ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1870 : ทวงหาความรับผิดชอบ

ตอนที่ 1870 : ทวงหาความรับผิดชอบ
  ที่สำนักงานของเผ่าสวรรค์
เมื่อได้รับข่าวจากพวกแนวหน้า แม่ทัพหลายคนก็พากันอารมณ์เสียขึ้นมา พวกเขาส่งข้อความหาแรนเดลเพื่อถามว่า ทำไมถึงปล่อยทีมคังเฉียงและทีมลั่วชาไป แต่ข้อความนั้นก็เหมือนกับโยนหินลงน้ำ พวกเขาไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมาเลย
จนกระทั่งกองทัพได้ถอนตัวกลับมาหมด แรนเดลถึงได้ตอบกลับ ” หุบปาก! เมื่อข้ากลับไป ข้าจะบอกพวกเจ้าเอง ”
” ก็ดี ข้าจะรอที่สำนักงาน ข้าอยากเห็นว่าเจ้าจะแก้ตัวว่ายังไง ” แม่ทัพคนหนึ่งพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา
ครึ่งวันต่อมา แรนเดลก็ได้กลับมาถึงสำนักงาน
” เจ้ามัวทำอะไรอยู่ ? ถึงได้ใช้เวลานานกว่าจะกลับมาถึงได้” แม่ทัพคนหนึ่งหาเรื่องทันที
แม่ทัพคนที่เหลือก็อดไม่ได้ที่จะมองแรนเดลด้วยสีหน้าสงสัย ความแข็งแกร่งระดับแม่ทัพแต่ทำไมถึงได้ใช้เวลานานขนาดนี้
พวกเขาสงสัยว่าแรนเดลแอบไปทำอะไรอย่างอื่นระหว่างเดินทางกลับมา และถึงกับสงสัยว่าแรนเดลออกไปส่งศัตรู เพื่อที่ทั้งสองทีมจะได้กลับไปอย่างปลอดภัย
มันโทษพวกเขาไม่ได้ที่จะสงสัยแบบนี้ เพราะการกระทำของแรนเดลนั้นมันชวนให้สงสัยจริงๆ
” เจ้าควรอธิบายมา ไม่เช่นนั้นอย่าโทษที่เรารายงานเรื่องนี้ต่อจักรพรรดิ เขาจะตัดสินลงโทษเจ้าเอง ” แม่ทัพอีกคนพูดขึ้นมา
แรนเดลฮึดฮัดออกมา ” อย่าเอาจักรพรรดิมาขู่ข้าเลย ข้าภักดีต่อจักรพรรดิแค่ไหน เขารู้ดียิ่งกว่าใคร ”
” เลิกไร้สาระเสียที” แม่ทัพอีกคนพูดขึ้น ” มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? ”
เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็เงียบไปทันที แม้แต่แรนเดลก็ไม่กล้าจะเถียงอะไรออกมา
แรนเดลสูดหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้น ” ตอนที่ข้าไปถึงสนามรบข้าก็พร้อมจะลงมือแล้ว แต่ข้าโดนชายคนหนึ่งหยุดเอาไว้ ”
” ใคร?”
” หัวหน้าทีมคังเฉียง ” แรนเดลพูดขึ้นด้วยสีหน้าสลด เขาถึงกับแสดงท่าทีหวาดกลัวออกมานิดๆ
” หัวหน้าทีมระดับราชาจะหยุดเจ้าได้รึ ?” แม่ทัพอีกคนอดที่จะสงสัยไม่ได้ ” เท่าที่้ข้ารู้มา ทีมราชาที่แข็งแกร่งที่สุดคือทีมลั่วชา แต่นางอ่อนแอกว่าเจ้าอย่างมาก ความแข็งแกร่งของทีมคังเฉียงแม้ว่าจะเหนือกว่าทีมลั่วชามาก แต่หัวหน้าของพวกนั้นอย่างมากก็คงทัดเทียมกับลั่วชาได้ไม่ใช่รึ ?”
ทั้งโกลาหลซื่อเซียวนั้นทีมที่พวกเขาเกรงกลัวก็มีแค่ทีมเทพปีศาจเท่านั้น
เอาจริงๆแล้วพวกเขาไม่ได้กลัวทีมเทพปีศาจ แต่กลัวหัวหน้าของเทพปีศาจ….เสียเทียนต่างหาก !
ชายคนนี้มีความแข็งแกร่งทัดเทียมกับแม่ทัพ !
” เจ้าอย่าบอกนะว่าเจ้ากลัวหัวหน้าทีมคังเฉียงจนต้องปล่อยทั้งสองทีมนั้นไป ? นี่มันไม่ตลกเลยสักนิด ! ” แม่ทัพคนหนึ่งตะคอกออกมา
แรนเดลสีหน้าบิดเบี้ยว เพราะแม่ทัพทุกคนต่างก็พูดถูก
” ข้าอยากได้ยินคำอธิบายของเรื่องนี้” แม่ทัพใบหน้าน่าเกลียดพูดขึ้น ” เราไม่ได้เห็นหัวหน้าทีมคังเฉียง เราไม่รู้ว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งแค่ไหน แต่ถึงจะแกร่งแค่ไหนก็ไม่น่าจะเป็นคู่มือของเจ้าได้ แม้ว่าอีกฝ่ายจะอยู่ระดับแม่ทัพแต่ก็ไม่มีเหตุผลที่เจ้าจะปล่อยทีมคังเฉียงและทีมลั่วชาไป ยังไงซะคนระดับแม่ทัพในเผ่าสวรรค์ของเราใช่ว่าจะขัดสน มันไม่ใช่เหตุผลที่เจ้าจะปล่อยพวกนั้นไป เจ้าจะร้องขอความช่วยเหลือจากพวกเราก็ได้ ด้วยความเร็วในการสนับสนุนของเราแล้ว ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเทียบเราได้รึ ?”
ไม่ใช่ว่าพวกเขาหลงตัวเอง แต่แม่ทัพหนึ่งหรือสองคนนั้นยากจะเป็นภัยต่อพวกเขาได้จริงๆ
โกลาหลซื่อเซียวมีแม่ทัพ 3 คน หากรวมกับเสียเทียนแล้วก็เป็น 4 ฝั่งพวกเขาแค่แม่ทัพอย่างเดียวก็มี 5 คนแล้ว มันยังมีรองแม่ทัพและพวกระดับสูงอื่นๆอีก
หากแม่ทัพเผ่าชีวิตกล้าเข้ามาในอาณาเขตพวกเขาจริงๆ อีกฝ่ายก็จะโดนรุมโจมตี มันเป็นไปไม่ได้ที่จะรอดไปจากอาณาเขตของเผ่าสวรรค์ได้
” ข้าคิดจะขอความช่วยเหลือ แต่ว่า…” แรนเดลพึมพำออกมา ” เมื่อข้าได้เห็นความแข็งแกร่งของเขา ข้าก็เลิกคิดเรื่องนั้นไปเลย ”
” เจ้าหมายความว่ายังไง ? ” แม่ทัพที่ดูมีอำนาจที่สุดขมวดคิ้ว การขมวดคิ้วของเขาทำให้คนอื่นๆหวาดกลัวกันขึ้นมา
แรนเดลเงยหน้ามองไปรอบๆและพูดขึ้นมาด้วยเสียงที่แหบแห้ง ” หากข้าบอกว่าชายคนนี้น่าจะเป็นจักรพรรดิ พวกเจ้าจะเชื่อรึไม่ ?”   ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นเหล่าแม่ทัพต่างก็พากันหัวเราะกับคำพูดของแรนเดล
” จักรพรรดิรึ ? ฮาฮา แรนเดล เจ้าแต่งเรื่องนี้ขึ้นเพื่อที่จะเว้นโทษของตัวเอง ! ”
” จักรพรรดิจะสนใจชีวิตของพวกนั้นรึ ? ”
” จักรพรรดิคือตัวตนที่สูงส่งเหนือใคร ต่อให้แม่ทัพตายไป พวกเขาก็ไม่เข้ามายุ่งหรอก…”
” หากจักรพรรดิเข้ามายุ่งจริงๆ งั้นจักรพรรดิของพวกเราก็คงไม่อยู่เฉย…”
เมื่อเห็นรอยยิ้มของทุกคน แรนเดลก็พูดขึ้น ” จริงอยู่ว่ามันยากที่จะเชื่อ แต่มันคือความจริง หัวหน้าทีมคังเฉียงนั่นน่าจะเป็นจักรพรรดิ หากไม่ใช่จักรพรรดิก็น่าจะใกล้เคียงกับระดับจักรพรรดิ ”
” พอได้แล้วแรนเดล ! ” แม่ทัพที่ดูมีอำนาจที่สุดตะคอกขึ้นมา ” เราแค่อยากรู้ความจริงเรื่องนี้ ! อย่าแต่เรื่องมาหลอกเรา ! ” เขามองไปที่แรนเดลด้วยสายตาไม่พอใจ ” ข้าให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย หากเจ้าไม่บอกความจริง ข้าจะรายงานเรื่องนี้กับจักรพรรดิเพื่อให้เขาตัดสินโทษเจ้า ”
แรนเดลไม่แปลกใจที่ทุกคนจะสงสัยเช่นนี้ เขาหัวเราะออกมาก่อนจะเผยรอยยิ้มแปลกๆ ” พวกเจ้าไม่เชื่อใช่รึไม่ ? พวกเจ้าคิดว่าข้าโกหกสินะ ? แต่หากข้ามีหลักฐานล่ะ ?”
” หือ ? หลักฐานรึ ? หลักฐานที่พิสูจน์ว่ามีจักรพรรดิน่ะรึ ?” แม่ทัพคนหนึ่งเยาะเย้ยขึ้นมา ” ได้ หากเจ้ามีหลักฐานจริงๆ ข้าจะเชื่อเจ้าและจะยอมขอโทษเจ้าด้วย ”
” งั้นก็เอาหลักฐานออกมา ข้าอยากเห็นว่าเจ้ามีอะไรพิสูจน์ว่ามีจักรพรรดิอยู่ที่นี่ ”
แม่ทัพที่ดูมีอำนาจที่สุดคิ้วขมวดหนัก แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
” นี่ไงหลักฐาน ” ภายใต้สายตาของทุกคน แรนเดลได้เอาเศษบางอย่างออกมา ” ถ่างตาพวกเจ้าดูดีๆ นี่คือหลักฐานที่พวกเจ้าต้องการ หลักฐานนี้เพียงพอที่จะพิสูจน์ว่าข้าไม่ได้โกหก ! ”
” แค่เศษหินนี่น่ะรึ ? มันเกี่ยวข้องอะไรกับจักรพรรดิกัน ? ”
” แรนเดล เจ้าโง่รึไงกัน ? ของแบบนี้จะพิสูจน์ได้ยังไงว่ามีจักรพรรดิมาที่นี่ ? ”
” แค่เศษหินไม่ใช่รึไง ? ”
” เจ้าบ้าไปแล้วรึ ! ”
แต่แม่ทัพที่มีใบหน้าน่าเกลียดกลับขมวดคิ้ว เขารู้สึกว่าหินพวกนี้ดูคุ้นตา เขาหรี่ตาลงก่อนจะเผยสีหน้าหวาดกลัวออกมา ” นี่…” เขาเงยหน้าขึ้นพร้อมเผยสีหน้าเหลือเชื่อออกมา และมองไปที่แรนเดล ” นี่…คือเศษดาบแสงรึ ? ”
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ทุกคนต่างก็เงียบไป
” นี่คือเศษดาบแสงรึ ? ” เสียงหัวเราะหยุดลงทันที พวกเขาพากันมองไปที่เศษหินด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ
นี่คือเศษของดาบแสงจริงๆ !
พวกเขาคงไม่เชื่อหากไม่ได้เห็นกับตาตัวเอง !
พวกเขาทำงานกับแรนเดลมานาน เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะรู้ว่าดาบแสงนั้นคือสมบัติโกลาหลระดับสมบูรณ์ที่จักรพรรดิให้กับแรนเดล นี่คืออาวุธที่แรนเดลใช้บ่อยที่สุด !
แต่ตอนนี้มันกลับพังไปแล้ว !
” ข้าอยากถามเจ้าว่าต้องมีความแข็งแกร่งระดับไหนถึงทำลายสมบัติโกลาหลระดับสมบูรณ์ได้ ? ” แรนเดลมองไปที่เหล่าแม่ทัพ ” เราล้วนแต่เป็นแม่ทัพ พวกเจ้าคิดว่าพวกเจ้ามีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะทำลายมันได้รึไม่ ?”
ตอนนั้นทุกคนต่างก็สะดุ้งและเงียบไป
แม่ทัพที่ดูมีอำนาจที่สุดพูดขึ้น ” ดาบแสงถูกทำลายโดนหัวหน้าทีมคังเฉียงรึ ? ”
” เจ้าอาจจะไม่เชื่อ แต่ชายคนนั้นใช้แค่นิ้วรับดาบแสงเอาไว้ จากนั้นแค่ออกแรงบีบก็ทำลายดาบแสงได้…” แรนเดลจำฉากที่น่ากลัวนี้ได้ดี ” เขาแค่ใช้ฝ่ามืออัดข้าเพียงทีเดียวก็ทำลายร่างกายข้าได้ ข้าเหลือเพียงเศษเสี้ยวจิต ข้าไม่เคยบาดเจ็บหนักแบบนี้มาก่อน หากไม่ใช่เพราะอีกฝ่ายไม่คิดจะฆ่าข้า ข้าคงไม่อาจจะกลับมาที่นี่ได้ ”
ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท