แต่ในห้องโถงนี้ คนที่สนใจโบราณวัตถุอย่างแท้จริงไม่ค่อยมีสักเท่าไร ส่วนใหญ่มักจะจับกลุ่มคุยกันเป็นกลุ่มอยู่ที่หน้าโบราณวัตถุแห่งหนึ่ง แต่กลับหารือเรื่องราวกิจการอื่นๆ
ดูจากการแต่งตัวของคนเหล่านั้น ก็รู้ว่าไม่ใช่คนธรรมดา
เดิมทีฉินซียังต้องการหาโอกาสที่จะทำความรู้จักกับผู้ประกอบการบางส่วนในเมืองโจวเฉิง ปรากฏว่าไม่รู้จักกับใครสักคน ที่สำคัญก็เป็นกลุ่มสองสามคนร่วมอยู่ด้วยกัน เธอไม่มีโอกาสเข้าไปแทรกแซงด้วยซ้ำ
และเฉินอิงเหาเพิ่งเดินเข้ามาในห้องโถง ก็ถูกรายล้อมไปด้วยกลุ่มผู้คนจำนวนมาก ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความได้ใจ และสายตาก็ยังมองไปทางฉินซีเป็นครั้งเป็นคราว
ทั้งๆที่เขารู้ว่า ฉินซีมาเพื่อทำความรู้จักกับผู้ประกอบการบางส่วนในท้องถิ่นของเมืองโจวเฉิง ในเวลานี้กลับไม่ได้ตั้งใจที่จะช่วยแนะนำให้ฉินซีแม้แต่น้อย
“พี่ พี่อยากรู้จักผู้ประกอบการบางส่วนในเมืองโจวเฉิงไม่ใช่เหรอ? ไม่งั้นไปพูดคุยกับพี่เหา เขาเป็นคนดีมาก ตราบใดที่พี่เอ่ยปาก เขาคงจะช่วยพี่อย่างแน่นอน”
เจิ้งเหม่ยหลิงจะไม่รู้เป้าหมายของเฉินอิงเหาได้อย่างไร และยิ้มแย้มมองไปที่ฉินซีแล้วพูด
สีหน้าของฉินซีไร้อารมณ์ ไม่มองเฉินอิงเหาแม้แต่แวบเดียว พูดอย่างราบเรียบว่า: “ไม่จำเป็น!”
หลังจากพูดเสร็จ เธอก็เหลือบมองไปยังทางเข้าห้องโถงนิทรรศการอย่างกังวลเล็กน้อย แม้ว่ากังวลใจที่จะทำความรู้จักกับผู้ประกอบการในท้องถิ่น แต่กลับเป็นห่วงว่าหยางเฉินจะเข้ามาไม่ได้มากกว่า
เฉินอิงเหาจงใจละเลยฉินซีสักพัก เมื่อเห็นเธอไม่แยแส ในใจของเขาแอบโกรธ
“เสี่ยวซี เธอรู้สึกว่างานแสดงนิทรรศการโบราณวัตถุที่ตระกูลหานจัดขึ้นมา เป็นอย่างไรบ้าง?”
เฉินอิงเหาท่าทางดูสุภาพบุรุษ และถามด้วยรอยยิ้ม
ฉินซีมองไปที่เขาอย่างราบเรียบ: “ในเมื่อเป็นงานแสดงนิทรรศการที่ตระกูลหานจัดขึ้นมา ก็ย่อมดีมากเป็นธรรมดา!”
“ประธานเฉิน สาวสวยท่านนี้ เป็นใครเหรอ?”
คนเหล่านั้นที่ตามเฉินอิงเหามา เมื่อเห็นฉินซี แต่ละคนเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ฉินซีในฐานะสาวสวยคนหนึ่งของเจียงโจว เพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่ารูปร่างหน้าตาดีมาก
“เธอเป็นเพื่อนคนหนึ่งของผม!”
เฉินอิงเหาพูดด้วยรอยยิ้ม
“ประธานเฉิน ไม่ใช่ความสัมพันธ์แค่เพื่อนธรรมดาใช่มั้ย?”
“นั่นนะสิ ประธานเฉินคุณยังไม่แต่งงานสักที น่าจะเพราะสาวสวยท่านนี้ใช่มั้ย?”
“ประธานเฉินประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย สาวสวยท่านนี้ก็สวยขนาดนี้ พวกคุณเป็นคู่หนึ่งที่สวรรค์บรรจงสร้างขึ้นจริงๆ”
“ประธานเฉิน รอตอนที่คุณแต่งงาน อย่าลืมที่จะส่งบัตรเชิญให้ฉันด้วยนะ!”
……
ผู้คนรอบข้าง ทั้งหมดต่างก็ประจบสอพลอ
เฉินอิงเหาก็ไม่อธิบาย ใบหน้าแดง สำหรับคำพูดของคนเหล่านี้ เห็นได้ชัดว่าพอใจเป็นอย่างมาก
“พวกคุณเข้าใจผิดแล้ว ฉันกับประธานเฉินเป็นแค่เพื่อนธรรมดา”
ฉินซีอธิบายว่า: “ฉันฉินซีเป็นผู้จัดการใหญ่ของซานเหอกรุ๊ปในเจียงโจว ครั้งนี้มาที่เมืองโจวเฉิง ก็เพื่อทำความรู้จักกับประธานทุกท่านของเมืองโจวเฉิง!”
เพื่อนธรรมดาประโยคก่อนหน้าของฉินซี ทำให้เฉินอิงเหากลับค่อนข้างมีความสุขเล็กน้อย เนื่องจากก่อนหน้านี้ ฉินซีไม่มีความตั้งใจที่จะพูดกับเขาแม้แต่คำเดียว
อย่างไรก็ตามคำพูดหลัง กลับทำให้ในใจของเขาแอบโกรธ
คำพูดสั้นๆของฉินซี ไม่เพียงแสดงให้เห็นถึงระยะห่างระหว่างเขาเท่านั้น แต่ยังใช้โอกาสพูดคุยกับผู้ประกอบการของเมืองโจวเฉิงขึ้นมา
คนเหล่านี้ ล้วนแต่เป็นเขาที่จงใจล่อมา บีบคั้นให้ฉินซีเป็นคนขอความช่วยเหลือกับเขาก่อน ต่อจากนั้นค่อยแนะนำพวกเขาให้รู้จัก
แต่ฉินซีกลับมองข้ามเขาไป กลับอาศัยอำนาจของเขา ในไม่ช้า ก็เริ่มพูดคุยกับผู้ประกอบการของเมืองโจวเฉิงอย่างสนุกสนานขึ้นมา
ไม่ว่าอยู่ที่ไหน สาวสวยมักจะเป็นที่น่ายินดีมากที่สุด
ในเวลานี้ คนเหล่านั้นที่เฉินอิงเหาล่อมา กลับละเลยเขาไว้ข้างๆ ทยอยล้อมรอบฉินซี และเริ่มพูดคุยเกี่ยวกับการจัดการเรื่องราวการร่วมลงทุนแล้ว
“ได้ ประธานหวาง งั้นก็เอาตามนี้ ในเช้าวันจันทร์ พวกเราค่อยพูดถึงรายละเอียดการร่วมลงทุนกัน”
“ประธานจ้าว ในเช้าวันจันทร์ฉันจะคุยการร่วมลงทุนกับประธานหวาง ไม่อย่างงั้นตอนบ่าย ฉันไปหาคุณด้วยตัวเอง?”
“ประธานหลี่ ดีมาก ขอบคุณสำหรับความไว้วางใจของคุณ ฉันจะจัดให้คนทำสัญญาโดยเร็วที่สุด และไปหาคุณโดยเร็วที่สุด แล้วเซ็นสัญญากัน”
……
ในเวลาเพียงไม่กี่นาที หลายบริษัทในเมืองโจวเฉิง แสดงความยินดีที่จะร่วมลงทุนกับซานเหอกรุ๊ป
ถึงกับมีคนก็มั่นใจที่จะจัดการเรื่องราวการร่วมลงทุนที่นี่ทันที
สิ่งนี้ทำให้สีหน้าของเฉินอิงเหาโกรธจนเลือดขึ้นหน้า แต่หน้าตาเขายังคงเป็นสุภาพบุรุษมาโดยตลอด ในเวลาคงจะไม่สามารถบันดาลโทสะได้ ไม่อย่างนั้นภาพลักษณ์ที่เขาสร้างไว้ภายนอกปีเหล่านี้ ก็ถูกทำลายไปอย่างสิ้นเชิง
เจิ้งเหม่ยหลิงก็คาดไม่ถึงว่า ลูกพี่ลูกน้องคนนี้ของตัวเอง จะเก่งกาจขนาดนี้
หลายคนที่เฉินอิงเหาล่อมา ถูกฉินซีพูดโน้มน้าวให้ร่วมลงทุนด้วยทั้งหมด ที่สำคัญยังคงอยู่ในช่วงเวลาสั้นขนาดนี้
เฉินอิงเหาส่งสายตาให้เจิ้งเหม่ยหลิง เธอถึงได้รู้แจ้งกระจ่างในฉับพลัน รีบเข้าไปในฝูงชนอย่างรวดเร็ว และดึงฉินซีแล้วพูดว่า: “พี่ เรื่องของการร่วมลงทุน รอเวลาทำงานค่อยพูดกัน นี่เป็นงานแสดงนิทรรศการโบราณวัตถุที่จัดขึ้นโดยตระกูลหาน ถ้าหากให้คนของตระกูลหานรู้เข้า พวกคุณกำลังพูดคุยเรื่องงานอยู่ กำลังตบหน้าของตระกูลหานอยู่ไม่ใช่เหรอ?”
เจิ้งเหม่ยหลิงพูดคำนี้ออกมา บรรดาผู้ประกอบการของเมืองโจวเฉิง สิ่งนี้เป็นเหมือนเพิ่งตื่นจากฝัน ผู้จัดงานแสดงนิทรรศการ คือตระกูลหาน ดังนั้นทยอยบอกลาฉินซี บ่งบอกว่าเรื่องการลงทุนค่อยคุยกันทีหลัง
ฉินซีค่อนข้างไม่พอใจ แต่ก็ไม่ดีที่จะบันดาลโทสะ
“เสี่ยวซี ฉันน่าจะถือได้ว่าช่วยเหลือเธอเป็นอย่างมากใช่มั้ย? เธอน่าจะแสดงคำขอบคุณบางอย่างใช่มั้ย?”
เฉินอิงเหายิ้มอย่างสุภาพบุรุษ และเดินเข้าไปข้างหน้าแล้วพูด
“นั่นเป็นสิ่งที่จำเป็น พี่เหา แบบนี้ดีมั้ย คืนนี้ที่ร้านอาหารเป่ยหยวนชุน ฉันเป็นเจ้ามือ เลี้ยงพี่และพี่สาวทานข้าว ก็ถือว่าฉันขอบคุณพี่แทนพี่สาว เมื่อกี้นี้ถ้าหากไม่ใช่พี่พาคนเหล่านั้นมา พี่สาวของฉันจะหาคนมาเจรจาการร่วมลงทุนได้ที่ไหนกัน?”
เจิ้งเหม่ยหลิงพูดขึ้นก่อน ขัดขวางหนทางการปฏิเสธของฉินซีทั้งหมด
ฉินซีกลับปฏิเสธอย่างไม่ลังเลแม้แต่น้อย: “อาหารค่ำก็ไม่ต้องแล้ว ฉันจะอยู่กับสามีของฉัน! ถ้าหากฉันจำไม่ผิด การร่วมลงทุนเมื่อกี้นี้ ฉันเจรจามาด้วยตัวเองนะ? ทำไมต้องแสดงคำขอบคุณให้คุณด้วย?”
เฉินอิงเหากระอักทันที เขาก็คาดไม่ถึงว่า ฉินซีไม่ให้เกียรติเขาแม้แต่น้อย
เจิ้งเหม่ยหลิงก็อึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะพูดว่า: “พี่ พี่เพิ่งเจรจาพูดคุยการร่วมลงทุนกับคนเหล่านั้น อาจจะไม่สำเร็จนะ! เอาแบบนี้ดีกว่า คืนนี้ให้พี่เหาช่วยเชิญผู้ประกอบการเหล่านั้น พวกเราร่วมทานอาหารด้วยกัน ถือโอกาสค่อยพูดคุยเรื่องการร่วงลงทุน พี่เหาคิดว่าอย่างไร?”
“ส่วนของฉันไม่มีปัญหานะ ก็ดูว่าเสี่ยวซีต้องการให้ฉันช่วยมั้ย”
เฉินอิงเหารอยยิ้มอย่างสดใส มองไปทางฉินซี
“ภรรยา ในเมื่อมีคนจะเลี้ยงข้าว ยังยินดีที่จะช่วยติดต่อผู้ร่วมลงทุน แน่นอนว่าพวกเราก็ต้องไปร่วมด้วยนะ!”
ในขณะนี้ เสียงที่คุ้นเคย ก็ดังมาจากข้างหลังหลายคน
“หยางเฉิน แก แกเข้ามาได้ยังไง!?”
เจิ้งเหม่ยหลิงมองหยางเฉินที่ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้ม ก็ประหลาดใจในทันใด
นี่เป็นงานแสดงนิทรรศการที่จัดโดยตระกูลหาน ไม่มีบัตรเชิญ จะเข้ามาได้อย่างไร?
เมื่อเฉินอิงเหาเห็นการปรากฏตัวของหยางเฉิน รอยยิ้มบนใบหน้าก็แข็งทื่อทันที
เขารู้เบื้องลึกของหยางเฉิน มาจากเจิ้งเหม่ยหลิงแล้ว ก็แค่ลูกเขยแต่งเข้าที่ไม่มีใครชอบ การกินอยู่ก็อาศัยฉินซี
ก็เป็นแค่คนที่ไม่มีอะไรดีสักอย่าง จู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นที่พิพิธภัณฑ์โจวเฉิง แค่คิดก็รู้แล้ว ในใจของเขาตกใจ
สิ่งสำคัญคือ เมื่อกี้นี้อยู่ที่ข้างนอก เขาตั้งใจบอกใบ้ให้เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย ไม่มีบัตรเชิญ หยางเฉินจะเข้ามาที่นี่ได้อย่างได้?
หรือว่า เขาแอบเข้ามาเหรอ?
เมื่อคิดได้เช่นนี้ เขาก็พูดอย่างไม่เกรงใจว่า: “ฉันเตือนนาย ทางที่ดีออกไปอย่างว่าง่าย แม้ว่านี่จะเป็นกิจการของต้าเหอกรุ๊ป แต่ผู้จัดงานแสดงนิทรรศการนี้ กลับเป็นตระกูลหานในเมืองเอก เกิดคนของตระกูลหานรู้ว่า คนคนหนึ่งที่ไม่มีบัตรเชิญแอบเข้ามา นายมีเพียงตายทางเดียว!”