ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1970 : จักรพรรดิทะเลบรรพกาล v จักรพรรดิทะเลโกลาหล

ตอนที่ 1970 : จักรพรรดิทะเลบรรพกาล v จักรพรรดิทะเลโกลาหล

  จากแม่ทัพขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้ว ส่วนที่เปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดคือการเปลี่ยนแปลงทางร่างกาย, จิต, วิญญาณและความคิด !

  จิตเปลี่ยนเป็นความจริงขึ้นมา คือสัญญาณของจักรพรรดิ !

  จิตของแม่ทัพนั้นคือนามธรรม ส่วนจิตของจักรพรรดิเปลี่ยนเป็นรูปธรรมขึ้นมา !

  จิตคือส่วนที่สำคัญที่สุดของจ้าวโกลาหลทุกคน แม้แต่สำหรับจักรพรรดิก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

  การเปลี่ยนแปลงทางจิตจากนามธรรมเป็นรูปธรรมขึ้นมาได้นั้นเหมือนกับการเปลี่ยนแปลงของวิญญาณของผู้บ่มเพาะขั้นต้น มันถือว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก !   ในเวลาเดียวกันจิตรูปธรรมก็คือกุญแจสำคัญในการเปิดมิติลับขึ้นมา เพราะจิตแบบนั้นสามารถเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับกฎได้ในระดับหนึ่ง มันทำให้มิตินั้นดีดตัวออกมาจากทะเลบรรพกาลได้ ภายใต้จิตนี้มิติลับจะเปลี่ยนเป็นจริงขึ้นมา มันคล้ายกับการสร้างบางอย่างจากความว่างเปล่า

  เห็นได้ว่าจากจุดนี้พลังจิตที่แข็งแกร่งสามารถเปลี่ยนความว่างเปล่าให้กลายเป็นจริงได้

  ในทะเลบรรพกาล

  มิติลับค่อยๆดีดตัวออกมาจากทะเลบรรพกาล มันเหมือนกับภาพฉาย ทั้งมิติลับนั้นดูไม่สมจริงแม้แต่น้อย

  แต่ต่อมาจิตของเรนไนก็ราวกับคนจริงๆที่หลุดออกจากร่างกายได้ดำดิ่งลงไปในมิติลับ มันสั่นพ้องไปกับมิติลับจนมิติลับเริ่มเปลี่ยนจากภาพเสมือนเป็นความจริงขึ้นมา ในขั้นตอนนี้มิติลับได้หลอมรวมกับจิตของเรนไนไปแล้ว  สีหน้าของซื่อเซียวและคนอื่นๆเปลี่ยนไปทันที พวกเขาพากันมองไปที่เรนไนที่ซึ่งตอนนี้ไร้การป้องกันใดๆด้วยสีหน้าตกตะลึง

  หากพวกเขาลงมือในตอนนี้ พวกเขาก็มั่นใจกว่า 8 ใน 10 ว่าจะสามารถฆ่าเรนไนได้ !

  เพราะจิตของเรนไนได้หลุดออกจากร่างและวิญญาณไปแล้ว มันเหมือนว่าการโจมตีใดๆก็สามารถจัดการเรนไนได้ นี่คือช่วงที่เรนไนอ่อนแอที่สุด ตราบใดที่พวกเขาลงมือ มันก็มีโอกาสสูงที่จะสามารถฆ่าเรนไนได้ และทำให้จักรพรรดิตายไป

  แม้ว่าหว่านเก่อจะขัดขวางแต่ก็ยากที่จะหยุดจักรพรรดิสามคนจากการโจมตีได้

  มันแค่ว่า….เมื่อคิดถึงจักรพรรดิคังเฉียงที่ลึกลับและแข็งแกร่ง พวกเขาก็พากันสลัดความคิดที่จะลงมือทิ้งไป

  เพราะแม้พวกเขาจะมั่นใจว่าสามารถฆ่าเรนไนได้ แต่แล้วยังไงต่อ ?

  แน่นอนว่าหว่านเก่อต้องเป็นศัตรูกับพวกเขา พวกเขาจะไม่ได้เผชิญหน้าแค่กับจักรพรรดิเผ่าสวรรค์ แต่ต้องเผชิญหน้ากับหว่านเก่อด้วย

  แน่นอนว่านั่นไม่ใช่ส่วนที่สำคัญที่สุด เพราะสิ่งที่พวกเขากลัวที่สุดคือจางหยู

  ยังไงซะนี่ก็เป็นอาณาเขตของจางหยู หากพวกเขาฆ่าเรนไนไปจริงๆก็เท่ากับหาเรื่องจางหยูไปด้วย ด้วยความแข็งแกร่งที่จางหยูแสดงออกมา และยังเรื่องการที่สู้กับจักรพรรดิกุยหลิง แค่นี้ก็ทำให้พวกเขาไม่กล้าที่จะหาเรื่องอีกฝ่ายแล้ว

  ชื่อของจักรพรรดิคังเฉียงแสดงถึงพลังสูงสุดในใจของเหล่าจักรพรรดิ

    เพื่อที่จะกำจัดองค์ประกอบที่ไม่แน่นอน การหาเรื่องคังเฉียง…  ซื่อเซียวและคนอื่นๆสลัดความคิดในหัวทิ้งไปทันที

  หว่านเก่อไม่รู้ว่าพวกนั้นคิดอะไรอยู่ นางคอยระวังจากพวกนั้นอยู่เสมอ หากซื่อเซียวและคนอื่นๆกล้าที่จะลงมือ แม้ว่านางจะต้องตายแต่นางก็ต้องทำให้พวกนี้เจ็บตัว นางพร้อมยอมลากพวกนี้ไปตายด้วย

  นางไม่ได้อ่อนแอแบบที่เห็นภายนอก ไม่งั้นแล้วนางคงไม่อาจจะทำให้แม่ทัพมากมายเชื่อฟังได้

  เรนไนไม่ได้สนใจสถานการณ์ภายนอกแล้วในตอนนี้ จิตของเขาและมิติลับหลอมรวมกันอย่างต่อเนื่อง ด้วยจิตของเขาก็ทำให้มิติลับเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา

  ทุกจุดในมิติลับทำให้จิตของเขาอ่อนแอลงทีละนิดๆ

  จนกระทั่งถึงช่วงสำคัญ ตอนที่มิติลับหลุดออกมาจากทะเลบรรพกาลเป็นมิติของตัวเอง มันก็เปลี่ยนเป็นเขตโกลาหลจริงๆ มันคือโลกที่หลุดออกมาจากทะเลบรรพกาล ตอนนั้นเองภาพฉายของมิติลับก็หายไป

  สำเร็จ !

  จิตของเรนไนเกี่ยวข้องกับพลังจิต, ร่างกาย, วิญญาณและความคิด มันราวกับหลอมรวมกันอย่างสมบูรณ์ มิติลับได้เชื่อมต่อกับจิตและพลังจิตของเขา วิญญาณของมิติลับและธาตุต่างๆก็รวมเป็นส่วนหนึ่งกับเขา แม้ว่าจิตของเขาจะอ่อนแอ พลังจิต,วิญญาณและจิตไม่ได้เพิ่มขึ้นแต่ความแข็งแกร่งของเขาได้พัฒนาขึ้นไปอีก

  ตูม !

  ตอนที่จิตของเรนไนกลับมาที่ร่าง พลังอันน่ากลัวก็แผ่ออกมา

  สีหน้าของซื่อเซียวและคนอื่นๆเปลี่ยนไป สายตาพวกเขาแสดงความตะลึงออกมา

  หว่านเก่อตื่นเต้นขึ้นมาทันที   ท่านพี่ เจ้าทำสำเร็จ ! 

    ถูกแล้ว  เรนไนลืมตาขึ้น ใบหน้าอันเย็นชาของเขาเผยรอยยิ้มออกมา   แม้ว่าจะซับซ้อนอยู่บ้างแต่โดยทั่วไปแล้วก็ราบรื่น… 

  เขาอารมณ์ดีอย่างมาก แม้ว่าเขาจะมั่นใจก่อนจะเปิดมิติลับขึ้นมา แต่จนกระทั่งตอนนี้ที่ทำสำเร็จแล้ว เขาก็ยังกลัวว่ามันจะล้มเหลวอยู่

    พวกเจ้าจะดูไปถึงเมื่อไหร่ ?  เรนไนหันไปมองซื่อเซียวและคนอื่นๆ

  หว่านเก่อมองไปยังทั้งสามคน สามคนนี้ไม่ได้สร้างปัญหา นี่ถือเป็นเรื่องที่น่าแปลกใจ

  ในความเห็นของนางแล้ว แม้ว่าทั้งสามคนจะไม่ได้ใช้โอกาสนี้โจมตีเรนไน แต่ก็ไม่น่าจะปล่อยให้เรนไนเปิดมิติลับได้ราบรื่นแต่….พวกนี้กลับไม่ได้เคลื่อนไหวเลยตั้งแต่ต้นจนจบ ราวกับว่าพวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่ด้วย

    ยินดีด้วย  ซื่อเซียวเงียบไปสักพักแล้วพูดขึ้น เขาฝืนยิ้มออกมา   เจ้าเปิดมิติลับสำเร็จในคราวเดียว มันคือสิ่งที่เราไม่อาจจะทำได้ ไม่คิดเลยว่าเจ้าจะทำได้ น่าชื่นชมจริงๆ 

  ตอนแรกเขาดูหมิ่นเรนไนนิดๆ แต่ตอนนี้เขากลับคิดว่าความแข็งแกร่งของเรนไนไม่อาจจะประมาทได้

  เรนไนมองไปที่ซื่อเซียวแล้วพูดขึ้น  แค่เปิดมิติลับ มันไม่ได้เป็นผลงานที่โดดเด่นอะไร เจ้าชมข้าเกินไปแล้ว    แต่ตอนนั้น อู่หมิงก็ได้พูดขึ้นมา   เรนไน เจ้าถือสารึไม่หากจะสู้กับข้า ? 

  ทันทีที่ได้ยินแบบนั้น ซื่อเซียวและเย่าหยาง ก็มองหน้ากันด้วยสีหน้าไม่คาดคิด

  หว่านเก่อคิ้วขมวด   ท่านพี่เพิ่งเปิดมิติลับเสร็จ จิตของเขายังอ่อนแออยู่… 

  ก่อนที่หว่านเก่อจะพูดจบ เรนไนก็ขัดขึ้นและยิ้มออกมา  ไม่เป็นไร 

  เขามองไปที่อู่หมิง   เมื่อเจ้าอยากจะสู้กับข้า งั้นข้าก็ตกลง  เขาเองก็อยากเห็นช่องว่างระหว่างเขากับจักรพรรดิเก่า ในฐานะหนึ่งในจักรพรรดิที่เก่าแก่ที่สุด ความแข็งแกร่งต้องเหนือกว่าโดยไม่ต้องสงสัย การสู้กับอู่หมิงนั้นเป็นแค่การยืนยันความแข็งแกร่งของตัวเองเท่านั้น

  สำหรับหว่านเก่อแล้ว ใครจะไปรู้ว่าหว่านเก่อจะจงใจยั้งมือรึไม่ ?

    มันมีบรรพกาลมากมายที่นี่ เปลี่ยนที่กันดีกว่า  อู่หมิงมองไปรอบๆก่อนจะเปลี่ยนเป็นลำแสงพุ่งออกจากที่นั่น

  เรนไนรีบตามไปติดๆ

  ความเร็วของทั้งสองไม่ได้ต่างกันมาก

  ซื่อเซียวและ เย่าหยางมองหน้ากันก่อนจะไล่ตามไป เพราะพวกเขาเองก็สงสัยในความแข็งแกร่งของเรนไนเช่นกัน

  นี่ไม่ต้องพูดถึงหว่านเก่อเลย เมื่อเรนไนเดินทางออกไป นางก็ตามไปติดๆ

  ไม่นานพวกเขาก็มาพบกับม่านแสง ม่านแสงที่มองออกไปและพบแต่บรรพกาลไม่กี่อัน

  ที่สำคัญที่สุดคือตอนที่เรนไนสู้กับอู่หมิง ม่านแสงนี้ทนพลังส่วนมากได้ พวกเขาไม่ต้องกังวลว่ามันจะส่งผลกระทบต่อทะเลบรรพกาล

  ยังไงซะนี่ก็เป็นอาณาเขตของจักรพรรดิคังเฉียง มันไม่มีใครกล้าทำลายพื้นที่ของจักรพรรดิคังเฉียงเป็นอันขาด

    รับนี่ไป มันช่วยฟื้นฟูจิตของเจ้าได้ 

  เรนไนโบกมือ   ไม่จำเป็น ข้าเองก็มีมันเช่นกัน    เมื่อได้ยินแบบนั้นอู่หมิงก็ไม่ได้พูดอะไรต่อ ด้วยความสัมพันธ์ของเรนไนกับหว่านเก่อแล้ว เรนไนจะขาดลูกปัดจิตได้ยังไง ?

  สำหรับจ้าวโกลาหล ลูกปัดจิตคือของที่หายาก แต่สำหรับจักรพรรดิแล้ว แม้ว่ามันจะมีค่าแต่ก็ไม่ได้หายากอะไร ตราบใดที่พวกเขาตั้งใจ พวกเขาก็สามารถสร้างมันขึ้นมาได้จำนวนมาก มันไม่ได้ใช้อะไรอย่างอื่นเลยนอกจากเวลา

  สิ่งที่สำคัญที่สุดสำหรับจักรพรรดิคือเวลา !

  ดังนั้นจักรพรรดิทุกคนจึงทำการเก็บลูกปัดจิตเอาไว้จำนวนมากเผื่อเหตุฉุกเฉิน

  แน่นอนว่าผลของการดูดซับลูกปัดจิตนั้นมากกว่าการดูดซับลูกปัดดั้งเดิมแต่หากไม่นับเวลาแล้วพวกเขาเลือกที่จะดูดซับลูกปัดดั้งเดิมจะดีกว่า ยังไงซะลูกปัดจิตก็มีค่าเกินไป

    ลงมือ  เรนไนมองไปที่อู่หมิง   ข้าขอชมฝีมือของจักรพรรดิเก่าหน่อย ! ไม่ต้องยั้งมือ…    อู่หมิงพูดขึ้นด้วยสีหน้าจริงจัง   เจ้าเองก็เช่นกัน 

  หลังจากที่เรนไนเปิดมิติลับได้อย่างง่ายดาย และเห็นความเร็วของเรนไน อู่หมิงก็ไม่กล้าจะดูถูกเรนไนอีก นี่ไม่ต้องนับการยั้งมือเลย

  ซื่อเซียวและคนอื่นๆต่างก็พากันกลั้นหายใจ

  นี่คือการประลองระหว่างจักรพรรดิแห่งทะเลบรรพกาลกับจักรพรรดิของทะเลโกลาหล !

  มันคือการประลองระหว่างจักรพรรดิใหม่กับจักรพรรดิเก่า !

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

นิยายแนะนำ

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท