กวนเหรินไม่รู้ว่าการพาทีมคังเฉียงมายังโถงแห่งนี้หมายถึงอะไร เขาไม่รู้เลยว่าคนที่อยู่เบื้องหลังกลุ่มนี้น่ากลัวแค่ไหน
เขาไม่เข้าใจว่าคนที่จินหยางพูดถึงนั้นคือหัวหน้าของเขาเอง เขาคิดว่าเขาจะมีอนาคตที่ดี แม้แต่คำพูดของเขาก็บ่งบอกได้ว่าเขาพอใจแค่ไหน
ไม่นานกวนเหรินก็พาทุกคนมายังตึกสีดำหลังหนึ่ง ด้านในดูสลัว มันให้ความรู้สึกหม่นหมองอยู่ทั่วทุกที่
ด้านในนั้นมีแค่หินก้อนเดียววางไว้ที่ใจกลางห้อง
กวนเหรินมองไปที่จินหยางแล้วพูดขึ้น เริ่มทดสอบได้
ข้ารึ ? จินหยางเหมือนโดนดูถูก แม้แต่ข้าก็จำเป็นจะต้องทดสอบรึ ? กวนเหรินอย่าเกินไปหน่อยเลย ! ด้วยการที่กวนเหรินฉีกหน้าเขา เขาก็ไม่คิดจะไว้หน้ากวนเหรินอีกต่อไป เขาจึงพูดแต่ชื่อของกวนเหริน
กวนเหรินพูดขึ้นด้วยสีหน้าเฉยชา มันก็แค่การตรวจสอบ ในฐานะคนของจักรพรรดิซื่อเซียวแล้ว หากอยู่ในอาณาเขตของจักรพรรดิ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องให้ความร่วมมือ
จินหยางมองไปที่กวนเหรินแล้วพูดขึ้น ข้าไม่รู้ว่าใครสั่งเจ้าให้มาหาเรื่องข้า แต่ข้ามั่นใจว่าเจ้าจะต้องรู้สึกผิดแน่
จินหยางไม่คิดจะเถียงกับกวนเหริน ต่อและเดินไปที่หินทันที
เมื่อวางฝ่ามือไว้บนหิน ต่อมาหินก็ได้เปล่งแสงสีทองสว่างจ้าออกมา !
ต้องรู้ก่อนว่าการทดสอบของนายพลนั้นเป็นแค่สีทองอ่อน มันถึงกับมีสีแดงเข้มด้วย ความแข็งแกร่งของจินหยางในหมู่นายพลถือว่าดีที่สุด คนที่เอาชนะเขาได้คงมีแค่กวนเหริน, ลั่วเซียง, อู๋ห่าว, ซูจิง และรองแม่ทัพอีกไม่กี่คน
แน่นอนว่านายพลล้วนแต่แข็งแกร่ง
นายพลที่แกร่งที่สุดไม่ต้องเดาเลยว่าต้องเป็นคนระดับรองแม่ทัพตามมาด้วย ซูจิง, อู๋ห่าว, กวนเหริน , ลั่วเซียง คนพวกนี้อ่อนแอกว่ารองแม่ทัพเล็กน้อย
พวกต่ำกว่านี้ก็ถือว่าเป็นนายพลระดับสูงซึ่งนี่อาจจะเป็นระดับของจินหยาง
แน่นอนว่ามันไม่อาจจะตัดสินผลแพ้ชนะได้จากความแข็งแกร่งเพียงอย่างเดียว
หลังจากที่ทดสอบแล้วจินหยางก็มองไปที่กวนเหรินด้วยสีหน้าหม่น กวนเหริน ตอนนี้เจ้าพอใจรึยัง ?
แม้ว่าด้วยตำแหน่งนายพลแต่ด้วยสถานการณ์ตอนนี้แล้ว จินหยางจึงเรียกกวนเหรินแค่ชื่อด้วยท่าทีเฉยเมย
กวนเหรินไม่ได้ใส่ใจสำหรับการทดสอบของจินหยางนั้นเขาไม่ได้แปลกใจแม้แต่น้อย
ยังไงซะเขาก็รู้ดีว่าจินหยางไม่ใช่คนเผ่าสวรรค์ ทีมคังเฉียงเองก็ไม่ใช่เช่นกัน ที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อขัดขวางไม่ให้ทีมคังเฉียงทำภารกิจสำเร็จ นี่เป็นแค่ข้ออ้างเท่านั้น ตราบใดที่เขาทำตามเป้าหมายกันไม่ให้ทีมคังเฉียงทำภารกิจสำเร็จได้รึสร้างปัญหาให้กับทีมคังเฉียงก็ถือว่าภารกิจของเขาสำเร็จแล้ว
สำหรับเผ่สวรรค์น่ะรึ ?
กวนเหรินไม่เคยคิดถึงปัญหานี้
ภายใต้การจับตามองของกองทัพสังเกตการณ์แล้ว หากมีเผ่าสวรรค์แอบเข้ามาจริงๆ งั้นพวกเขาก็จะพบทันทีแล้วทำไมถึงต้องมารอจนถึงตอนนี้ ?
ผลการทดสอบยืนยันแล้วว่าเจ้าไม่ใช่คนของเผ่าสวรรค์แต่มันไม่ได้พิสูจน์ว่าเจ้าไม่ได้โดนยึดร่างโดยคนของเผ่าเทียนรึไม่ได้ยืนยันว่าเจ้าไม่ได้ร่วมมือกับคนของเผ่าเทยียน กวนเหริน มีอำนาจมากมายในกองทัพสังเกตการณ์ เขาหาข้ออ้างมาแก้ตัวกับจินหยางได้ และทีมคังเฉียงก็ยังไม่ทดสอบไม่ใช่รึ ? ใครจะไปรู้ว่าพวกนี้ปิดบังอะไรไว้ ? เมื่อพูดจบเขาก็หันไปขอโทษจางลู่และคนอื่นๆ ข้าขอโทษด้วยที่คิดว่าพวกเจ้าเป็นคนจากเผ่าสวรรค์ คนเผ่าสวรรค์น่ะเจ้าเล่ห์ ไม่มีใครเชื่อใจใครได้ บางทีพวกนั้นอาจจะแฝงตัวอยู่ในทีมคังเฉียงก็ได้…ยังไงซะทีมคังเฉียงก็ไปที่ดินแดนสวรรค์มานาน การทดสอบนี้ถือว่าเป็นหน้าที่ของพวกเจ้าสำหรับจโกลาหลเช่นกัน
คำพูดนี้ไม่อาจจะมีใครปฏิเสธได้
จางลู่และคนอื่นๆได้แต่มองกวนเหรินอยู่เงียบๆ พวกเขาราวกับมองดูตัวตลกอยู่
เมื่อรับรู้สายตาของทุกคน กวนเหรินก็คิ้วขมวด มันทำให้เขารู้สึกอึดอัดแต่จางลู่และคนอื่นๆไม่ได้พูดอะไรออกมา ถึงเขาจะไม่พอใจแต่ก็ได้แต่ต้องอดทนเอาไว้
เอาล่ะ เชิญ กวนเหรินมองไปที่จางลู่และคนอื่นๆและทำท่าทีสุภาพ
แม้ว่าเขาจะไม่ได้มองจางลู่และคนอื่นๆอยู่ในสายตาและกลัวหัวหน้าทีมคังเฉียงแต่ยังไงซะเขาก็มีกองทัพคอยหนุนหลัง แม้แต่เก่อเย่ก็ยังได้รับความสนใจจากซื่อเซียว เขาที่เป็นคนของเก่อเย่ถึงจะไปหาเรื่องใครเข้าแต่จะมีใครทำอะไรเขาได้
สำหรับเป้าหมายของเขาแล้วอย่างน้อยกวนเหรินก็ไม่ได้เผยท่าทีออกมาชัดเจนนัก
นี่ถือว่เป็นการให้เกียรติทีมคังเฉียงและทำภารกิจของเขาสำเร็จไปด้วย
จางลู่และคนอื่นๆเคยทดสอบในหมู่บ้านฉิงหยานมาแล้ว พวกเขาจึงไม่ได้รู้สึกแปลกอะไร นี่แค่การทดสอบความแข็งแกร่งไม่ใช่รึไง ? มันไม่ใช่ว่าจะทำไม่ได้ มันไม่สำคัญถึงต้องทำอีกครั้งก็ตาม
ข้าก่อน จางลู่ยิ้มและเดินไปที่หิน
แต่จางลู่ยังไม่ทันได้เดินออกไป ที่ด้านนอกก็มีเสียงตะโกนด้วยความโกรธดังขึ้นมา กวนเหริน !
เมื่อได้ยินแบบนั้น กวนเหรินก็เผยสีหน้าดีใจออกมา ลั่วเซียง ในที่สุดเจ้าก็มา !
นี่คือหนึ่งในสามนายพลชั้นนำของกองทัพสังเกตการณ์ ลั่วเซียง !
ลั่วเซียงเดินเข้ามาในห้องพร้อมสีห้าหม่น ก่อนจะมองไปที่กวนเหริน และตั้งใจจะด่าออกมา กวนเหริน เจ้ารู้รึไม่ว่าทำอะไรอยู่ !
กวนเหริน มองไปที่ลั่วเซียงแล้วพูดขึ้น แน่นอนว่าข้ารู้ว่าทำอะไรอยู่ ! เจ้าคิดจะสั่งสอนอะไรข้า ?
เขากับลั่วเซียงถึงจะไม่ได้แกร่งเท่ากัน แต่ฐานะนั้นทัดเทียมกัน พวกเขารับผิดชอบงานที่ต่างกันออกไป การที่ลั่วเซียง มาด่าเขาแบบนี้ แน่นอนว่ากวนเหรินต้องไม่พอใจอย่างมากเป็นธรรมดา
เขามองไปที่จินหยานด้วยสายตาเยาะเย้ยราวกับจะบอกว่าถึงจะมีลั่วเซียงคอยหนุนหลังแต่ก็ไม่อาจจะช่วยอะไรได้
กวนเหริน ! ตอนนั้นเองก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เสียงที่ทำให้ทุกคนต้องขนลุก
เมื่อได้ยินเสียงนี้ กวนเหรินก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น ในเวลาเดียวกันจินหยางและลั่วเซียง ก็เหมือนได้ที่พึ่งพวกเขาพากันยืดอกทันที
เขาเองรึ ? จางลู่และคนอื่นๆยิ้มออกมา เสียงที่คุ้นเคยนี้พวกเขาไม่มีทางลืมได้ นี่คือคนที่โดนพวกเขาอัดมา แม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์…เก่อเย่
เก่อเย่ไม่รู้ว่าคนที่กวนเหรินพามานี่คือจางลู่และคนอื่นๆ เขาทำท่าทีสูงส่งและเดินเข้ามาด่า กวนเหริน เมื่อเขาเดินเข้ามาในห้องและพบกับจางลู่กับคนอื่นๆเขาก็ต้องเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ พวกเจ้า…ทำไมพวกเจ้า…
นี่คือความกลัวที่เกิดขึ้นจากร่างแยกทั้งสาม !
มันคือฝันร้ายที่ปลุกเขาในยามค่ำคืน !
ฝันร้ายนั้นได้กลับมาเยือนเขาอีกครั้ง !
เก่อเย่สีหน้าแข็งทื่อไป เหงื่อเขาชุ่มไปทั้งตัว เขาพูดอะไรไม่ออก ปากเขาพะงาบไปมา เขาได้แต่เผยรอยยิ้มแข็งทื่ออกมา พวกท่าน…ไม่ได้มาร้ายสินะ
เสียงของเขาสั่นไปด้วยความกลัว
เขาไม่มีทางลืมวันที่เขาโดนร่างแยกทั้งสามรังแกได้ !
แม่ทัพเก่อเย่ เราได้พบกันอีกแล้ว จางลู่และคนอื่นๆพากันหัวเราะออกมาพร้อมกับยิ้มกว้าง
เก่อเย่ในฐานะนายพลกลับตัวแข็งทื่อพร้อมเหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก สายตาของจางลู่และคนอื่นๆนั้นทำให้เขารู้สึกเหมือนโดนความตายจับจ้อง !
เขาไม่คิดไม่ฝันเลยว่าเขาไม่อาจจะหนีจากคนเหล่านี้พ้น กวนเหริน ถึงกับพาพวกนี้มาถึงที่นี่ได้ !
กวนเหรินไม่รู้เลยว่าคนที่เขาพามานี้น่ากลัวแค่ไหน
กวนเหรินคิดสร้างปัญหาให้ข้ารึไง ! เก่อเย่เริ่มแค้นกวนเหรินขึ้นมา เจ้าคิดจะฆ่าข้าเพื่อแย่งตำแหน่งแม่ทัพรึไง? เขามองไปที่กวนเหรินด้วยตาที่แดงก่ำ เขาไม่เคยอยากฆ่าใครขนาดนี้มาก่อน