ตอนที่467 คนผิวดำมองเห็นความพิเศษในตัวของรุ่งอรุณ
ถนนที่เธอเดินค่อยๆเปลี่ยนจากขรุขระเป็นทางเรียบ แม้ว่ากาก้าจะไม่รู้ว่ามันอยู่ที่ไหน แต่เธอก็จดจำถนนที่เธอเดินมาตลอดทางไว้เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการหลบหนีในอนาคต
พอมองไปข้างหน้าผ่านถนนที่คดเคี้ยวเหล่านี้เธอมองเห็นสถานที่คล้ายฟาร์มอยู่ข้างหน้าซึ่งดูเหมือนหมู่บ้านธรรมดา ๆ
กาก้ารู้สึกผ่อนคลายเล็กน้อย ถือว่าโชคดีมาก ถ้าพวกเธอถูกขายให้คนในหมู่บ้านเพื่อทำงาน พวกเธออาจยังมีโอกาสหลบหนีไปได้
แต่สิ่งที่กาก้าไม่รู้ก็คือหมู่บ้านที่ดูเหมือนธรรมดาเบื้องหน้าพวกเธอนั้น มันเต็มไปด้วยการนองเลือดและความโหดร้าย เจ้าของฟาร์มแห่งนี้ชอบซื้อหรือลักพาตัวผู้หญิงและเด็กในราคาถูกจากที่ต่างๆ
ในบ้านหลังนั้นเป็นเหมือนสังคมทาสที่ดูเหมือนจะเป็นอิสระ แต่จริงๆแล้วมันถูกจำกัดสิทธิ์โดยสิ้นเชิง คนรับใช้ทั้งหมดในนั้นเป็นสมบัติส่วนตัวของเจ้าของและอาจจะถูกฆ่าได้ทุกเมื่อ
ทาสที่ถูกบังคับให้อยู่ที่นี่ล้วนแต่ถูกฝึกอบรมหมดแล้ว พวกเขาเลี้ยงสัตว์ทำไร่ไถนาและทำงานในคฤหาสน์และลูก ๆ ที่เกิดมาก็จะถูกเจ้าของบ้านใช้งานได้ทั้งหมด
หากมีศักยภาพในการเพาะปลูกก็จะได้รับหน้าที่ในการเพาะปลูกเพื่อรับใช้เจ้าของ คนที่น่าดึงดูดกว่าก็จะถูกครอบครองโดยเจ้าของโจนเจ้าของเบื่อหน่ายและกลับกลายเป็นสาวใช้อีกครั้งหลังจากที่ทำงานหนักมาตลอดชีวิต
ดังนั้นนี่ไม่ใช่สวรรค์บนดินอย่างแน่นอน แต่เป็นนรกที่ถูกตกแต่งไว้อย่างงดงามต่างหาก
ด้านนอกของคฤหาสน์ถูกล้อมรอบด้วยลวดหนามและใช้เป็นวงล้อมเพื่อกักกันอิสรภาพของทาสที่อยู่ข้างใน
ยิ่งไปกว่านั้นสายไฟด้านบนทั้งหมดยังมีแรงดันไฟฟ้าสูงและมีพื้นที่ประมาณหลายหมื่นเมตร ถ้าใครสัมผัสโดนมันจะทำให้คนผู้นั้นถูกไฟฟ้าช็อตจนไหม้เกรียมทันที
การป้องกันที่หนาแน่นนี้ ยกเว้นแค่ประตูคฤหาสน์เท่านั้น ส่วนที่อื่นล้วนแต่ถูกป้องกันไว้อย่างหนาแน่น ต่อให้มีปีกก็ไม่สามารถบินหนีออกไปได้
ภายใต้การเร่งเร้าของคนเหล่านั้น กาก้าอุ้มรุ่งอรุณและเดินผ่านทางลับหลาย ๆ ชั้น ก่อนที่จะมาถึงบ้านสไตล์ตะวันตกที่หรูหรา
ทันทีที่เธอเดินเข้าไป เธอก็ถูกเตะที่ขาอย่างแรง จนเธอต้องคุกเข่าในห้องโถงอย่างงุนงง
โชคดีที่ปฏิกิริยาของ กาก้านั้นเร็วพอเธอกอด รุ่งอรุณซึ่งอยู่ในอ้อมแขนของเธอไว้แน่นเพื่อไม่ให้ลูกหล่นลงพื้น
รุ่งอรุณไม่รู้สึกกลัว แต่รู้สึกแปลกๆ ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองโดยไม่รู้ถึงอันตรายที่อยู่ตรงหน้าเธอเลย
กาก้ากอดรุ่งอรุณไว้แน่นเพราะกลัวว่าเธอจะเจอเรื่องเลวร้าย หรือทำให้อีกฝ่ายโกรธอะไรบางอย่างโดยไม่ได้ตั้งใจ
มีชายชราผิวดำคนหนึ่งอยู่บนที่นั่งหลักของห้องโถงไม่มีผมที่ด้านบน ศีรษะมันวาว ยกเว้นดวงตาและฟันเท่านั้น ส่วนบริเวณอื่นล้วนเป็นสีดำ
ดวงตาของเขาขุ่นมัวมาก ริ้วรอยใต้เปลือกตาของเขาซ้อนทับกันทำให้ดูน่ากลัวมากขึ้น
เป็นครั้งแรกที่รุ่งอรุณเห็นชายผิวดำและเธอรู้สึกกลัวเล็กน้อย เธอจับเสื้อผ้าของกาก้าไว้แน่น และไม่เข้าใจว่ากาก้าจะคุกเข่าลงบนพื้นได้ทำไม เธอจึงกระซิบว่า “หม่ามี๊ ทำไมหม่ามี๊ถึงคุกเข่าล่ะคะ ไม่หนาวเหรอ ลุกขึ้นเร็ว ๆ ”
“เงียบก่อนลูก” กาก้าขยิบตาให้รุ่งอรุณและกระซิบข้างหูของรุ่งอรุณว่า “นี่เป็นสถานที่อันตราย เราต้องระมัดระวังในคำพูดและการกระทำของเรานะลูก”
หลังจากพูดออกไป กาก้าก็เสียใจและรู้สึกว่าเธอไม่ควรบอก รุ่งอรุณถึงความจริงที่โหดร้ายเช่นนี้เลย
แต่ในอีกไม่กี่วันข้างหน้า เธอกลัวว่ามันจะน่ากลัวยิ่งกว่านี้ มันอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเผชิญกับอันตราย
ในขณะนี้ชายสองคนที่รับผิดชอบในการนำพวกเธอมา ก้าวไปข้างหน้าและพูดอะไรบางอย่างกับชายชราผิวดำ
ชายชราผิวดำมองขึ้นไปที่กาก้าที่คุกเข่าอยู่ที่พื้น จากนั้นก็จับจ้องไปที่รุ่งอรุณ
ดวงตาสีฟ้าของรุ่งอรุณกระพริบตาและขนตายาวของเธอก็สะบัดอย่างน่ารัก
ทันใดนั้นชายชราผิวดำก็ลุกขึ้นจากที่นั่งและเดินช้าๆไปหากาก้า ก่อนจะเอื้อมมือไปแตะแก้มรุ่งอรุณที่อยู่ในอ้อมแขนของเธอแล้วถามกาก้าด้วยภาษาจีนห้วนๆว่า “เด็กน้อยคนนี้เธอชื่ออะไร”
กาก้ากลัวว่ารุ่งอรุณจะได้รับอันตรายเธอจึงกอดรุ่งอรุณไว้แน่นและไม่พูดอะไร
รุ่งอรุณเหลือบมองชายชราผิวดำโดยไม่กลัวแต่อย่างใด เธอยื่นมือไปที่เขาและพูดอย่างไร้เดียงสาว่า “หนูชื่อรุ่งอรุณค่ะ ฉันชอบคุณปู่ผิวดำจังเลยค่ะ ขอบคุณที่คุณปู่ผิวดำให้หนูมาอยู่ที่นี่นะคะ”
คาดว่านี่คงเป็นครั้งแรกที่ตาแก่ได้เห็นเด็กที่มีความประพฤติดีและมีสติสัมปชัญญะแบบนี้ ใบหน้าของเขามีรอยยิ้มที่น่าประหลาดใจแล้วเอ่ยพูด “ อืม เด็กคนนี้ฉลาดมาก”
เขาอุ้มรุ่งอรุณได้สักพักก็หันไปสั่งลูกน้องสองคนที่พาสองแม่ลูกมา “พาผู้หญิงคนนี้ไปทำงาน ส่วนเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ คนนี้ให้เธอไปตามคุณชายเล็กก็แล้วกัน”
โจรทั้งสองพยักหน้ารับ ก่อนจะเรียกให้กาก้าลุกขึ้นยืนแล้วพาพวกเธอไปที่สวนหลังบ้าน
ในสวนหลังบ้านมีบ้านพักที่จัดไว้อย่างเป็นระเบียบและเสื้อผ้าที่ซักแล้วกำลังตากอยู่ข้างนอกซึ่งดูอบอุ่นมาก
โจรชี้ไปที่ห้องว่างโดยสุ่มและพูดกับกาก้าว่า “นี่นะ เธอจะต้องอาศัยอยู่ที่นี่ในอนาคต อย่าลืมไปทำงานกับคนอื่นเมื่อคุณได้ยินเสียงระฆัง ไม่เช่นนั้นเธอจะต้องได้รับบทลงโทษ”
เมื่อพูดประโยคนี้ทิ้งท้าย โจรทั้งสองก็รีบเดินจากไป
กาก้ามองตามหลังพวกเขาที่กำลังจะจากไปและถ่มน้ำลายลงบนพื้นอย่างโมโห ก่อนที่จะเดินไปที่บ้านที่พวกเขาชี้ให้
มันเป็นห้องไม่ใหญ่มีเพียงเตียงกระดานแข็งธรรมดาและตู้เล็ก ๆ ที่ดูเก่ามาก
มีชามฝุ่นอยู่สองสามอันที่ขอบหน้าต่าง และดูเหมือนว่าจะไม่มีคนอาศัยอยู่ที่นี่มานานแล้ว
กาก้าวางรุ่งอรุณลงแล้วเริ่มจัดห้องให้เรียบร้อย ในความเป็นจริงไม่มีอะไรต้องทำมาก แค่ทำความสะอาดปัดถูฝุ่นที่ลอยอยู่เทท่านั้นเอง
รุ่งอรุณมองไปที่ห้องที่ซอมซ่อและทรุดโทรมตรงหน้าแล้วถามด้วยความไม่เข้าใจ“ หม่ามี๊ ทำไมเราไม่อยู่บ้านหลังใหญ่ แต่มาอาศัยอยู่ในสถานที่ที่แปลกและเก่าแบบนี้ แล้วผู้คนที่นี่ก็ดูดุร้าย แย่กว่าแด๊ดดี้อีก”
กาก้าถอนหายใจอย่างเงียบ ๆ เธอกอดรุ่งอรุณแล้วจูบแก้มเธออย่างเสียใจและขอโทษ “แม่ขอโทษจ๊ะรุ่งอรุณมันเป็นความผิดของแม่เอง ถ้าไม่ใช่เพราะแม่ หนูคงไม่ต้องมาอยู่ในที่แบบนี้ แต่ว่านะลูก หนูต้องจำคำพูดของแม่ไว้ ในตอนที่ตนเองมีอำนาจไม่เท่าคนอื่น มีแต่ต้องอดทนอดกลั้น ถึงจะสามารถปกป้องตัวเองและคนที่รักได้ จำไว้นะลูก ถ้ายังไม่แข็งแกร่งพอ ลูกจะต้องซ่อนความสามารถของตัวเองไว้ก่อน”
แม้ว่ารุ่งอรุณจะอายุน้อย แต่เธอมีก็มีสติสัมปชัญญะและมีความประพฤติเรียบร้อยเป็นพิเศษ ดังนั้นเธอจึงจำทุกคำที่กาก้าพูดกับเธอโดยไม่พลาดสักคำ แม้ว่าเธอจะไม่เข้าใจ แต่เธอก็พยักหน้าอย่างเชื่อฟัง “ค่ะหม่ามี๊ หนูจะจำไว้”
เป็นเวลาหัวค่ำเมื่อกาก้าและคนอื่น ๆ เข้ามาในคฤหาสน์ พวกเขาจึงนั่งอยู่ในบ้านที่เพิ่งทำความสะอาดใหม่สักพักสาวใช้ที่ไปทำไร่ก็กลับมาทีละคน
พวกเขาประหลาดใจที่พบว่ามีสมาชิกเข้ามาเพิ่ม พวกเขาไม่ได้พูดอะไรมาก พวกเขาทั้งหมดกลับไปที่บ้านและหยิบชุดเครื่องนอนและเครื่องใช้ที่เรียบง่ายออกจากห้องของพวกเขาและวางไว้ที่ประตูห้องของ กาก้าอย่างเงียบ ๆ