ตอนที่ 389 คุณจะไล่ผมไปได้ยังไง
“ที่รัก คุณจำได้ไหมเมื่อก่อนคุณเคยถามผมว่า ชีวิตนี้แคร์อะไรมากที่สุด? ผมว่าผมต้องลืมบอกคุณไปแน่ ชีวิตนี้สิ่งที่ผมแคร์มากที่สุด มีเพียงคุณกับมิราเท่านั้น”
“ที่รัก ผมยินดีจะทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลัง ขอแค่คุณยอมตกลงให้ผมอยู่ข้างกายคุณ ได้ไหม?”
เพราะเขาไม่สามารถจะให้เธอกลับมาอยู่ข้างกายเขา เขาทำได้เพียงมาอยู่กับเธอเท่านั้น
คณพศเอ่ยอย่างนิ่งสงบ รออยู่นาน ก็ไม่มีเสียงตอบรับมาจากนารา
เขาค่อยๆ มองนาราที่ซบอยู่ที่อกของเขา ถึงได้พบว่า เธอได้หลับไปแล้ว
คณพศมองใบหน้าที่สงบนิ่งของนาราที่กำลังหลับใหล ก่อนกระซิบอย่างเสน่หา “ที่รัก ผมควรทำยังไงกับคุณดีนะ? คนอื่นต่างบอกว่าในวงการธุรกิจคณพศนั้นเป็นดั่งเทพอสูร แต่มีเพียงผมเท่านั้นที่รู้ ต่อหน้าคุณ ผมก็เป็นเพียงคนต่ำต้อยที่ไร้ค่า ความพยายามและทุ่มเททั้งหมดของผม เพียงเพื่อคำปลอบโยนและเสียงหัวเราะของคุณ”
เขาโอบกอดเธอพลางหัวเราะเสียงทุ้ม
ค่ำคืนค่อยๆ ดำเนินไป ในห้องผู้ป่วยกลับคืนสู่ความเงียบสงบ คณพศรักษาท่าทางอย่างยากลำบาก ทั้งต้องยกมือขึ้นพลางกอดนาราที่ทับอยู่บนอกของเขาไปด้วย
จริงๆ ท่านี้ทำให้เขาอึดอัดเล็กน้อย แต่เขากลับมีความสุขมาก และไม่อยากจะขัดจังหวะฝันหวานของนาราด้วย
เพราะเพียงแค่กอดนาราเอาไว้ ชีวิตของเขาก็ถือว่าสมบูรณ์แล้ว และฝันของเขาก็คงจะหอมหวานไปด้วย
เช้าวันรุ่งขึ้น นาราตื่นขึ้นจากความฝัน
เธอหาวอย่างเกียจคร้าน แล้วจึงเพื่งรู้ตัวว่า ที่แท้เมื่อคืนตัวเองหลับไปบนอกของคณพศ
พระเจ้า นี่เธอไม่ได้เผลอหลับไปเร็วขนาดนี้มานานเท่าไหร่แล้วนะ?
นาราส่ายหัวเบาๆ แอบสะกดจิตตัวเองในใจ เธอหลับเพราะเหนื่อยมากต่างหาก ไม่ใช่เพราะคณพศสวมกอดเธออย่างแน่นอน
เธอดึงชายกระโปรงที่ถูกคณพศทับอยู่ออกอย่างระมัดระวัง แล้วลุกจากเตียงอย่างช้าๆ ขณะกำลังจะเดินไปเปิดประตู ประตูห้องผู้ป่วยก็ถูกเปิดเข้ามาอีกครั้ง มีกระโดดเข้ามาอย่างร่าเริง “แดดดี้ หม่ามี๊ ตะวันส่องก้นแล้ว! ได้เวลาตื่นแล้ว!”
พอมิราพูดจบ เพิ่งเห็นว่านารากำลังทำท่าจุปากกับเขา
เขาแลบลิ้นออกมาอย่างเขินอาย เอ่ยทักทายนาราเสียงเบา “หม่ามี๊ อรุณสวัสดิ์ครับ”
“อรุณสวัสดิ์จ้ะ เมื่อคืนลูกนอนที่ไหนเหรอ?” นาราเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเมื่อคืนมิราไม่ได้กลับมา รู้สึกว่าตัวเองช่างเป็นแม่ที่ไม่ได้เรื่องเอาซะเลย
มิราแลบลิ้นออกมาอีกครั้ง “เมื่อคืนลุงยชญ์พาผมไปกินข้าว จากนั้นตอนที่พวกเรากลับมา หม่ามี๊กับแดดดี้ก็กำลังหลับอยู่ ลุงยชญ์เลยบอกให้ผมอย่ารบกวน แล้วก็พาผมไปพักผ่อนที่ห้องผู้ป่วยของผมครับ”
นาราจึงวางใจลง “งั้นก็ดีแล้ว ลูกต้องจำบทเรียนจากครั้งที่แล้ว ห้ามวิ่งไปคนเดียวเด็ดขาด”
“อื้ม ครับ หม่ามี๊ ลุงยชญ์บอกว่า หลังจากนี้ไม่นานผมอาจจะมีน้องชายหรือน้องสาวเพิ่มขึ้นมาสักคนก็ได้ ผมขอเป็นน้องสาวได้ไหมครับ?” มิราถามอย่างจริงจัง
ใบหน้าของนาราร้อนผ่าว แต่เธอก็ไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย “ทำไมลูกถึงอยากได้น้องสาวล่ะ?”
“เพราะผมอยากเป็นพี่ชายครับ จะได้ปกป้องน้องสาวได้ น้องชายซนเกินไป ผมเลยชอบน้องสาวมากกว่า” มิราว่าพลางกอดนาราอย่างออดอ้อน “ได้ไหมครับหม่ามี๊ ปลูกน้องสาวให้ผมหน่อยนะครับ”
“ปลูก?” นาราสับสนเล็กน้อย ปลูก นี่มันหมายความว่ายังไง?
มิราพูดด้วยดวงตาเป็นประกาย “เมื่อวานลุงยชญ์บอกผมแล้ว เขาบอกว่าน้องสาวจะออกมาจากแดดดี้กับหม่ามี๊ร่วมมือกัน แดดดี้จะปลูกไว้ในแปลงของหม่ามี๊ จากนั้นผ่านไปพักหนึ่งก็จะงอก แล้วก็จะค่อยๆ โตขึ้นเป็นผล สุดท้ายก็จะมีน้องสาวออกมาล่ะ”
นาราเลิกเขินอาย แล้วยิ้มฝืดๆ กำชับกับมิรา “จากนี้ไปต้องอยู่ห่างจากลุงยชญ์สักหน่อยนะ เข้าใจไหม?”
“ทำไมล่ะครับ?”
“ใช่แล้ว ทำไมล่ะ น้องสะใภ้?”
มิรากับยชญ์แทบจะเอ่ยเป็นเสียงเดียว นารากุมขมับ บ้าจริง นินทาคนอื่นแล้วโดนจับได้ซะงั้น ไม่มีใครจะให้ทายแล้ว!
แต่เธอจะไปยอมรับโง่ๆ ได้ยังไงกัน นาราโปรยยิ้มที่ทรงเสน่ห์ที่สุดของตัวเองออกมา แกล้งทำเป็นไม่ได้ยินคำพูดเมื่อครู่ของยชญ์ แล้วถามกลับ “ยชญ์ ทำไมมาเช้าจังล่ะ?”
ยชญ์ชูอาหารเช้าในมือขึ้นมา “ไม่ใช่ว่าผมกลัวว่าพวกคุณจะหิวหรอกเหรอ? ถึงได้ตั้งใจมาส่งอาหารเช้าแห่งความรักให้ สุดท้ายกลับมาได้ยินเรื่องแสนน่าเศร้า หม่ามี๊ของใครก็ไม่รู้บอกใครบางคนนั้นให้อยู่ห่างจากผมไว้ เช้าตรู่แบบนี้ ผมได้ยินเสียงหัวใจของตัวเองที่แตกเป็นชิ้นๆ กับความรู้สึกที่ร่วงกราวลงมา เจ็บปวดเหลือเกิน!”
“ยชญ์ฉันไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ฉัน…..” นารานั้นโกหกไม่เก่ง จึงไม่รู้ว่าควรจะพูดว่าอะไรดี
คณพศตื่นขึ้นมาแล้ว คณพศมองยชญ์อย่างจริงจัง “ยชญ์ อย่ารังแกเมียฉัน พูดแล้วนายจะทำไม”
ยชญ์รีบโบกไม้โบกมือ “เปล่า ฉันไม่ได้ติดอะไรกับพวกนายเลย ฉันจะไปว่าอะไรได้ ฉันปกปิดได้เหรอ? เอ้า วางอาหารเช้าของพวกนายไว้นี่นะ ไปเถอะ มิรา ลุงยชญ์จะพาไปเที่ยว”
มิรากินอาหารเช้าไปก่อนแล้ว เมื่อได้ยินว่าจะไปเที่ยว ก็ส่งเสียงอย่างดีใจพลางวิ่งออกไป “เย้ ดีจริงๆ เลย หม่ามี๊ ผมไปเที่ยวแล้วนะ”
พูดจบก็เดินหายไปกับคณพศ ลืมที่นาราบอกว่าให้อยู่ห่างจากยชญ์ไว้เมื่อครู่ไปหมดสิ้น
*
การพักฟื้นผ่านไปครึ่งเดือน ในที่สุดแขนของคณพศก็กลับมาเป็นอย่างเดิม และความรู้สึกของเขากับนาราก็ค่อยๆ ผ่อนคลายลง มิรานั้นยิ่งดึใจเข้าไปใหญ่ ร้องตะโกนว่าเวลาที่มีหม่ามี๊กับแดดดี้อยู่ด้วยแล้วมีความสุขมาก
นาราเองก็ค่อยๆ ปรับตัวได้กับการสื่อความหมายเป็นนัยสารพัดรูปแบบของคณพศได้แล้ว ค่อยๆ เปลี่ยนจากความประหม่าเป็นเฉยเมย แล้วก็เริ่มความขี้เกียจที่จะเพิกเฉย
โชคดีที่ทุกวันยังมีมิราคอยอยู่ด้วย เธอจึงไม่ถูกคณพศฉวยโอกาสไป
เพียงแต่ สุดท้ายก็ยังไม่มีข่าวคราวของเคนโด้ ส่วนเรื่องทั้งหมดของบริษัทก็ถูกส่งมอบให้กับรองประธานจัดการ
นารายังคงทำงานออกแบบของเธออยู่ บอกกับคนนอกว่าเคนโด้ได้เดินทางไปทำงานที่อื่น
ไม่มีข่าวอะไรก็เป็นเรื่องดี นาราได้แต่ปลอบใจตัวเองไปแบบนั้น เธอเฝ้ารออย่างเงียบๆ โดยไม่กล้าคิดอะไรมาก รอคอยการกลับมาของเคนโด้อย่างอดทน
วันนี้ ในที่สุดก็ถึงวันออกจากโรงพยาบาล นาราช่วยคณพศเก็บกวาดอย่างง่าย ยชญ์ได้ดำเนินการติดต่อออกจากโรงพยาบาลไว้แล้ว
“คณพศ ร่างกายของคุณฟื้นกลับมาแล้ว ฉันว่า คุณก็ควรกลับไปเมืองธิตกลได้แล้วนะคะ?” นาราพูดกับคณพศอย่างสุภาพ
คณพศเพิ่งจะเดินออกมาจากประตูโรงพยาบาล ก็ได้ยินนาราไล่เขาไปแล้ว จึงรีบขึ้นรถเธอทันที “ที่รัก สามีภรรยาก็คือนกและป่า คุณจะไล่ผมไปได้ยังไง?”
นาราถลึงตาอย่างอารมณ์เสีย “คณพศ ต้องให้ฉันพูดกับคุณอีกกี่ครั้ง ฉันไม่ใช่ภรรยาของนาย! ต่อจากนี้ช่วยอย่าเรียกฉันอย่างนั้นอีก OK?”
“ไม่มีปัญหา” คณพศยอมตกลงง่ายอย่างผิดสังเกตุ “คุณผู้หญฺงคนสวยนารา ผมขอถามว่าคุณจะทนดูเพื่อนร่วมชาติอยู่ต่างบ้านต่างเมืองได้ยังไง? นอกจากนี้ ยังจะอุ้มทารกน้อยไว้อีก”
ว่าแล้ว คณพศก็หยิกมิราเบาๆ