บทที่ 451 สิ้นหวัง: คุณแม่ คุณยังมีมิรา!
นารานั่งนิ่งบนระเบียง ดวงตาว่างเปล่าไร้แวว เสมือนว่าไม่ได้ยินอะไรทั้งนั้น
คณพศโน้มตัวลง ตักโจ๊กผลไม้ป้อนเข้าปากให้นารา “นารา ทานหน่อยได้ไหม ผมปรุงตั้งนาน มันนุ่มมากแล้วก็หอมมากด้วยนะ…”
“ฮ่าฮ่า…”
นารายกมือของเขาออก แล้วยิ้มเศร้า “ลูกสาวเรามีอายุหนึ่งขวบแล้ว เธอกำลังจะเดิน กำลังจะเรียกแม่” พูดอย่างนั้นในขณะที่น้ำตาก็ไหลพรั่งพรู
“นารา ใช่ ลูกสาวขวบกว่าแล้ว คุณวางใจนะผมจะตามหาเธอคืนกลับมาให้ได้…”
“แกร๊ง…”
ไม่รอให้คณพศพูดจบ ใบหน้าของนาราที่แต่เดิมนิ่งสงบไร้ความรู้สึก ทันใดนั้นก็สูญเสียการควบคุม ปัดโจ๊กผลไม้ในมือของคณพศอย่างบ้าคลั่ง
โจ๊กผลไม้เข้มข้นหกลงพื้น และกระเด็นใส่ตัวนารากับคณพศ
“ไม่คืนกลับมาแล้ว! นี่มันปีกว่าแล้ว แล้วลูกอยู่ที่ไหน” นัยน์ตาที่เยือกเย็นของนาราต้องการแทงทะลุหัวใจของคณพศราวกับดาบอันแหลมคม
คณพศมองท่าทางบ้าคลั่งของนาราด้วยความปวดใจ รู้ว่าในใจเธอเจ็บปวด อดกลั้นความเจ็บปวดแล้วรีบกอดเธอไว้ในอ้อมแขน กระซิบปลอบใจเธอ “นารา คุณอย่าเป็นแบบนี้ได้ไหม คุณไม่รู้เหรอว่าการที่คุณลงโทษตัวเองแบบนี้ มันเจ็บปวดยิ่งกว่าการฆ่าผมให้ตายเสียอีก ผมขอสัญญากับคุณ ถ้าหาลูกสาวกลับคืนมาไม่ได้ ผมจะไม่ขอเป็นคน”
นาราเป็นเหมือนหุ่นเชิดที่ไร้ความรู้สึก นิ่งเงียบอยู่ในอ้อมกอดคณพศ ไม่มีปฏิกิริยาแม้แต่น้อย
จับไหล่บางของนาราออก แล้วคณพศก็พูดหยั่งเชิงว่า “นารา คุณร่าเริงขึ้นได้ไหม คุณล้มไม่ได้นะ ถ้าวันไหนที่ลูกสาวกลับมา เธอต้องอยากเห็นคุณแม่ของเธอเป็นแม่ที่สวยและสุขภาพดี ขอร้องล่ะนะ นารา!”
“เธอจะกลับมาจริงเหรอ ทำไมตอนนี้ยังไม่กลับมาล่ะ ทำไมผู้หญิงคนนั้นต้องขโมยลูกสาวของเราไป ทำไม!” นาราน้ำตาเต็มใบหน้า แววตาหวาดกลัวหม่นหมอง
นาราบ้าคลั่งปัดทุกอย่างบนระเบียงจนตกมาทั้งหมด เธอหยิบเอาเหล่าเครื่องประดับเล็กๆ สวยงามขึ้นมาแล้วปามันลงพื้น “คณพศ คุณอย่าหลอกตัวเอง ลูกสาวจะไม่กลับมา! เธอจะไม่กลับมาอีกแล้ว!”
นาราปัดทุกสิ่งอย่างบ้าคลั่งแล้วใช้สายตาเกลียดชังมองคณพศ
ราวกับดาบแทงทะลุหัวใจคณพศ เขาหยิบเอาสิ่งของที่นาราทำเสียหายขึ้นมาเงียบๆ จากนั้นก็กอดร่างบางของนาราเอาไว้ในอ้อมแขนเงียบๆ อีกครั้ง วางคางลงคลึงเส้นผมของเธอ
เขาสาบาน เขาต้องหาลูกสาวให้เจอให้ได้!
นาราที่อยู่ในอ้อมกอดเขาค่อยๆ สงบลง ดวงตาค่อยๆ อ่อนลง หลังจากนั้นก็นอนนิ่งไป…
มองใบหน้าบอบบางที่หลับใหลของนารา ในใจคณพศนองเลือด
เขาเชื่อว่าลูกของพวกเขายังคงมีชีวิตอยู่บนโลกใบนี้แน่นอน!
ถ้าชีวิตนี้หาลูกสาวไม่เจอ เขาต้องนอนตายตาไม่หลับ!
คิดมาถึงตรงนี้ แล้วคณพศก็ค่อยๆ วางนาราที่หลับใหลลงบนเตียง ก่อนจะลุกขึ้นและเดินไปที่ระเบียง โทรหาเสกข์กับยชญ์ และยังมีเด่นภูมิกับตรัญสองพี่น้อง โดยขอให้พวกเขาค้นหากาก้าที่หายไปต่อไป เพื่อสืบหาเบาะแสของลูกสาวที่ถูกลักพาตัวไป
กลางคืนค่อยๆ คืบคลานเข้ามา คณพศนั่งอยู่ตรงระเบียงอย่างหงุดหงิด มองไปยังท้องฟ้ากว้างอันไกลโพ้น ภาวนาในใจให้พวกเขาหาลูกสาวพบในเร็ววัน
ภายใต้การดูแลและการประคบประหงมอย่างดีที่สุดของคณพศ หัวใจของนาราอุ่นขึ้นช้าๆ ค่อยๆ ก้าวออกจากภาวะซึมเศร้าเบื่อโลก
วันนี้ เธอนั่งอยู่บนระเบียงด้วยใบหน้าที่ไร้อารมณ์ตามปกติ แล้วมิราก็ผลักประตูเดินเข้ามา
มิรามองดูนาราที่ทุกวันเอาแต่นั่งอยู่บนระเบียงและมองไปยังที่ห่างไกล แล้วเดินช้าๆ เข้าไปที่ข้างกายนารา
ปีกว่ามานี้ มิราเห็นด้วยตาตัวเองว่าแม่ที่อ่อนโยนและใจดีเปลี่ยนเป็นเย็นชาทุกวันๆ และรอยยิ้มดั่งฤดูใบไม้ผลิที่เคยเป็นก็ไม่ปรากฏให้เห็นบนใบหน้าของแม่อีกเลย
และทั้งหมดนี้ ล้วนเป็นเพราะน้องสาวที่เพิ่งเกิดไม่นานของตนถูกคนเลวลักพาไป
นั่นคือน้องสาวที่เขาโหยหามานานมาก และถึงขั้นที่ว่าไม่เคยได้เห็นหน้าน้องสาวของตัวเองด้วยซ้ำ
มิราแอบสาบานในใจ เขาต้องหาน้องสาวให้เจอให้ได้ และให้คนเลวพวกนั้นได้ชดใช้!
เขาย่อตัวลงนั่งยองๆ จับมือขาวซีดและเย็นเฉียบของนารา พลางพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “คุณแม่ครับ มิรากลับมาเยี่ยมคุณครับ”
นาราหันหน้ามา เธอมองดูคนที่ยืนอยู่ข้างกายตัวเองในขณะนี้ ลูกชายเหมือนเป็นผู้ใหญ่ตัวน้อย แล้วมุมปากก็ยกยิ้มขึ้นฝืดเคือง
นารายื่นมือไปลูบศีรษะของมิรา แล้วถามด้วยน้ำเสียงบางเบา “มิราหิวไหมลูก ถ้าหิว แม่จะไปทำอาหารให้ลูกทาน”
มิราพยักหน้าอย่างมีความสุข “โอเคครับๆ มิราชอบอาหารที่คุณแม่ทำที่สุดเลยครับ”
ความจริงที่บ้านมีแม่บ้านคอยทำอาหาร แต่มิราไม่อยากเห็นแม่นั่งโดดเดี่ยวบนระเบียงไปกับความเศร้า จึงฉวยโอกาสตอบตกลงทันที เพราะอยากเปลี่ยนอารมณ์ของนารา
โดยธรรมชาติแล้วนาราก็เข้าใจความคิดเล็กๆ น้อยๆ นี้ของมิรา แต่เธอไม่ได้พูดอะไร กลับกันยังรู้สึกซาบซึ้งกับความคำนึงถึงของมิรา
เธอลุกขึ้นจากเก้าอี้ แล้วจับมือมิรา จูงเขาไปชั้นล่าง และเดินเข้าไปในห้องครัว
ภายในครัว แม่บ้านกำลังง่วนอยู่กับการทำอาหาร นาราเดินเข้าไป “พวกคุณออกไปก่อนเถอะค่ะ ฉันคนเดียวทำอาหารให้คุณชายทานก็พอ”
“ค่ะ คุณนาย” แม่บ้านพยักหน้า วางสิ่งที่อยู่ในมือลง ทำตามคำสั่งของนารา
นาราหยิบผักมาหั่นอย่างระมัดระวัง มิรายืนอยู่ข้างเธอ มองดูเธอที่ยังคงมีสีหน้าเศร้าหมอง ส่งเสียงออกมาว่า “คุณแม่ครับ ผมมีหนึ่งคำถามอยากถามคุณครับ”
“อ้อ ลูกถามสิ” นาราตอบสบายๆ พร้อมกับทำอาหารต่อไป
มิราไตร่ตรองครู่หนึ่ง “คุณแม่ครับ คุณรู้ไหมว่าอูฐแตกต่างจากสัตว์อื่นตรงไหน”
นาราชะงักไปครู่หนึ่ง เรื่องแบบนี้เธอไม่รู้เลยจริงๆ
ตั้งแต่ลูกสาวหายตัวไป เธอจมอยู่กับความรู้สึกผิดและความเจ็บปวด ไม่ว่าความคิดอะไรทั้งหมดล้วนถูกสกัดกั้น ไหนเลยยังจะรู้วิธีคิดพวกนี้
“เอ่อ…แม่ไม่รู้จ้ะ” นาราค่อนข้างอายที่จะยอมรับ
มิราเงยหน้าขึ้นมอง “คุณแม่ครับ คุณลองคิดดูดีๆ อีกครั้ง แล้วค่อยบอกสิ่งที่อูฐแตกต่างจากสัตว์อื่น”
“สิ่งที่แตกต่างเหรอ” มิราถามตัวเองอย่างเอาจริงเอาจัง ถ้านาราทำแบบขอไปทีก็คงไม่ดี จึงหยุดสิ่งที่ทำอยู่ในมือ แล้วคิดไตร่ตรองครู่หนึ่ง “อืม…หรือว่าจะเป็นเพราะอูฐมีสองหนอก”
มิราส่ายหน้า “ไม่ถูกครับคุณแม่ เพราะบางตัวมีสองหนอก แต่บางตัวก็มีหนอกเดียว เพราะฉะนั้นที่คุณบอกแบบนี้จึงไม่ถูก”
นาราเลิกคิด “โอเคจ้ะ งั้นลูกบอกคำตอบที่ถูกต้องมาสิ”
มิราเกี่ยวมือนารา “คุณแม่ คุณก้มลงมานี่ครับ ผมจะบอกคุณ”
นารามองมิราอย่างสงสัย ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่เธอยังคงก้มลงตามที่บอก รอให้มิราบอกคำตอบที่แท้จริงกับเธอ
มิรารอนาราก้มลงมาแล้วกระซิบข้างหูเธอ “คุณแม่ครับ สิ่งที่อูฐแตกต่างจากสัตว์อื่น เป็นเพราะมันมีอูฐน้อยครับ”
เพียงแวบเดียวในใจนาราก็เข้าใจในทันที ที่แท้ที่มิราพูดมากขนาดนี้ เป็นเพราะอยากให้ตนหัวเราะ
ลูกชายของเธอเคี่ยวจริงๆ ทั้งทั้งที่ตัวเขาเพิ่งเป็นเด็กที่ต้องได้รับการดูแล ตอนนี้กลับกลายเป็นว่ามาคิดหาวิธีที่จะทำให้เธอมีความสุข