ตอนที่ 383 ฉันติดระเบิดไว้บนตัวเขา
มองแผ่นหลังของคณพศที่ลับหายไปอย่างรวดเร็ว ยชญ์เองก็ตามออกไปอย่างเป็นกังวล
ไม่ได้ เขาปล่อยให้ชายสามตกอยู่ในอันตรายแบบนี้ไม่ได้ ต้องรีบตามน้องสะใภ้โดยเร็วที่สุด!
ยชญ์ออกไปข้างนอกอย่างเร่งร้อน ตามหานาราไปบนท้องถนนอย่างไร้จุดหมาย
แต่ถึงฮาวายนั้นจะเล็ก มันกลับหาไม่ได้หาง่ายขนาดนั้น ยชญ์วิตกกังวลจนเหงื่อโชก แต่กลับไม่พบวี่แววของนาราเลยแม้แต่น้อย
ในขณะที่ยชญ์กำลังจะหมดหวัง สุดท้ายเขาก็เหลือบไปเห็นเงาหลังของนาราที่สี่แยกข้างหน้า
“น้องสะใภ้ น้องสะใภ้!” ยชญ์ตะโกนเรียกนาราเสียงดัง
แต่นารานั้นกำลังจดจ่ออยู่กับการถามอยู่ท่ามกลางฝูงชนว่าพวกเขาเห็นมิราบ้างหรือไม่ จึงไม่ได้ยินเสียงของยชญ์เลย
ยชญ์วิ่งเข้าไปหานาราอย่างรีบเร่ง ไม่นานก็ไปถึงตรงหน้าเธอ แล้วคว้ามือเธอเอาไว้ “น้องสะใภ้ รีบมากับผมเร็ว เร็วเข้า!”
นาราถูกยชญ์ทำให้สับสนเล็กน้อย “อะไรกันน่ะ? จะให้ฉันไปไหนกับคุณ?”
ยชญ์ที่ไม่มีเวลาอธิบาย จึงเดินไปพูดไป “คุณรีบมากับผม เป็นวิษณุส์ เป็นเขาที่จับตัวมิราไป!”
“ว่าไงนะ?” หัวใจของนาราแทบกระโดดขึ้นมาที่คอ “เป็นวิษณุส์ไปได้ยังไง เขาคิดจะทำอะไรกันคะ?!”
“ผมไม่รู้ เขาให้ชายสามเตรียมหนึ่งพันล้านเอาไว้ให้เขา นอกจากนี้ยังไม่ให้เขาไปที่ท่าเรือคนเดียว ห้ามแจ้งตำรวจ และพาคนไปไม่ได้ด้วย” ยชญ์พูดอย่างรวดเร็ว “ชายสามไปทางท่าเรือแล้ว แต่วิษณุส์ในตอนนี้เป็นหมาหัวเน่าที่ไม่มีทางไปแล้ว เขาจะทำอะไรขึ้นมาก็ได้ ชายสามรีบไปทั้งแบบนี้จะเสียเปรียบได้”
นาราตกตะลึง “งั้นตอนนี้พวกเราจะทำยังไงดีล่ะ? ควรไปหาพวกเขาที่ไหน?”
“ ด้านหน้าท่าเรือเฉียนวาน รีบขึ้นรถเร็วเข้า!” ยชญ์พูดพลาง ชี้ไปที่รถของตัวเอง “เราตามไปดูที่ท่าเรือเฉียนวาน กัน จะให้ชายสามตกอยู่ในสถานภาพที่เสียเปรียบไม่ได้ จาดนั้นก็ร่วมมือกับเขาช่วยนายน้อยออกมา”
“ค่ะ ค่ะ” นาราเอ่ยพลางพยักหน้า พูดกับเคนโด้ที่ตามออกมาเ้วยกัน “เคนโด้ ถ้างั้น นายกลับไปก่อนไหม? ฉันไปกับยชญ์ก็พอแล้ว”
“ทำไมล่ะ? ฉันเองก็อยากช่วยเธอตามหามิราให้เจอให้เร็วที่สุดนะ นารา เธอไม่เคยเห็นฉันเป็นคนของตัวเองเลยใช่ไหม?” เคนโด้พูดอย่างรู้สึกแย่ “คณพศอาจจะไปหามิราโดยไม่คำนึงถึงชีวิตตัวเอง นารา ฉันเองก็ไม่ได้น้อยไปกว่าเลย จริงๆ นะ”
ในเมื่อเคนโด้พูดออกมาขนาดนี้แล้ว นาราก็ไม่ว่าอะไรอีก เพียงแค่พยักหน้า “ก็ได้ เพียงแต่ นายต้องระวังตัวเองไว้ด้วย เพราะสถานการณ์ในตอนนี้อันตรายมาก ฉันอยากให้นายรู้ด้วยว่าวิษณุส์นั้นเสียสติไปแล้ว เขาสามารถที่จะทำอะไรขึ้นมาก็ได้”
“ฉันไม่กลัว จริงๆ นารา ฉันไม่กลัว” เคนโด้เอ่ยด้วยประกายในดวงตา “ฉันชอบมิราจากใจจริง เพื่อช่วยชีวิตเขาฉันยินดีจะแลกด้วยทุกอย่าง รวมทั้งชีวิตด้วย”
คำพูดของเคนโด้พลันทำให้นารารู้สึกละอายใจ เธอนึกถึงหนี้ที่ตัวเองได้ติดกับเขาไว้มาตลอด ในใจก็ยิ่งรู้สึกติดค้างเขามากมายเหลือเกิน
“เคนโด้ ฉัน….” นาราอยากจะเอ่ยคำขอบคุณสักเล็กน้อย แต่คำพูดที่จุกอยู่ที่คอกลับไม่รู้ว่าต้องเอ่ยอะไร
เคนโด้ขัดไม่ให้เธอเอ่ยต่อไป “นารา เธอไม่ต้องพูดแล้ว เรื่องของเธอก็คือเรื่องของฉัน เพื่อเธอ ไม่ว่าต้องทำอะไร ฉันก็จะทำ”
“อย่าพูดไร้สาระกันมาก รีบขึ้นมาเถอะน่า ไม่งั้นจะไม่ทันเวลาจริงๆ แล้วนะ” ยชญ์พูดด้วยอารมณ์ไม่ดีนัก รู้สึกว่าเคนโด้ที่ยังจะหยอดคำหวานๆ ให้น้องสะใภ้ในเวลาแบบนี้นี่มันงี่เง่าชะมัดเลย
ทั้งสามคนรีบขึ้นรถ เร่งไปยัง ท่าเรือเฉียนวาน ที่วิษณุส์ว่าไว้
ในขณะนั้น คณพศได้ทำตามคำขอของวิษณุสิแล้ว เขามาถึง ท่าเรือเฉียนวาน เพียงคนเดียว
ที่นี่คือท่าเทียบเรือของฮาวายที่ถูกทิ้งร้างไปในอดีต เต็มไปด้วยเรือประมงที่ถูกทิ้ง มองจากไกลๆ ดูระเกะระกะไม่น้อย แถมไม่มีคนอยู่เลย
คณพศค่อยๆ เข้าใกล้เรือประมง ยังไม่ทันปีนขึ้นไป ทันใดนั้นก็โดนกำปั้นที่พุ่งออกมาจากข้างในต่อยจนร่วงลงที่พื้น
“หึหึ คณพศ สุดท้ายนายก็มาคนเดียวสินะ”
ผู้ที่ต่อยคณพศนั้นคือวิษณุส์ที่ถูกการแก้แค้นครอบงำจิตใจ ในเวลานั้นจิตใจของเขาได้บิดเบี้ยวไปด้วยความเกลียดชัง หัวเราะลั่นอย่างสะใจ “ฮ่าๆๆๆ คณพศ นึกไม่ถึงเลยว่านายจะมีวันนี้! เห็นไหม? ฉันต่างหากคือราชาที่แท้จริง ส่วนนาย ก็แค่หมาที่มาขอความเมตตาแทบเท้าฉัน!”
คณพศเลือดกบปาก จ้องมองวิษณุส์อย่างไร้อารมณ์ “อย่าพูดไร้สาระให้มากความ ลูกชายฉันล่ะ!?”
“หึ เจ้าหนูนั่น เอ ไม่ใช่ว่าผูกไว้ตรงนั่นหรอกเหรอ” วิษณุส์พูดแล้วชี้ไปยังเรือประมงที่สูงที่สุด ร่างผอมถูกผูกไว้กับเสากระโดงเรือ ซึ่งถูกลมทะเลพัดจนโงนเงน
เลือดในร่างคณพศแล่นพล่าน เขาเห็นร่างของมิราถูกพัดไปตามลม หัวใจพลันแตกสลาย
เขากัดฟันพูด “วิษณุส์ นายมันไม่ใช่คน! เสือยังไม่กินลูกตัวเอง! เขาเป็นหลานชายของนายนะ!”
“เหลวไหล!” วิษณุส์กระโจนอย่างแรง เงื้อกำปั้นต่อยคณพศอีกครั้ง “ตั้งแต่ฉันถูกส่งเข้าคุก บนโลกนี้ฉันก็ไม่มีญาติอีกแล้ว! นายคิดว่านายเป็นใคร? หา? ถึงได้มาสั่งสอนฉัน!?”
คณพศโน้มตัวลงเพื่อหลบการโจมตีของวิษณุส์ มองวิษณุส์ที่ราวกับปีศาจที่ยืนอยู่ตรงหน้า เขาตะโกนอย่างเจ็บปวด “วิษณุส์ รีบตื่นขึ้นมาสักที! ทั้งหมดเป็นเพราะนายทำตัวเอง! นายเกือบจะทำให้บริษัทล้มละลาย แล้วยังทำให้คุณปู่ต้องสิ้นใจอีก ส่งนายเข้าคุกก็เพื่อตัวนายเองทั้งนั้น!”
“เพื่อตัวฉันกับผีน่ะสิ! ทำไมนายไม่ติดคุกซะบ้าง! นายไม่เคยรู้หรอก ว่าห้องขังมันไม่ใช่สถานที่ที่คนจะใช้ชีวิตอยู่ได้!” วิษณุส์ราวกับนึกย้อนกลับไปในช่วงที่อยู่ในคุก อารมณ์ก็ยิ่งกลายเป็นรุนแรงมากขึ้น
กำปั้นเหวี่ยงเข้าหาคณพศอีกครั้ง “ฉันไม่ต้องการความหวังดีจอมปลอมของนาย เตรียมเงินให้ฉันให้พร้อมก่อน ไม่งั้นก็รอเก็บเศษร่างลูกชายนายได้เลย! ฉันติดระเบิดเอาไว้บนตัวเขาแล้ว!”
คณพศนิ่งขรึมลง ยื่นโทรศัพท์มือถือในมือให้กับวิษณุส์ “นี่เป็นบัญชีที่ฉันเปิดใหม่ในสวิตเซอร์แลนด์ ด้านในมีหนึ่งพันล้าน นายตรวจสอบดูได้เลย”
“ที่ฉันต้องการคือเงินสด! เงินสด!” วิษณุส์ไม่ยอมมองโทรศัพท์แม้แต่น้อย ตะโกนอย่างบ้าคลั่งจนคอขึ้นเอ็น “ฉันต้องการเงินสด เงินสด!”
คณพศมองวิษณุส์อย่างเย็นชา “นายบ้ารึเปล่า? เวลากระชั้นขนาดนี้ นายจะให้ฉันเอาเงินหนึ่งพันล้านจากไหนมาให้? และถึงจะให้นายไปแล้ว นายคิดจะเอาไปยังไง? หรือธนาคารของสวิตเซอร์แลนด์นายก็ยังไม่วางใจอีกรึไง?
วิษณุส์ขมวดคิ้วครุ่นคิดเล็กน้อย รู้สึกว่าที่คณพศพูดมาก็มีเหตุผล แล้วคว้าโทรศัพท์มือถือมาจากมือคณพศ “ดีมาก แบบนั้นก็ตัดเรื่องยุ่กยากไปได้มากเหมือนกัน”
ว่าแล้ว เขาก็ก้มหน้าตรวจสอบอย่างจริงจัง พบว่าในบัญชีนี้มีอยู่หนึ่งพันล้านอย่างที่คาด
“หึหึ นายก็ไม่กล้าใช้ลูกไม้กับฉันสินะ!” วิษณุส์ได้เงินแล้ว ก็กระโดดโลดเต้นอย่างมีความสุข จูบมือถือของคณพศสองสามครั้ง “ฮ่าๆ มีเงินพวกนี้แล้ว ฉันก็ไปหลบภัยในต่างประเทศได้ ไม่ต้องมีชีวิตแบบหนูโสโครกที่ประเทศจีนอีกต่อไปแล้ว”