“ที่รัก ขอโทษนะ ฉันทำเต็มที่แล้ว ฉันทำเต็มที่แล้วจริงๆ ฉันหมดหนทางแล้ว ฉันหมดหนทางช่วย หมีเสวี่ยให้หาย ขอโทษนะ ขอโทษจริงๆ!”
อ้ายหลินร้องไห้แทบขาดใจ เธอจับมือหม่าชาวแน่น “แต่คุณวางใจเถอะ ต่อไปฉันจะดูแล หมีเสวี่ยด้วยตัวเองทุกวัน”
“เธอไม่ฟื้นวันนี้ ฉันก็ดูแลเธอ เธอไม่ฟื้นหนึ่งปี ฉันก็จะดูแลเธอหนึ่งปี เธอไม่ฟื้นตลอดชีวิต ฉันก็จะดูแลเธอตลอดชีวิต!”
อ้ายหลินร้องไห้และพูดออกมา
แต่หม่าชาวเสียสติไปแล้ว เขาเหมือนศพเดินได้ มอง หมีเสวี่ยที่มีผ้าพันแผลเต็มตัวบนเตียง ด้วยสีหน้าเหม่อลอย
“ที่รัก คุณอย่าทำให้ฉันตกใจสิ คุณพูดอะไรหน่อยได้ไหม”
อ้ายหลินกอดหม่าชาวแน่น ร้องไห้และพูดออกมา “เสียวเสวี่ยไม่ฟื้นแค่ชั่วคราว ไม่ใช่ว่าเธอจะไม่ฟื้นไปตลอดชีวิต”
“ต่อไปแค่เราดูแลเธอดีๆ เธอจะต้องฟื้นขึ้นมาอีกครั้งแน่นอน คุณเชื่อฉันได้ไหม”
ตอนหยางเฉินรู้ว่า หมีเสวี่ยอาจไม่ฟื้นตลอดชีวิต เขาเหมือนโดนฟ้าผ่าเช่นกัน
เขารู้สึกเหมือนใจตัวเองจะแตกสลาย ในหัวมีแต่พนักงานขาย แผนกขายห้องที่แสนดีและใสซื่อคนนั้น
อ้ายหลินเป็นหมอผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ ที่มีชื่อเสียงในประเทศ ขนาดอ้ายหลินยังไม่รับรองว่า หมีเสวี่ยจะฟื้นขึ้นมาได้ แสดงว่าอาการของ หมีเสวี่ยหนักมาก
งั้นหมายความว่า ตอนนี้ หมีเสวี่ยกลายเป็นเจ้าหญิงนิทราแล้ว
ในองค์ความรู้ของหยางเฉิน เจ้าหญิงนิทราแทบจะเท่ากับคนตาย
ถึงมีเจ้าหญิงนิทราที่ฟื้นขึ้นมาได้ แต่ก็เป็นจำนวนที่น้อยมาก
“เพียะๆๆๆ!”
ทันใดนั้นหม่าชาวยกมือตบหน้าตัวเองซ้ายขวา ตบแต่ละครั้งล้วนใช้แรงมาก
“เพราะฉัน! เพราะฉัน!”
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันทิ้งเสียวเสวี่ยในตอนนั้น จะทิ้งเธอมาสิบสามปีเต็มๆ ได้ยังไง”
“ถ้าไม่ใช่เพราะฉันจัดงานแต่งในวันนี้ เสียวเสวี่ยจะโดนลอบฆ่าได้ยังไง”
“เสียวเสวี่ยพี่ขอโทษ พี่ขอโทษ!”
จิตใจของหม่าชาวพังทลาย เขาร้องไห้โฮ
ใช่ว่าผู้ชายจะไม่ร้องไห้ แต่ยังไม่ถึงจุดที่เจ็บปวด
ใครจะไปคิด หม่าชาวที่สูงตระหง่านเหมือนภูเขา จะมีตอนที่เสียใจแบบนี้
“พรวด!”
หม่าชาวได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง จนกระอักเลือดออกมา และสลบไป
“ที่รัก!”
อ้ายหลินตะโกนออกมา และกอดหม่าชาวเอาไว้
หมีเสวี่ยถูกส่งไปที่ห้องไอซียู หม่าชาวก็ได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง จนสลบไป
ในห้องผู้ป่วย หยางเฉินมองหม่าชาว ที่นอนหน้าซีดอยู่บนเตียง ในใจรู้สึกแย่มาก
ในความทรงจำของเขา นี่เป็นครั้งแรกที่หม่าชาวเสียใจขนาดนี้
ตอนทำสงครามที่ชายแดนเหนือ ถึงสู้แบบเฉียดตาย เขาก็ไม่ยอมแม้แต่น้อย
มีอยู่ครั้งหนึ่ง หม่าชาวเข้าไปซุ่มโจมตีศัตรูเพียงคนเดียว
เขาฆ่าคนด้วยมีดเดียว ไปๆ มาๆ ฆ่าศัตรูหลายร้อยคน ถึงสุดท้าย เขาจะบาดเจ็บสาหัส แต่ก็ยังมีรอยยิ้มอยู่บนใบหน้า รอให้หยางเฉินไปช่วยเขา
แต่วันนี้ เรื่องของ หมีเสวี่ย กลับสะเทือนใจเขาเป็นอย่างมาก
จนทำให้เขาได้รับความกระทบกระเทือนทางใจอย่างรุนแรง จนทำให้ร่างกายบาดเจ็บ
อ้ายหลินนั่งอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย จับมือหม่าชาวเอาไว้แน่น บนหน้ายังมีคราบน้ำตาอยู่
วันนี้เป็นงานมงคลของเธอ เดิมทีคิดว่าหลังผ่านวันนี้ไป เธอกับหม่าชาวจะมีความสุขไปทั้งชีวิต
แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือ หมีเสวี่ยจะบาดเจ็บสาหัสในวันมงคล
ถ้า หมีเสวี่ยอดทนไม่ไหวและจากไป ต่อไปวันครบรอบแต่งงานทุกปี เกรงว่าหม่าชาวจะผ่านไปด้วยความเศร้าโศก
“พี่อ้าย ไม่มีวิธีอะไรจริงๆ เหรอ”
หยางเฉินสะกดกลั้นความเจ็บปวด และถามขึ้น
อ้ายหลินส่ายหน้า พูดด้วยตาแดงก่ำ “ฉันเป็นผู้เชี่ยวชาญทางด้านการแพทย์ อาการบาดเจ็บของเสียวเสวี่ยสาหัสมาก ทำให้สมองเสียหายเป็นอย่างมาก”
“ฉันไม่รู้ว่าบนโลกนี้มีหมอเทวดา ที่ไม่ถือกำเนิดหรือเปล่า แล้วก็ไม่รู้ว่าหมอเทวดาจะทำให้เสียวเสวี่ยฟื้นหรือเปล่า แต่ที่ฉันรู้ อาการของเสียวเสวี่ย ไม่สามารถมีใครรักษาได้”
“ตอนนี้จะฟื้นได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับความโชคดีของเสียวเสวี่ยแล้วล่ะ”
ในคำพูดของอ้ายหลิน เต็มไปด้วยความเศร้าโศก
ทว่าคำพูดของอ้ายหลิน กลับทำให้ตาของหยางเฉินเป็นประกาย รู้สึกเหมือนเห็นความหวัง
หยางเฉินยืนอยู่บนจุดสูงสุดของวิถีบู๊ รู้เรื่องเยอะกว่าอ้ายหลินอยู่แล้ว เขารู้ดีว่าในตระกูลบู๊โบราณที่ลึกลับ น่าจะมีหมอเทวดาอยู่แน่นอน
แต่เขาไม่เคยสัมผัสกับตระกูลบู๊โบราณ ยิ่งไม่เคยสัมผัสกับหมอเทวดา
ในบรรดาคนที่เขารู้จัก อ้ายหลินคือคนที่มีฝีมือทางด้านการแพทย์สูงสุด
“ฉันจะหาวิธีทำให้เสียวเสวี่ยฟื้นให้ได้!”
จู่ๆ หยางเฉินพูดด้วยสีหน้าแน่วแน่
เมื่อพูดขึ้นมา สิ่งที่ หมีเสวี่ยเจอ เขานี่แหละคือผู้กระทำความผิด
การที่กวนซินหาคนไปลอบฆ่า หมีเสวี่ย ก็เพราะพุ่งเป้ามาที่เขา
หยางเฉินน่าจะคิดได้ตั้งนานแล้ว ว่าคนข้างกายเขาล้วนอยู่ในอันตราย
เขาไม่ควรให้พี่น้องอย่างหม่าชาวกับ หมีเสวี่ย เจอกันในงานแต่งของหม่าชาว
ถึงจะเจอกัน ก็ควรให้พวกเขาเจอกันเป็นการส่วนตัว
ดังนั้น ทั้งหมดเป็นความผิดของเขา
“หยางเฉิน นายห้ามโทษตัวเอง เรื่องเสียวเสวี่ย ไม่เกี่ยวกับนาย แค่ศัตรูโหดเหี้ยมเกินไป ขนาดผู้หญิงที่บริสุทธิ์และแสนดีขนาดนี้ ยังไม่ปล่อยไป”
อ้ายหลินมองความคิดของหยางเฉินออก จึงรีบพูดเกลี้ยมกล่อม
จู่ๆ หยางเฉินยิ่งโทษตัวเองเข้าไปอีก เขากัดฟันพูดว่า “พี่อ้าย พี่ไม่ต้องปลอบใจผมหรอก เสียวเสวี่ยพลอยลำบากเพราะผม งานแต่งของพี่กับหม่าชาวโดนทำลาย ก็เพราะติดร่างแหไปจากผม ผมขอโทษพวกพี่”
พูดจบ หยางเฉินหันหลังเดินออกไป
เขาทนอยู่ต่อไม่ได้ เมื่อเห็นหม่าชาวเศร้าเสียใจ เห็น หมีเสวี่ยมีผ้าพันแผลเต็มตัว ทำให้เขารู้สึกโทษตัวเองเป็นอย่างมาก
“ฉันต้องการหมอเทวดาด้านสมอง ที่ดีที่สุดในโลก!”
เขาหยิบมือถือออกมา กดโทรหาเบอร์ที่มีอยู่นาน
ถ้าไม่ใช่เพราะ หมีเสวี่ย บางทีเขาอาจจะไม่โทรหาเบอร์นี้ตลอดชีวิต
ในเสียงของหยางเฉิน ยังแฝงไปด้วยความอ้อนวอน
ไม่นาน เสียงชราดังออกมาจากปลายสาย “ได้!”
ถึงเป็นเพียงแค่คำเดียว แต่กลับทำให้หยางเฉินรู้สึกว่า หินหนักอึ้งที่กดทับอยู่ในใจ หล่นลงไปทันที
ไม่ว่าอย่างไร สิ่งที่ หมีเสวี่ยเจอ เพราะติดร่างแหจากเขา
ขณะที่หยางเฉินกำลังจะวางสาย จู่ๆ เสียงชราดังขึ้นมาอีกครั้ง
“นายไม่คิดดูสักหน่อยเหรอ รับช่วงดูแลตี้ชุนต่อไหม”
จู่ๆ หยางเฉินอึ้งไป คิดไม่ถึงจริงๆ คนที่ไม่เคยถามเรื่องทางโลกอย่างเขา จะสนใจเรื่องทางโลกขึ้นมา
เงียบอยู่นาน หยางเฉินเอ่ยขึ้นว่า “ตอนนี้ยังไม่มีความคิดนั้น”
“อิทธิพลของตี้ชุน เหนือจินตนาการของนาย ถ้านายควบคุมตี้ชุนได้ ความปลอดภัยของคนข้างกายนาย อย่างน้อยก็ได้การรับประกัน”
อีกฝ่ายเอ่ยขึ้นอีก “ฉันแค่พูดขึ้นมาเท่านั้น ส่วนจะเลือกยังไง ขึ้นอยู่กับตัวนายเอง”
“นอกจากนี้ ฉันจะส่งหมอชั้นยอดไปหานาย ส่วนจะรักษาเด็กผู้หญิงคนนั้นหายหรือเปล่า ฉันไม่สามารถรับรอง
ได้”
หยางเฉินพูดเสียงทุ้ม “ถือว่าฉันเป็นหนี้น้ำใจของนายละกัน!”
“เกรงใจอะไร!”
อีกฝ่ายพูดจบ ก็วางสายทันที
ไม่มีใครรู้ เพราะโทรศัพท์สายนี้ หยางเฉินต้องทุ่มเทมากมายแค่ไหน