บทที่136 สิ้นหวังขนาดนั้น
คณพศมองในวงแขนที่ว่างเปล่า ในใจรู้สึกหงุดหงิดงุ่นง่าน
เขาดูแลเธอทั้งคืน แต่เธอก็ยังเย็นชากับเขา
เขาุลุกขึ้นในเสื้อผ้าให้เรียบร้อย แล้วจึงไปบริษัท เขาเชื่อว่าภรรยาตัวน้อยของเขาจะคิดได้
ออฟฟิสประธานบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ เขายืนอยู่หน้าหน้าต่างที่สูงจรดเพดาน ทอดมองดวงอาทิตย์ที่ขอบฟ้า
รู้สึกเหนื่อนจนพูดอะไรไม่ออก นาราไม่ส่งข้อความหรือโทรหาเขาเลยทั้งวัน ที่รักโกรธจริงๆ แล้ว
นาราอาบน้ำแต่งตัวแล้วเดินลงไปชั้นล่าง เมื่อไม่เห็นคณพศจึงรู้ว่าเขาคงไปทำงานแล้วแน่ๆ
เธอกินอะไรนิดหน่อยแล้วก็ออกไป
เธอไม่ได้ไปหาไลลา เธอไปที่ทะเลคนเดียว ทอดสายตามองทะเลสีคราม ก่อนหลับตาลงเบาๆ
เธอนั่งอยู่บนชายหาดทั้งวัย จนถึงเมื่อพระอาทิตย์ตกจึงเดินกลับอย่างช้าๆ
เธอเปิดดูมือถือก่อนจะยิ้มฝืด
ดี วันนึงแล้ว สักสายเขาก็ไม่โทรมา ในที่สุดเธอก็เข้าใจ หลายสิ่งหลายอย่างมันไม่ได้เป็นของๆ เธออยู่แล้ว
ณ ปู่ชิงคลับ เด่นภูมิและยชญ์มองคณพศที่เต็มเหล้าแก้วแล้วแก้วเล่า พวกเขาเองก็ไม่กล้าขัด “คณพศ ทะเลาะกับพี่สะใภ้มาใช่ไหม? อย่าทะเลาะกับเธอนักเลย ระวังเถอะฉันจะลักพาตัวเธอซะเลย” ยชญ์ปล่อยมุกตลกขบขัน
“ ไปไกลๆ เลยไป! ” คณพศมองมือถือ นาราไม่โทรหาเขาเลยทั้งวัน แม้แต่ข้อความสักฉบับก็ไม่มี
เขาหัวเราะ เธอโกรธจริงๆ แล้วสิ แต่เขาก็อธิบายเธอไปแล้วว่าไม่มีอะไรกับณัจยา เธอก็ยังโกรธอีก ไม่ยอมให้อภัยเขา
เขาคอยดูแลเธออยู่ทั้งคืน เธอก็ไม่ได้ซาบซึ้งอะไรเลย ทำไมเธอถึงไม่เข้าใจ ทำไมไม่เชื่อใจเขาที่รักเธอ
แสงไฟวูบวาบในร้านทำเอาคณพศมึนหัวนิดๆ เขากลัวเสียงดัง!
เมื่อเตรียมจะลุกขึ้น กลับมีหญิงสาวคนหนึ่งเดินตัดหน้าเข้ามาก่อน คณพศนึกว่าเธอคือนารา จึงขยับไปข้างหน้าอย่างดีใจ
“ นารา คุณมาหาผมเหรอ?”
“ คณพศ….นายทักคนผิดแล้วล่ะ ฉันณัจยา ” ณัจยายืนอยู่ต่อหน้าดวงตาที่เบิกกว้างของชายหนุ่มที่ดื่มไปจนเริ่มเมา
“ ณัจยา เธอมาได้ยังไง? ” เขาเก็บมือกลับมาทันทีและขมวดคิ้ว
“ คณพศ ฉันเพิ่งจะมาเที่ยวกับเพื่อนน่ะ เห็นนายอยู่ก็เลยจะมาทักทายสักหน่อย ดื่มจนเมาแล้วนะ ” ณัจยาเอ่ยอย่างกังวล
“ ฉันไม่ได้เมา ฮ่าฮ่า ไม่เป็นไร โอเค งั้นเธอไปสังสรรค์เถอะ ฉันจะไปแล้ว ” คณพศหมุนตัวจากไป
เด่นภูมิและยชญ์เดินเข้ามา มองณัจยาอย่างไม่แยแส “ คุณณัจยา คณพศน่ะแต่งงานแล้ว หลังจากนี้ก็อย่ามาสร้างปัญหาอื่นให้เขาอีกเลยนะครับ! ” เด่นภมูิเอ่ยเตือน
ณัจยาลอบยิ้ม “ คุณเด่นภูมิ ฉันกับคณพศเป็นเพื่อนกันมานาน ตอนนี้ก็ยังใช่ และไม่ได้ทำให้เขาเดือดร้อนเลย” เธออย่างมีเสน่ห์ แววตาของเด่นภมูิเย็นยะเยือก “ ก็หวังว่าจะเป็นอย่างนั้น!”
จากนั้นก็สาวเท้าตามคณพศไป
เบื้องหลังนั้นหญิงสาวเผยประกาบวาบในดวงตา
หนึ่งชั่วโมงก่อนหน้านั้น พิมมี่เจอกับณัชยา ผู้หญิงคนนี้ไม่สนเรื่องของคณพศและนาราอีกต่อไป เธอต้องการเพียงหาโอกาสที่จะทำให้พวกเขาต้องเจ็บปวดเจียนตาย
อะไรก็ตามที่จะสามารถแยกพวกเขาออกจากกันได้ เธอก็จะทำ เพราะเธอไม่ต้องการให้นาราได้มีความสุขอยู่อย่างนี้
“ พี่ณัจยา ฉันจะบอกข่าวดีให้นะ นังสารเลวนารานั่นทะเลาะกับคณพศแล้ว! ผู้หญิงคนนั้นไม่เห็นโลงศพไม่หลั่งน้ำตา หน้าด้านจริงๆ !แต่ก็ทำให้คณพศโมโหไม่น้อย เธอว่าจะมีอะไรทำให้คณพศกระฟัดกระเฟียดขนาดนั้น ฉันว่านะ คณพศคงจะใกล้หมดความอดทนแล้วแน่ๆ ไร้สาระชะมัด….” พิมมี่อ้าปากพูดจ้อไม่หยุด
ณัจยายิ้มเล็กน้อย ฟังโดยไม่พูดอะไร
“ น้องสาว ดื่มน้ำสักหน่อย ” ณัจยาหยิบน้ำแก้วหนึ่งส่งให้พิมมี่ แต่โชคร้ายไปสักหน่อย มันหกลงบนกระโปรงของพิมมี่เข้าอย่างจัง
“ อุ้ยตาย จะทำยังไงดีล่ะเนี่ย ฉันไม่ระวังเอง แถมที่นี่ก็ไม่มีชุดให้เธอเปลี่ยนด้วยสิ…”
ณัจยาตีหน้าเศร้า แต่ใจจริงนั้นเบิกบานสุดๆ
พิมมี่ไม่ได้สนใจอะไรจึงไม่ได้ใส่ใจเรื่องเล็กน้อย
“ ไม่เป็นไรค่ะ พี่ณัจยา ฉันกลับบ้านไปเปลี่ยนก็ได้ อีกเดี๋ยวจะออกมาหา แต่บ้านฉันก็ไกลมาก…” พิมมี่พูดต่อ
“ ขอโทษด้วย เดี๋ยวฉันต้องไปทำงาน คงจะอยู่เป็นเพื่อนไม่ได้ เปลี่ยนวันนัดเถอะ ”
“ ได้เลย! ”
ณัจยาจะไปเป็นเพื่อนกับผู้หญิงหน้าโง่อย่างพิมมี่ได้ยังไง เธอก็แค่ใช้หล่อนเป็นเครื่องมือสืบข่าวของคณพศเท่านั้น ไม่นึกว่าผู้หญิงคนนี้จะได้ข้อมูลชั้นดีกลับมาทุกครั้งซะนี่
แค่เธอไม่ชอบขี้หน้าหล่อนมากไปหน่อย เลยจงใจเทน้ำใส่ ให้หล่อนกลับไปซะ เธอไม่ต้องการจะเสวนากับผู้หญิงคนนั้นมากนัก
ณัจยาที่ได้ข้อมูลนี้ก็ไปลางานกับบริษัททันที ทั้งยังกลับบ้านเปลี่ยนชุด บรรจงแต่งหน้า แล้วรออยู่ที่ประตูบริษัทตระกูลปัญญาพนต์
เมื่อเห็นคณพศออกมาจากประตู ในเต้นระทึก เธอยิ้ม
เดินเข้าไปในปู่ชิงคลับกับคณพศ
เธอแค่จงใจหาโอกาสที่จะได้พบกับคณพศ เธอไม่เชื่อว่าเขาจะไม่ไขว้เขว เธอไม่ยอมรับ!
นารามองแผ่นหลังที่ลับเข้าไปในคลับ มุมปากโค้งขึ้น
ผู้ชายของเธอ เธอจะต้องฉกเขากลับมาให้ได้
คณพศออกจากปู่จิงคลับแล้วกลับบ้าน
ดึกมากแล้ว เขาผลักประตูห้องนอน ในห้องมืดสนิท เขาเปิดไฟ ผ้าห่มในห้องนั้นยังอยู่เรียบสนิท
เธอยังไม่กลับมาอีก!
คณพศโมโหขึ้นมาทันที
เขาเดินตึงตังออกจากห้อง ผู้หญิงคนนั้นคิดจะเล่นซ่อนหาอีกรึไง
แต่ขณะที่เขาคิดจะหยิบมือถือขึ้นมา ก็เห็นแสงไฟจากห้องหนังสือ เขาชะงักเล็กน้อย
ก้าวเท้าเข้าไป ผลักประตูออก
ภายใต้แสงไฟสลัว หญิงสาวฟุบหลับอยู่บนโต้ะหนังสือ บนกระดานวาดภาพนั้นมีฝีพู่กันของเธอ ยอดเขาสูงใหญ่ ดอกไม้บานอย่างเดียวดาย เติบโตอยู่ในซอกหิน….
คณพศเดินค่อยๆ เดินไปมองภาพวาดบนขาตั้ง ความเจ็บปวดแล่นปราดเข้ามาในใจ :ผางามพริ้มพราย เดียวดายเบ่งบาน
เธอสิ้นหวังอะไรขนาดนั้น หมดศรัทธาในทุกสิ่งอย่าง หรือหมดความเชื่อมั่นในตัวเขา
เขาวางกระดานวาดรูปลง ก่อนเดินเข้าไปอย่างนุ่มนวล อุ้มร่างเล็กของหญิงสาวขึ้น
เธอผอมลง ร่างในอ้อมแขนนั้นเบามาก….
เธอไม่มีความสุข! เขาก้มลงมองหญิงสาวที่หลับอย่างไม่เป็นสุข ใบหน้าซีดเซียว
เขาพาเธอมาที่เตียง ช่วยเธอห่มผ้าห่ม ก่อนหยิบชุดนอนเข้าไปในห้องน้ำ
ไม่นานเขาก็เดินออกมาพร้อมสวมเสื้อคลุมอาบน้ำ เลิกผ้าห่มขึ้น กอดร่างผอมบางเอาไว้แน่น
นารา เชื่อใจผมนะ ผมรักคุณ
เขาหลับตาลง รับรู้ถึงความอบอุ่นในอ้อมกอด นาราขยับหาท่าที่สบายตัวแล้วหลับอย่างสงบเงียบโดยไม่รู้สึกตัว
เช้าวันรุ่งขึ้น ตอนที่นาราตื่นขึ้นมา บนเตียงไร้ซึ่งเงาของคณพศ
เธอจำได้ว่าเมื่อวานหลับไปในห้องหนังสือนี่นา ทำไมมาอยู่ที่เตียงได้?
เป็นคณพศที่อุ้มเธอมาที่เตียง ต้องเป็นเขาแน่ๆ
นาราอาบน้ำเสร็จแล้วลงมาด้านล่าง ป้าอ้ายยิ้มเล็กน้อย “ คุณนารา ท่านประธานสั่งไว้ว่าให้ทำซุปให้คุณ บอกว่าช่วงนี้คุณซูบผอมลง ให้บำรุงร่างกายสักหน่อย ”
“ ฉันไม่เป็นไร ป้าอ้าย อาการป่วยหายมาหลายวันแล้วค่ะ ” เธอนั่งที่โต้ะ ป้าอ้ายเสิร์ฟซุปให้เธอชามหนึ่ง
เธอค่อยๆ ดื่มซุป สักพักคนรับใช้ก็เดินเข้ามา
“ คุณผู้หญิงนารา นายท่านมาค่ะ ”
นาราอึ้งไปเล็กน้อย คุณปู่?
เธอทันทีที่ลุกขึ้นก็เห็นกษาปณ์ที่เดินเข้ามาให้ห้องโถงแล้ว
นาราเดินเข้าไป “ คุณปู่ สวัสดีค่ะ ”