เอาล่ะ แยกย้ายกันได้ อู่หมิงโบกมือบอกกับทุกคน
ทันทีที่อู่หมิงพูดจบ เหล่าแม่ทัพก็แยกย้ายกันไปราวกับนกแตกรังหายไปอย่างไร้ร่องรอย
พวกเขาเหมือนจะอยากออกจากที่นี่มานานแล้ว พวกรอให้จักรพรรดิเอ่ยปากบอกมา เพราะไม่อยากอยู่ที่นี่ต่อแม้วินาทีเดียว
แน่นอนว่าพอเข้าใจความรู้สึกของพวกนี้ได้ ยังไงซะหลังจากที่เห็นหยงซิวตายไป มันก็ไม่มีใครอยากจะเป็นเหมือนหยงซิว อีก
โชคดีที่เราระวังและให้หยงซิวทดลองก่อน… ซื่อเซียวกลัวนิดๆเมื่อคิดถึงฉากเมื่อตะกี้
เย่าหยางส่ายหน้า คนตายไปแล้วพูดไปจะได้อะไร ?
ไม่มีใครสนใจการตายของหยงซิวนอกจากเพื่อนรึญาติของเขาเท่านั้น
พวกเขาสนใจได้แค่ว่ามันจะได้ผลรึไม่ เรื่องอื่นพวกเขาไม่คิดที่จะสนใจแม้แต่น้อย
นี่ไม่ต้องพูดถึงซื่อเซียวเลย แม้แต่อู่หมิงก็ไม่ได้รู้สึกเศร้ากับหยงซิวเลยแม้แต่น้อย ยังไงซะหยงซิวก็เพิ่งขั้นเป็นแม่ทัพ เขายังไม่ได้สนิทกับแม่ทัพคนอื่นๆ เขายังไม่ได้เป็นแม่ทัพเต็มตัว
ในทางกลับกันแล้ว เรนไนกลับรู้สึกเศร้ากับหยงซิวอย่างมาก
ในฐานะแม่ทัพที่เก่าแก่ที่สุดในทะเลโกลาหล การตายของหยงซิวนั้นทำให้เขารู้สึกบางอย่าง
โชคดีที่เขาทำสำเร็จ ไม่งั้นบางทีเขาอาจจะเป็นเหมือนกับหยงซิว
ความเป็นจริงมันโหดร้าย !
พวกเจ้ามีอะไรอีกรึไม่ ? ซื่อเซียวมองไปที่หว่านเก่อและเรนไน
ตอนนี้พวกเขาไม่ได้อยู่ต่อหน้าจ้าวแห่งทะเลบรรพกาล ผลก็คือท่าทีของพวกเขาจึงเย็นชาต่อทั้งสองดังเดิม
หว่านเก่อไม่ได้พูดอะไรออกมา เรนไนจึงพูดขึ้น ข้าแค่อยากเตือนพวกเจ้าว่าข้าคิดจะเปิดมิติลับที่นี่ มันอาจจะส่งผลต่อบรรพกาลใกล้เคียง หากพวกเจ้าเห็นอะไรผิดปกติก็อย่าลนลานไปละ
เปิดมิติลับรึ ? ซื่อเซียวแปลกใจ ที่นี่น่ะรึ ?
มีปัญหาอะไร ?
ที่นี่คือดินแดนของคังเฉียง เย่าหยางมองไปที่เรนไนด้วยสีหน้าสงสัย เจ้ามั่นใจรึว่าคังเฉียงจะตกลง ?
เรนไนพูดขึ้น เมื่อข้าคิดจะสร้างมิติลับขึ้นมา ข้าก็ต้องได้รับอนุญาตจากจักรพรรดิคังเฉียงแล้ว
แต่… อู่หมิงคิ้วขมวด เจ้าเป็นคนของทะเลโกลาหล สำหรับทะเลบรรพกาลแล้วเจ้าเป็นคนนอก จ้าวแห่งทะเลบรรพกาลจะยอมให้เจ้าสร้างมิตลับขึ้นมาที่นี่รึ ?
เรนไนแสดงสีหน้าเฉยเมย ใครกันบอกว่าข้าเป็นคนของทะเลโกลาหล?
ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทั้งสามคนในฝั่งของซื่อเซียวก็คิ้วขมวด
ตอนที่ข้าสละจิตไป ข้าก็เป็นคนของทะเลบรรพกาลแล้ว เรนไนพูดขึ้น ข้าคือจักรพรรดิของทะเลบรรพกาล จิตของข้าหลอมรวมกับทะเลบรรพกาล ข้าจะถือว่าเป็นคนของทะเลโกลาหลได้ยังไง ?
ซื่อเซียวสีหน้าบิดเบี้ยวไป เจ้าคิดจะหักหลังทะเลโกลาหลงั้นรึ ?
เรนไนฮึดฮัดออกมา ใครกันที่หักหลังทะเลโกลาหล ? ทะเลโกลาหลเป็นแค่โลกพิเศษ มันไม่ได้มีจิตของตัวเอง มันจะส่งผลอะไรหากข้าเลือกออกจากที่นั่น ? การที่เจ้าบอกว่าข้าหักหลังนั้นข้าไม่อาจจะรับได้ !
หลังจากที่เงียบไปชั่วครู่ เรนไนก็ฮึดฮัดออกมา หากเจ้าบอกว่าข้าหักหลัง งั้นการที่เจ้าออกจากทะเลโกลาหลมาไม่ใช่เป็นการหักหลังด้วยรึ ? พวกเจ้ารู้จักมองดูตัวเองบ้าง…
เจ้า…
ช่างเถอะ อู่หมิงห้ามซื่อเซียวก่อนจะบอกกับเรนไน เมื่อเจ้าตัดสินใจจะเปิดมิติลับที่นี่ งั้นก็ตามใจเจ้าก็แล้วกัน
อู่หมิงเจ้าคิดจะห้ามข้ารึไง ? ซื่อเซียวพูดขึ้น
อู่หมิงถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น เจ้าไม่คิดว่ามันส่งผลดีต่อเรารึไง ?
เจ้าหมายความว่ายังไง ? ซื่อเซียวสับสน
ตอนนั้นเย่าหยางก็ได้พูดขึ้นมา เมื่อทะเลโกลาหลปกครองโดยจักรพรรดิทั้ง 9 นอกจากสนามรบแล้วไม่มีพื้นที่เหลืออยู่เลย หากเรนไนเปิดมิติลับในทะเลโกลาหล งั้นมันก็เท่ากับเราต้องยกพื้นที่บางส่วนให้กับเขา…เจ้ารับได้รึไม่ ?
อึก.. ซื่อเซียวพูดอะไรไม่ออก การให้เรนไนเปิดมิติลับในทะเลโกลาหลก็เท่ากับการแย่งพื้นที่ปกครองของพวกเขาไปไม่ใช่รึ ?
ช่างมัน
บางทีเรนไนอาจจะคิดเรื่องนี้มาแล้ว
เขาไม่คิดจะเถียงกับซื่อเซียวและคนอื่นๆจึงได้ขอจางหยูเพื่อเปิดมิติลับในทะเลบรรพกาล ยังไงซะเขาก็เป็นจักรพรรดิของทะเลบรรพกาล การเปิดมิติลับที่นี่ใครจะไปว่าอะไรได้ ?
มิติลับนั้นสร้างขึ้นมาไม่ได้ง่ายๆ ซื่อเซียวไม่ได้พูดอะไร เย่าหยางกลับพูดขึ้นมาแทน เพื่อที่จะสร้างมิติลับขึ้นมาเราต้องเสียทรัพยากรไปอย่างมาก มันต้องใช้เวลานาน อย่าหาว่าข้าไม่เตือนเจ้า เจ้าเป็นจักรพรรดิหน้าใหม่ มันจะดีกว่าที่จะเตรียมตัวสักพักแล้วค่อยคิดในการเปิดมิติลับขึ้นมา ไม่งั้นแล้วหากล้มเหลวในการสร้างมิติลับ มันอาจจะส่งผลกระทบต่อพลังจักรพรรดิ
พวกเขาล้มเหลวมาแล้วหลายครั้งก่อนจะเปิดมิติลับสำเร็จ
เรนไนพูดขึ้น ขอบคุณที่หวังดี แต่ข้าเข้าใจว่าเจ้าจะบอกอะไร
ตอนที่หว่านเก่อเปิดมิติลับ เขาเองก็ช่วยนาง จึงเป็นธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าการเปิดมิติลับนั้นยากแค่ไหน
แต่เขามั่นใจว่ามันไม่ยากที่จะเปิดมิติลับขึ้นมา
ท่านพี่ เรารอสักหน่อยจะดีกว่า หว่านเก่อกังวล
สบายใจได้ มันไม่ได้ยากสักเท่าไหร่ในการเปิดมิติลับ เรนไนยิ้มออกมาและจับมือหว่านเก่อเอาไว้ พี่ของเจ้ารับพลังของจักรพรรดิได้ไหวและขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ แล้วจะล้มเหลวกับการเปิดมิติลับได้ยังไง ?
หว่านเก่อคิดสักพัก นางไม่คิดจะกล่อมอะไรเขาอีก นี่ถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ นางควรใช้พลังจิตเพื่อช่วยเรนไนจะดีกว่า
ด้วยความแข็งแกร่งของนางตอนนี้แล้วมันไม่น่าจะมีปัญหาอะไร
สำหรับซื่อเซียว, เย่าหยางและอู่หมิงแล้ว นางไม่ได้หวังให้พวกนี้ช่วย ตราบใดที่พวกนี้ไม่สร้างปัญหาก็ถือว่าดีแล้ว
บางทีคังเฉียงอาจจะช่วยได้แต่… สุดท้ายหว่านเก่อก็สลัดความคิดที่จะขอความช่วยเหลือจากจางหยูออกไป เราติดค้างเขามามากแล้ว เรามีสิทธิ์อะไรที่จะไปขอให้เขาช่วยอีก ?
แม้ว่าผลของการล้มเหลวในการเปิดมิติลับขึ้นมาจะร้ายแรง แต่ก็ไม่ได้เป็นภัยถึงชีวิต มันไม่จำเป็นต้องรบกวนจางหยู ในเรื่องนี้
เอาล่ะ มาเริ่มกันดีกว่า เรนไนไม่ได้สนใจอีกสามคนที่เหลือ เขาได้บอกกับหว่านเก่อ อีกสักพักข้าจะเปิดมิติลับด้วยตัวเอง เจ้าคอยดูอยู่เฉยๆ หากข้าต้องการความช่วยเหลือ ข้าจะบอกเจ้าเอง
เขาอยากทดลองเปิดมิติลับด้วยความแข็งแกร่งของตัวเองก่อน หากเขาทำสำเร็จ เขาก็จะยืนยันความแข็งแกร่งของตัวเองได้ ยิ่งไปกว่านั้นเขาก็เพิ่งขึ้นเป็นจักรพรรดิ มันเพราะสภาพที่สมบูรณ์ของเขาที่ทำให้เขาไม่ต้องปรับตัวใดๆ ในทางกลับกันแล้วเขาก็ยังได้รับพลังจิตกับการขึ้นเป็นจักรพรรดิ ซึ่งมันช่วยเพิ่มโอกาสในการเปิดมิติลับได้สำเร็จมากขึ้น !
หว่านเก่อพยักหน้าตอบรับ ก็ได้ !
แม้ว่าซื่อเซียวและคนอื่นๆจะไม่ได้เป็นห่วงเรนไน แต่พวกเขาก็ไม่ได้พูดถากถางอะไรออกมา พวกเขาจะรอจนกว่าเรื่องนี้จะจบ
เฮ้อ เรนไนถอนหายใจออกมา จิตของเขาผ่อนคลายอย่างมากในตอนนี้ จากนั้นเขาก็แสดงสีหน้าจริงจังออกมา
ต่อมาพลังจักรพรรดิก็แผ่ออกมาจากตัวเรนไนเข้าครอบคลุมบรรพกาลรอบตัว
ซื่อเซียวหรี่ตาลง แม้ว่าพวกเขาจะไม่อาจจะตัดสินระดับของเรนไนได้ แต่พลังจักรพรรดินี้ก็ทำให้พวกเขารู้สึกได้ถึงอันตรายนิดๆ มันไม่ใช่สิ่งที่จักรพรรดิหน้าใหม่ควรจะมี เพราะมันราวกับพลังของคนที่เป็นจักรพรรดิมานานหลายยุคแล้ว
แม้ว่าเรนไนจะมั่นใจแต่เขาก็ยังระวังตัว
พลังของจักรพรรดิได้เข้าไปปกคลุมบรรพกาลส่วนหนึ่ง และก็ไม่ได้ขยายตัวออกไปอีก
หลังจากที่ได้ระยะของพลังแล้ว เรนไนก็ค่อยๆปล่อยพลังจิตออกมา พลังจิตอันแข็งแกร่งได้กระจายไปโดยรอบในระยะพลังจักรพรรดิ เขาไม่ได้ลนลานรึเงอะงะแม้แต้น้อย ท่าทีของเขาไม่ได้แปลก และราวกับว่าเขาเคยทำแบบนี้มาแล้ว ขั้นตอนทั้งหมดเหมือนจะผ่านไปอย่างราบรื่น
ซื่อเซียวและคนอื่นๆแสดงสีหน้าตกตะลึงออกมา เขาดูผ่อนคลายจริงๆ..
หว่านเก่อที่เตรียมตัวอยู่ตลอดเพื่อเข้าไปช่วยเองก็แปลกใจเหมือนกับคนอื่นๆ
เรนไนนั้นเพ่งสมาธิอย่างน่าทึ่งจนไม่ได้สนใจโลกภายนอก
ด้วยพลังจักรพรรดิเป็นกระดูก พลังจิตเป็นเนื้อ วิญญาณคือวิญญาณ จิตคือกฎ … หลังจากที่เรนไน ตัดสินว่าพลังจักรพรรดินั้นรวมกับพลังจิตอย่างสมบูรณ์แล้วเขาก็ได้ส่งวิญญาณเข้าไป มันทำให้มิติลับค่อยๆแยกตัวออกมาจากทะเลบรรพกาล มันราวกับมิติที่สูงกว่าที่ดีดตัวออกมาค่อยๆขึ้นรูปร่าง
ขั้นตอนในการเปิดมิติลับนั้นดูง่ายแต่ทุกขั้นตอนนั้นต้องใช้พลังอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นขั้นไหน หากผิดพลาดไปเล็กน้อยก็จะนำไปสู่ความล้มเหลว
โชคดีที่สามขั้นแรกของเรนไนนั้นราบรื่น
สุดท้ายขั้นที่ยากและสำคัญที่สุดคือการประทับจิตลงไปในมิติลับเพื่อให้มิติลับนั้นยกตัวออกจากทะเลบรรพกาลและเปลี่ยนเป็นโลกที่แท้จริง !