บทที่ 147 กษาปณ์เป็นลม
เขาไม่ได้เอ่ยอะไรออกมาอีก หันกลับไปโทรศัพท์หาเด่นภูมิ
ได้ยินน้ำเสียงเดือดดาลของคณพศ เด่นภูมิก็รู้แล้วว่าเขาตามไปไม่ทัน
เด่นภูมิแสดงออกมาถึงความรักแต่ก็ช่วยอะไรไม่ได้ เครื่องบินได้บินห่างจากเมืองธิตกลไปไกลแล้ว การจราจรบนอากาศไม่สามารถตามไปได้ตามอำเภอใจ แบบนี้จะทำให้เกิดอุบัติเหตุทางอากาศได้
หากคณภพอยากให้เครื่องบินหยุด หรือลงจอดฉุกเฉิน ผลที่ตามมาคงไม่ดี อย่างไรเสียคนบนเครื่องก็มีเป็นร้อย
อีกอย่าง เขาไม่สามารถรับรองได้ว่าคนบนเครื่องจะรู้สึกกลัว ทำไมต้องถูกบังคับให้ลงจอด อีกทั้งความปลอดภัยของนาราก็สำคัญ
ฟังเด่นภูมิพูดแล้ว เขาโกรธจนเตะถังขยะล้มได้ในครั้งเดียว ไม่รู้จะเอาความโกรธนี้ไปลงที่ไหน
อะไรมันจะแย่ขนาดนี้ เขายื้อเธอไว้ไม่ได้
ดีจริง นารา รอคุณกลับมา ดูว่าผมจะจัดการคุณอย่างไร
วันต่อมา เรื่องที่คณพศไปก่อความวุ่นวายและทำร้ายเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยพาดหัวข่าวลงในหนังสือพิมพ์
เห็นได้ชัดว่ามีคนตั้งใจเล่นข่าวนี้เนื้อหาเขียนอย่างละเอียดว่าเขามาก่อกวนอย่างไร กระทั่งเรื่องบังคับเครื่องลงจอดฉุกเฉิน บอกเป็นนัยว่าเขายังมีความคิดเป็นเด็กยังไม่โต ยากที่จะรับหน้าที่ดูแลบริษัทตระกูลปัญญาพนต์ได้
ที่แท้ ก็เป็นฝีมือของวิษณุส์ที่ส่งคนมาทำเรื่องแบบนี้ เขาได้ยินพิมมี่พูดเรื่องมีคนแอบถ่ายแล้วส่งวิดีโอให้นารา จึงส่งคนคอยจับตามองคณพศ รอจังหวะลงมือ
ในที่สุดก็ไม่เสียแรงเปล่า นาราโกรธจนหนีออกจากบ้านไปแล้ว อีกอย่างก็คือ คนที่ไม่รู้จักยับยั้งตัวเองอย่างคณพศ ในที่สุดก็สูญเสียการควบคุม สร้างความวุ่นวายในสนามบิน
คนที่รอคอยจังหวะดึงคณพศร่วงจากหลังม้าแบบวิษณุส์มีหรอจะพลาดโอกาสที่ดีขนาดนี้ เขาจะกอดมันไว้ให้แน่น
ทันทีที่มีคนกระจายข่าวของคณพศให้แพร่กระจายอย่างกว้างขวาง จนกระทั่งส่งหนังสือพิมพ์ไปให้กษาปณ์
ทันทีที่เห็นข่าว กษาปณ์โกรธมาก เรียกตัวคณพศกลับมาทันที
มองใบหน้ากรุ่นโกรธที่ปู่มีต่อเขาครั้งแรก เขารู้ว่าเป็นเพราะข่าวในหนังสือพิมพ์นั่นจึงเรียกตัวเขากลับมาอย่างแน่นอน จึงก้มหน้าอย่างฉลาด ไม่ได้เอ่ยอะไรออกมา
“ดูสิว่านี่คืออะไร ก่อเรื่องวุ่นวายจริงๆ คณพศ แกนี่ทำลายภาพลักษณ์ของตัวเองจริงๆ” กษาปณ์โกรธเพราะเรื่องนี้ส่งหนังสือพิมพ์ฉบับนั้นให้คณพศ “แกเป็นผู้อำนวยการบริษัทตระกูลปัญญาพนต์นะ ทำไมถึงได้ทำเรื่องโง่แบบนี้ ทำร้ายเจ้าหน้าที่ บังคับเครื่องลงจอดฉุกเฉิน ผู้หญิงคนเดียวมีค่าพอให้แกต้องทำถึงขนาดนี้ถึงขั้นไม่สนใจอะไรเลยหรอ?”
คณพศรู้ดีว่ากษาปณ์มีอคติกับนารา แต่ไม่รู้ว่าจะมีอคติต่อเธอรุนแรงขนาดนี้ “คุณปู่ครับ เขาเป็นภรรยาของผม ผมยอมไม่ได้ที่เธอจะจากผมไป”
“บ้าบอ”กษาปณ์ตบมือลงไปบนโต๊ะมองคณพศอย่างโกรธเกรี้ยว “เพื่อเธอแกถึงขั้นกล้าทำเรื่องปัญญาอ่อนแบบนี้ เธอช่างหลอกล่อแกจนหัวปักหัวปำจริงๆ”
จ้องมองผู้ชายตรงหน้า กษาปณ์ไม่ได้มีใจที่จะตำหนิเขา เพียงแต่รู้สึกว่าเขาทำอะไรโดยเอาความรู้สึกส่วนตัวเป็นที่ตั้งจนเกินไป
“เธอก็แค่ไปฝรั่งเศสไม่ใช่หรอ ใช่ว่าจะไม่กลับมา แกจะตื่นตระหนกไปทำไมกัน แกเป็นถึงผู้อำนวยการบริษัท ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหนก็ถือว่าเป็นตัวแทนที่สูงส่งเป็นหน้าเป็นตา แกทำอะไรปัญญาอ่อนแบบนี้จะให้คนอื่นเขาคิดยังไง” กษาปณ์มีใจร้อนรนบังคับเรียกร้องให้คนรุ่นหลังประพฤติในแนวทางของตน
“ปู่ครับ ผมรักเธอ มาดหมายไว้แล้วว่าเธอจะเป็นคู่ชีวิตคนเดียวของผมตลอดไป เธอกำลังโกรธ ผมไม่สามารถปล่อยเธอหนีไปคนเดียวได้ เพราะแบบนี้ ผมคงกินไม่ได้นอนไม่หลับ” คณพศร่ายยาวให้กษาปณ์ได้รับฟัง
กษาปณ์มองดูคณพศที่ถูกผู้หญิงคนนั้นหลอกล่อจนเสียสติไปแล้ว โกรธจนมือสั่นเทา “ดี ดี ฉันว่าแกถูกเธอล่อลวงจนหลงเลอะเลือนไปหมดแล้ว แกจะยอมทิ้งตำแหน่งผู้อำนวยการเพราะเธอเลยใช่ไหม ฉันว่าแกยังไม่มีคุณสมบัติมากพอที่จะรับตำแหน่งนั้น จะให้ดีมอบมันให้พี่รองของแกมาทำเถอะ”
กษาปณ์คิดเพียงแต่ว่าคนในตระกูลของเขาไม่ควรทำลายภาพลักษณ์ตัวเองเพื่อผู้หญิง เขาไม่เคยมองนาราว่าดีเลย เพราะเธอไม่เหมาะสมเป็นหลานสะใภ้ของตระกูลปัญญาพนต์ คนที่จะมาเป็นนายหญิงของตระกูลจะต้องมาจากตระกูลสูงศักดิ์มีหน้ามีตา
แต่นาราเป็นได้เพียงผู้หญิงนอกสมรสเท่านั้น
ฟังที่ปู่พูด คณพศตระหนกไปพักหนึ่ง
ต่อจากนั้นยักไหล่บ่งบอกว่าไม่ได้ใส่ใจ “ถ้าปู่ต้องการ ผมยังไงก็ได้” เขารู้ว่าปู่พูดไปเพราะความโกรธ
“แก”กษาปณ์ลุกขึ้นอย่างโกรธเกรี้ยว มือสั่นเทาชี้ไปที่คณพศ “แกอยากให้ฉันโมโหจนตายเลยหรือไง แกไม่เชื่อฟังแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ฉัน ฉัน ฉัน….”
ขณะที่กำลังเอ่ย ร่างกายของกษาปณ์ก็เอนล้มไปด้านหลัง
คณพศตกใจ “ปู่ครับ”
รีบเข้าไปพยุงกษาปณ์ รีบโทรเรียกรถพยาบาล
“ปู่ครับ ผมขอโทษ ผมผิดไปแล้ว ปู่อย่าโกรธเลย”
รถพยาบาลเทียบท่า ส่งกษาปณ์ไปถึงโรงพยาบาล ส่งไปที่ห้องฉุกเฉิน
ผ่านไปไม่นาน คุณหมอที่รับผิดชอบก็เดินออกมา “คุณคณพศครับ คุณกษาปณ์เพียงแค่เครียดหนักทำให้ความดันเพิ่มสูงจึงเป็นลมไป ไม่ได้เป็นอะไรมาก ต้องให้พักรักษาสักระยะหนึ่ง ไม่นานก็กลับมาเป็นปกติแล้วครับ”
เตียงผู้ป่วยถูกเข็นออกมาจากห้องฉุกเฉิน ยังคงสลบไสล แต่สีหน้ากลับไม่ได้น่าตกใจเหมือนตอนมาถึง
คณพศรีบเดินไปช่วยเข็น มุ่งตรงไปยังห้องผู้ป่วยวีไอพี
จัดตำแหน่งท่าทางกษาปณ์ให้เรียบร้อย วิษณุส์เดินเข้ามาพร้อมกับพิมมี่
“ดูแกก่อเรื่องสิ ทำให้ตระกูลขายหน้ายังไม่พอ ยังทำให้คุณปู่ต้องโกรธจนเข้าโรงพยาบาล” พอวิษณุส์ขึ้นมาก็ตำหนิคณพศ อยากระบายความโมโหซักหมัด
คณพศมองไปยังวิษณุส์เอ่ยเย้ยหยัน “ถ้าไม่ใช้ฝีมือแกทำกับฉันแบบนี้ ปู่คงไม่ต้องเข้าโรงพยาบาล ดูเหมือนว่าเคราะห์ร้ายครั้งที่แล้วแกยังไม่ได้รับบทเรียนสินะ”
ดวงตาคมราวกับจะแทงทะลุวิษณุส์
วิษณุส์กัดฟันกรุ่นโกรธ แต่ไม่กล้ายอมรับว่าตัวเองเป็นคนก่อ เพียงแค่เดินผ่านคณพศไป “หลบไป ฉันจะไปดูปู่”
คณพศไม่ขยับ “แกอย่าคิดทำอะไรชั่วๆอีก ถ้าปู่เป็นอะไรไป ฉันจะให้แกอยู่กับความรู้สึกผิดไปตลอดชีวิต”
พี่ชายของเขาคนนี้เดิมทีก็อยากจะให้เขาตายๆไปทำไมเขาต้องเกรงใจด้วยล่ะ
วิษณุส์ชนคณพศแรงๆครั้งหนึ่งเดินไปยังห้องของกษาปณ์
พิมมี่เดินตามเข้าห้องผู้ป่วยไป ก่อนเข้าไปยังไม่ลืมเอ่ยเย้ยหยันคณพศ “ได้ข่าวว่าท่านผู้อำนวยการไปมีเรื่องทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ที่สนามบิน ช่างเป็นบุญตาจริงๆ”
คณพศคร้านจะสนใจ เอ่ยออกมาอย่างเยือกเย็น “ไสหัวไป”
แม้พิมมี่จะมีวิษณุส์คอยคุ้มหัวแต่ใบหน้ากลับซีดเซียว
“คุณ….อย่าให้มันมากเกินไป ฉันแค่มาเยี่ยมคุณปู่” เธอเดินอ้อมผ่านคณพศอย่างระมัดระวัง เดินตามวิษณุส์เข้าห้องผู้ป่วยไปอย่างรวดเร็ว