ้าเกิดว่านาราเด็กโง่คนนั้นน รู้ว่าคณพศสั่นคลอนลังเลใจ ตอนที่ไม่หย่ากับเธอ สีหน้าบนหน้าของเด็กหน้าโง่นั่น ว่าสุดท้ายแล้วมันจะเป็นยังไง
“หึหึ……”คิดไม่ถึงเลยว่าเพื่อตัวเองแล้ว พิมมี่จะสามารถถึงกับเท ตระกูลวรชัยลภัสได้ ในทีแรกนาราน้อยของเขา เพื่อที่จะโอบกอดตระกูลวรชัยลภัสไว้ เธอขอร้องไม่ให้เขาเอาผิดกับพ่อของเธออย่างช้ำใจกล้ำกลืน
ทั้งคู่นี้คือผู้หญิงของบุรินทร์ทั้งสองคน ไม่คิดเลยว่าจะมีข้อแตกต่างมากขนาดนี้
ความรังเกียจที่คณพมีต่อพิมมี่ ก็เพิ่มมากขึ้นในพริบตา
มองเธอด้วยความเย็นชาและพูด “ไม่ว่าเธอจะพูดอะไร ฉันก็เชื่อไม่ได้หรอก นอกซะจากเธอจะงัดความบริสุทธิ์ใจออกมารับประกันกับฉัน เธอกับวิษณุส์แตกหักกัน ”
ต้องรู้ว่าตั้งแต่ที่นารามาอยู่ข้างกายเขา เรื่องเดียวที่เธอมัวแต่ครุ่นคิดอยู่ทุกวัน ก็คือเรื่องที่จะรักษาบุรินทร์ และรักษาตระกูลวรชัยลภัสนี้ไว้
แต่พอพิมมี่ตรงนี้ ที่เทตระกูลวรชัยลภัสเพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง คือสิ่งที่เป็นไปได้ขนาดนี้
ดูแล้วบุรินทร์ผู้หญิงคนนี้ ก็ไม่ได้เป็นของดีอะไร เห็นผลประโยชน์เห็นแก่ตัว เทียบกับนาราผู้อ่อนโยนมีเมตตาของเขาแล้ว ช่างต่างกันเหลือเกิน
แม้ตอนนี้จะนำทั้งสองมาเปรียบเทียบกัน คณพศก็ยังคงรู้สึกว่า สำหรับเขาแล้วนาราน้อย เป็นสิ่งเหยียดหยามอย่างหนึ่ง!
“คุณจะให้ฉันพิสูจน์ยังไงคะ?เพียงแค่คุณเอ่ยปาก ฉันจะทำตามคุณทั้งหมด!”ได้ยิรคณพศพูดแบบนี้ รู้ว่าเรื่องหย่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี ไม่ต้องคิดเลยว่าพิมมี่จะดีใจไปเท่าไหร่
ท่าทางนั้นเหมือนกับว่าเธอ กำลังจะกลายเป็นภรรยาประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์กรุ๊ปแล้วในทันที เบิกบานใจซะไม่มี
เพียงแค่คณพศไม่หย่ากับเธอ ไม่ให้เธอออกจากตำแหน่งภรรยาของบริษัทตระกูลปัญญาพนต์กรุ๊ป สำหรับเธอแล้วเรื่องนี้เป็นข่าวดีจากสวรรค์เลยล่ะ
ตราบที่เธออดทนผ่านครั้งนี้ไป ไม่ว่าจะเป็นพวกเขาตระกูลปัญญาพนต์ หรือว่าจะเป็นเธอพิมมี่ ก็ไม่มีอะไรในอดีตสามารถมาเปรียบเทียบได้
เห็นเธอท่าทางแบบนี้ คณพลที่รู้ได้ตั้งนานแล้วว่าผลลัพทธ์จะเป็นแบบนี้ ก็ไม่อยากจะมองหน้าเธออีกแล้ว ทำเพียงกวาดสายตาไปทิศทางอื่น