ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1939 : วังซื่อเซียว

ตอนที่ 1939 : วังซื่อเซียว

  ตัดสินจากท่าทีของอู๋ห่าวในตอนนี้แล้ว เขาเหมือนไม่รู้อะไรเกี่ยวกับกล่องกระบี่เลยแม้แต่น้อย

  แน่นอนมันตัดความเป็นไปได้ที่อู๋ห่าวเสแสร้งไม่ได้แต่จากความทรงจำที่จางหยูส่งต่อมา มันก็ตัดสินได้ว่าอู๋ห่าวไม่น่าจะเป็นคนแบบนั้น

  อู๋ห่าวไม่ได้เจ้าเล่ห์แบบเก่อเย่

    เจ้ารู้รึไม่ว่าเก่อเย่มีของมีค่ารึมีใครที่เขาให้ค่ารึไม่ ?  จางลู่เปลี่ยนคำถาม

  อู๋ห่าวไม่ได้ลนลานและพูดขึ้นมา   ท่านถามเรื่องนี้ทำไมกัน ? 

  เขามองไปที่จางลู่และคนอื่นๆ   เจ้าสำนัก ข้าเคารพท่านแต่มันไม่ได้หมายความว่าข้าจะบอกท่านเรื่องแม่ทัพได้ ท่านเก่อเย่เป็นแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์ เรื่องของเขาถือว่าเป็นความลับของกองทัพสังเกตการณ์ เราไม่อาจจะเปิดเผยได้ตามต้องการ 

  เขากลัวทีมคังเฉียงก็จริงแต่ถึงจะกลัว แต่ก็ไม่มีทางเปิดเผยความลับของกองทัพสังเกตการณ์เป็นอันขาด

  เก่อเย่นั้นเป็นหัวหน้าของเขา เขาไม่อาจจะขายเก่อเย่ ได้

  ยิ่งไปกว่านั้นการหักหลังเก่อเย่ ก็เท่ากับการหักหลังกองทัพสังเกตการณ์เพราะเก่อเย่ คือแม่ทัพกองทัพสังเกตการณ์ !

  อู๋ห่าวคาดหวังกับการรับตำแหน่งนี้เสร็จจะได้กลับไปที่กองทัพสังเกตการณ์ ด้วยการสนับสนุนจากเก่อเย่ เขาจะได้เลื่อนตำแหน่งต่อในกองทัพสังเกตการณ์อย่างแน่นอน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะหาเรื่องใส่ตัวทำไม ?

    เจ้ายังไม่รู้ข่าวสินะ ?เก่อเย่ น่ะตายไปแล้ว  เซียนกระบี่พเนจรพูดขึ้นมา   ในเขตซื่อเซียวแห่งนี้ไม่มีเก่อเย่อยู่แล้ว 

  เมื่อได้ยินแบบนั้นอู๋ห่าวก็ตากระตุกสีหน้าเขาเปลี่ยนไปทันที เขาโกรธขึ้นมา   ข้าเคารพพวกท่านแต่มันไม่ได้หมายความว่าพวกท่านจะสาปแช่งหัวหน้าของข้าได้ โปรดให้เกียรติกันด้วย !  อู๋ห่าวนั้นได้ปกป้องเกียรติของเก่อเย่และแสดงความภักดีที่มีต่อเก่อเย่ออกมา

  สำหรับว่าทำไมเขาถึงได้ภักดีแบบนี้ก็คงมีแค่เขาคนเดียวที่รู้

    เจ้าไม่เชื่อรึ ?  เซียนกระบี่พเนจรมองไปที่อู๋ห่าวแล้วพูดขึ้น   เจ้าลองส่งคนไปถามข่าวโถงกองทัพสังเกตการณ์ดูเก่อเย่ใช้อำนาจเพื่อผลประโยชน์ตัวเองและโดนปลดจากตำแหน่งแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์ และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ตาย 

  อู๋ห่าวอึ้งไปแต่ท่าทีของจางลู่และคนอื่นๆยังเยือกเย็น เขาไม่อาจจะเห็นได้เลยว่าอีกฝ่ายโกหกแม่แต่น้อย

  เขาอดไม่ได้ที่จะสงสัย ก่อนจะดึงเอาหยกออกมาและติดต่อหาคนของโถงกองทัพสังเกตการณ์ ไม่นานก็มีคนรายงานเหมือนที่เซียนกระบี่พเนจรบอกมา เก่อเย่โดนปลดจากตำแหน่งและถูกโจมตีจนสุดท้ายก็ตายไป

  มันแค่ว่าคนที่ฆ่าเก่อเย่นั้นคือคนของทีมคังเฉียง !

  อู๋ห่าวเก็บหยกก่อนจะมองไปที่จางลู่และคนอื่นๆด้วยความสับสน

  เกิดอะไรขึ้นกัน ?

  เขาเพิ่งมาเป็นหัวหน้าที่นี่ได้ไม่นานแต่แม่ทัพกลับตายไปแล้วรึ ?

  ทีมคังเฉียงนี้กลับฆ่าแม่ทัพของกองทัพสังเกตการณ์ ความแข็งแกร่ง…นี่น่ากลัวจริงๆ !

  อู๋ห่าวได้สติกลับมาและมองไปรอบๆก่อนจะกลืนน้ำลาย ตัวของเขาสั่นเล็กน้อย สายตาลนลาน คนกลุ่มนี้บุกไปถึงที่อยู่ของเก่อเย่ และยังทำลายตึกทั้งหมดจนกลายเป็นซากไปด้วย

  เมื่อเขาคิดถึงการที่เขามีเก่อเย่คอยหนุนหลัง เขาก็ไม่ได้กลัวทีมคังเฉียงมากนักแต่ตอนนี้คนที่คอยหนุนหลังของเขากลับตายไปเพราะฝีมือของทีมคังเฉียง !

  เมื่อเห็นสีหน้าของอู๋ห่าว จางลู่ก็ยิ้มออกมาและพูดขึ้น   เป็นยังไง ตอนนี้เจ้าเชื่อรึยัง ? 

  เซียนกระบี่พเนจรถามขึ้นมา   ตอนนี้เจ้าจะร่วมมือกับเราได้รึยัง ? 

  อู๋ห่าวตัวสั่นสายตาของคนเหล่านี้ทำให้เขาหวาดกลัวอย่างมาก เขารีบพูดขึ้นมา   แน่นอน ! ข้ารับรองว่าจะให้ความร่วมมือโดยไม่มีเงื่อนไข ! 

  ขนาดหัวหน้าของเขายังตาย เขาจะกล้าปฏิเสธได้ยังไง ?

  ความภักดีที่มีต่อเก่อเย่เมื่อสักครู่นี้หายไปในพริบตา

  เขาเปลี่ยนท่าทีทันที  เก่อเย่ทำเรื่องชั่วร้ายไป พวกท่านฆ่าเขาก็ดีแล้ว มันดีต่อทุกคน 

  เมื่อเห็นท่าทีของอู๋ห่าวที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ จางลู่และคนอื่นๆต่างก็อึ้ง นี่คือคนที่เก่อเย่เชื่อใจมากที่สุดรึ?

  ดูเหมือนว่าเก่อเย่ละเลยลูกน้องเกินไปแล้ว !

  พวกเขาไม่เห็นว่าอู๋ห่าวจะมีความสามารถอื่นนอกจากการปรับตัวที่รวดเร็ว

    ข้าแค่จะถาม เจ้าควรคิดดีๆแล้วค่อยตอบเรา  จางลู่มองไปที่อู๋ห่าวเขาไม่ได้สนใจท่าทีของอู๋ห่าว แต่สนแค่คำตอบ   เรื่องนี้สำหรับทีมคังเฉียงของเราแล้ว มันสำคัญอย่างมาก หากเจ้าไม่คิดจะเข้าข้างเก่อเย่ ก็ควรตอบดีๆ 

  อู๋ห่าวกลัวขึ้นมา เขากลัวว่าหากตอบคำถามได้ไม่ดีเขาอาจจะโดนฆ่า

  ทีมคังเฉียงถึงกับฆ่าเก่อเย่มาแล้ว แล้วอย่างนี้พวกเขาจะกลัวใครอีก ?

  อู๋ห่าวคิดเรื่องที่เกี่ยวข้องกับเก่อเย่ สุดท้ายเขาก็สูดหายใจเข้าลึกๆและพูดขึ้น   ข้ามั่นใจว่าเก่อเย่เฉยเมยต่อทุกคนและทุกสิ่งหากบอกว่าเขาให้ความสำคัญกับใครนั้น งั้นก็ต้องเป็นจักรพรรดิ เขาให้ความสำคัญกับแค่จักรพรรดิเท่านั้น 

  เขามองไปที่จางลู่และคนอื่นๆ เขากลัวว่าพวกนี้จะไม่พอใจคำตอบจึงรีบอธิบายออกมา   ข้าใช้เวลาหลายปีกับเขา แต่ข้าก็ไม่เคยเห็นเขาออกจากเมืองซื่อเซียวเลย เขาไม่คิดออกมาจากโถงกองทัพสังเกตการณ์ แม้ว่าจะออกมาแต่ก็ไปแค่ที่เดียวเท่านั้นซึ่งคือวังของจักรพรรดิ 

  วังของจักรพรรดิรู้จักกันในชื่อวังซื่อเซียว มันคือที่ที่ซื่อเซียวเคยพำนักอยู่

  ตอนที่ซื่อเซียวเพิ่งสร้างโกลาหลขึ้นมาและยังไม่พบกับจักรพรรดิกุยหลิง ซื่อเซียวเคยพักอยู่ที่วังนั้น

  หลังจากนั้นมาเพราะความกลัวที่มีต่อจักรพรรดิกุบหลิง เขาจึงไปพักในมิติของตัวเอง นานๆทีจะมายังวังสักครั้ง

    วังซื่อเซียวรึ ?  จางลู่แปลกใจ   เขาไปที่นั่นบ่อยรึ ?    อู๋ห่าวพูดขึ้น   ไม่ได้บ่อยนักแต่ก็มีไปที่นั่นบ้าง เขาบอกว่าเพื่อเข้าไปพบจักรพรรดิและฟังคำสั่งจากจักรพรรดิ เก่อเย่ นั้นสนิทกับจักรพรรดิอย่างมาก ตราบใดที่จักรพรรดิคอยสั่งสอน เขาก็จะไปนั่งตรงหน้ารูปปั้นจักรพรรดิเพื่อฟังการสั่งสอนของจักรพรรดิ… 

    เขาไปเพื่อแสดงความเคารพต่อซื่อเซียวและฟังคำสอนจากจักรพรรดิรึ ?  เซียนกระบี่พเนจรพูดขึ้น  เก่อเย่ น่ะรึ?ไ

  แม้ว่าจะรู้จักเก่อเย่ได้ไม่นานแต่พวกเขาก็ไม่ได้รู้สึกถึงความเคารพที่เก่อเย่มีต่อซื่อเซียว

  ชายคนนี้คือคนเจ้าเล่ห์ เขาสนใจแต่ผลประโยชน์ของตัวเอง !

  หากเขาเคารพซื่อเซียวจริงๆ งั้นเขาคงไม่ซ่อนกล่องกระบี่และปกปิดเรื่องนี้จากซื่อเซียว

  เมื่อได้ยินที่เซียนกระบี่พเนจรพูดมา อู๋ห่าวก็เห็นด้วย ในมุมมองของเขาแล้วเก่อเย่ไม่ได้ภักดีต่อซื่อเซียวเลย เขาแค่เคารพต่อความแข็งแกร่งที่ซื่อเซียวมีก็เท่านั้น

  จางลู่และคนอื่นๆพูดมาเช่นนั้นก็ทำให้อู๋ห่าวรู้สึกว่าเรื่องมันไม่ได้ธรรมดาแบบที่เขาคิด

    กล่องกระบี่อาจจะซ่อนอยู่ในวังซื่อเซียว  จางลู่หรี่ตาลงและบอกกับทุกคน

  ต้องบอกว่าเก่อเย่นั้นฉลาดจริงๆ ถ้าอู๋ห่าวไม่พูดเรื่องนี้ พวกเขาจะคิดถึงวังซื่อเซียวได้ยังไง

  วังซื่อเซียวนั้นคือที่ที่จักรพรรดิเคยอยู่ หากซื่อเซียวไปที่วังนั่นจริงงั้นซื่อเซียวก็ต้องพบกล่องกระบี่ บอกได้ว่าที่นั่นคือที่ที่อันตรายที่สุดแต่สำหรับเก่อเย่แล้ว ที่ที่อันตรายที่สุดคือที่ที่ปลอดภัยที่สุด เขาได้เก็บกล่องกระบี่ไว้ในวังแห่งนั้น

  ยิ่งไปกว่านั้นวังซื่อเซียวก็ยังอยู่ข้างๆโถงกองทัพสังเกตการณ์ มันสะดวกที่เก่อเย่จะดูแลที่นั่น

  จางลู่ยอมรับว่าความกล้าของเก่อเย่มีไม่ใช่น้อยเลยและยังฉลาดอีกด้วย !   มันไม่แปลกเลยที่เผ่าสวรรค์จะหากล่องกระบี่ไม่พบ !

  วังซื่อเซียว…ใครจะไปคิดว่าเก่อเย่จะซ่อนมันไว้ที่นั่น ?

  แน่นอนว่านี่แค่การคาดเดาของจางลู่กับคนอื่นๆก็เท่านั้น ก่อนจะพบกล่องกระบี่ งั้นพวกเขาก็ไม่กล้าบอกว่าความคิดของพวกเขาถูกต้อง

    ไปยังวังจักรพรรดิ !  จางลู่และคนอื่นๆมองหน้ากันก่อนจะให้อู๋ห่าวส่งพวกเขาไปยังเมืองซื่อเซียว

  หลังจากที่เข้ามาในเมืองซื่อเซียวแล้ว พวกเขาก็มุ่งหน้าไปยังวังจักรพรรดิกันทันที

  ระหว่างทางที่ซากโถงของกองทัพสังเกตการณ์นั้นมีผู้คนมากมายมารวมตัวกัน มันมีคนอย่างจินหยางรวมถึงคนจากตระกูลและสมาคมชั้นนำต่างๆ หลายคนได้รับข่าวก็มาที่นี่กันทันที

  การปรากฏตัวของจางลู่และคนอื่นๆทำให้พวกนั้นต้องกลัว เมื่อเห็นว่าจางลู่และคนอื่นๆเข้าไปในวังจักรพรรดิ พวกเขาถึงได้โล่งอก 

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท