ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1978 : ล้มเหลว

ตอนที่ 1978 : ล้มเหลว

  ทันที่กล่องกระบี่ปรากฏขึ้นมา สายตาของซื่อเซียวและคนอื่นๆก็จับจ้องไปที่กล่องกระบี่ทันที สายตาพวกนี้กลับเป็นประกาย

    กล่องกระบี่นี่มีความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลซ่อนอยู่รึ ? 

    พลังจิตอันน่ากลัวแบบนี้ไม่ผิดแน่ ! 

  แขนของซื่อเซียวสั่นไหวเพราะไม่อาจจะปกปิดความตื่นเต้นที่มีได้

  สายตาของทุกคนแสดงความโหยหา, คาดหวังและ…โลภมากออกมา

  พวกเขารู้สึกว่าได้เข้าใกล้การเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหล !

  ดูเหมือนว่าตราบใดที่ก้าวขึ้นไปต่อได้ก็จะทำลายขีดจำกัดของจักรพรรดิและขึ้นเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้

    เจ้าลองดูก็ได้ ตราบใดที่เปิดมิติกล่องกระบี่ได้ก็พอ  จางหยูพูดขึ้น

  ทันที่กล่องกระบี่ปรากฏขึ้นมา สายตาของซื่อเซียวและคนอื่นๆก็จับจ้องไปที่กล่องกระบี่ทันที สายตาพวกนี้กลับเป็นประกาย

    กล่องกระบี่นี่มีความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลซ่อนอยู่รึ ? 

    พลังจิตอันน่ากลัวแบบนี้ไม่ผิดแน่ ! 

  แขนของซื่อเซียวสั่นไหวเพราะไม่อาจจะปกปิดความตื่นเต้นที่มีได้

  สายตาของทุกคนแสดงความโหยหา, คาดหวังและ…โลภมากออกมา

  พวกเขารู้สึกว่าได้เข้าใกล้การเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหล !

  ดูเหมือนว่าตราบใดที่ก้าวขึ้นไปต่อได้ก็จะทำลายขีดจำกัดของจักรพรรดิและขึ้นเป็นจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้

    เจ้าลองดูก็ได้ ตราบใดที่เปิดมิติกล่องกระบี่ได้ก็พอ  จางหยูพูดขึ้น  เมื่อได้ยินแบบนั้นอู่หมิงก็ยกมือขึ้นและมองไปที่จางหยู   มิติรึ ? เจ้าบอกว่าในกล่องกระบี่นี่มีมิติแยกอยู่รึ ? 

  ซื่อเซียวและเย่าหยางมองไปที่จางหยู

  จางหยูพยักหน้า   กล่องกระบี่นี้คือสมบัติที่เหนือกว่าสมบัติโกลาหลขั้นสมบูรณ์ บางทีอาจจะเหนือกว่าสมบัติขั้นสมบูรณ์ทุกชิ้น มันอาจจะเหนือกว่าระดับสมบูรณ์ไปแล้วแต่ก็แค่นั้น ความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลนั้นไม่ได้อยู่ที่ตัวกล่องกระบี่เอง แต่ซ่อนอยู่ในมิติของกล่องกระบี่ การเปิดมิติของมันออก เจ้าถึงจะไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้ 

  เขามองไปที่ซื่อเซียว   หากเจ้าเปิดมิตินี้ออกได้ เจ้าจะรู้ความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหล 

  เย่าหยางตาเป็นประกายขึ้นมาทันที   เจ้าเปิดมิติของกล่องกระบี่ได้แล้วรึ ? 

  จางหยูส่ายหน้า   ข้าทดสอบมาหลายวิธีแล้วแต่ไม่อาจจะทำอะไรมันได้เลยแม้แต่น้อยหากไม่ใช่เพราะแบบนี้ข้าคงไม่มีทางให้โอกาสพวกเจ้า… 

    เจ้าแกร่งขนาดนี้แต่ยังไม่อาจจะเปิดมิติของมันได้อีกรึ ?  ซื่อเซียวแปลกใจอย่างมาก

    แกร่งขนาดนี้แล้วยังเปิดได้รึ ?  จางหยูยักคิ้ว   หากเจ้าคิดแบบนั้นจริงๆ งั้นไม่ใช่ว่าดูถูกจ้าวแห่งทะเลโกลาหลไปหน่อยรึ ? 

  ซื่อเซียวพูดขึ้น   เจ้าเข้าใจข้าผิดไป ข้าหมายความว่าหากเจ้าไม่อาจจะเปิดมันออกและไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้ งั้นเจ้ามีความแข็งแกร่งเช่นนี้ได้ยังไง ? พึ่งตัวเองรึ ?  ชัดแล้วว่าในความเห็นของพวกเขาแล้วความสามารถของ จางหยูนั้นเป็นเพราะกล่องกระบี่ จางหยูต้องไขความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลได้บ้างแล้วถึงแกร่งได้ถึงระดับนี้

  เมื่อได้ยินแบบนั้น จางหยูก็หัวเราะออกมา   นี่เรียกว่าแกร่งแล้วรึ ? ดูเหมือนว่าเจ้าจะไม่รู้จักความแข็งแกร่งที่แท้จริง 

  จางหยูพูดขึ้นต่อ   เจ้าได้รับรู้พลังของจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลมาแล้ว ความแข็งแกร่งของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลไม่ได้ด้อยไปกว่าจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลเลย เจ้าคิดว่าความแข็งแกร่งของข้าเทียบได้กับจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลได้รึ ?  

    มดกับช้างไม่อาจจะเทียบกันได้  อู่หมิงตอบกลับ

    ใช่ ข้าไม่ต่างอะไรจากมดต่อหน้าจ้าวแห่งทะเลโกลาหล  จางหยู เห็นด้วยกับคำประเมินของอู่หมิงและพูดขึ้น  กล่องกระบี่นี่เป็นสิ่งที่จ้าวแห่งทะเลโกลาหลสร้างขึ้นเอง มิติของมันสร้างขึ้นโดยจ้าวแห่งทะเลโกลาหล เจ้าคิดว่าด้วยความแข็งแกร่งของข้าแล้ว ข้าจะเปิดมิติของมันได้รึ ? 

  ซื่อเซียวพูดขึ้น   บางทีเจ้าอาจจะมีวิธีการบางอย่าง 

  จางหยูยักไหล่   เจ้าจะคิดยังไงข้าไม่สน ยังไงซะเจ้าก็มีโอกาสอยู่ตรงหน้า ตราบใดที่เจ้าเปิดมิติของมันออกได้ ข้ารับปากว่าจะแบ่งปันความลับของจ้าวแห่งทะเลโกลาหลกับเจ้าหากเจ้าไม่อาจจะเปิดมันได้ ก็อย่าพูดถึงเรื่องนี้อีก 

    มีข้อกำหนดอะไรรึไม่ ?  เย่าหยางถามขึ้นมา

  จางหยูพยักหน้า   ตราบใดที่เจ้าไม่ชิงกล่องกระบี่นี้ไป เจ้าจะทำยังไงกับมันก็ได้ 

    หากวิธีการของเรากลับไปทำลายมันล่ะ ?  เย่าหยางถามขึ้นมา

  จางหยูยิ้มออกมา   หากเจ้าคิดว่าทำลายมันได้ด้วยความแข็งแกร่งที่เจ้ามีแล้วก็ลองดู 

  รอยยิ้มของเขาแฝงไปด้วยนการถากถาง แม้แต่จิตไร้เทียมทานของจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลก็ยังไม่อาจจะทำอะไรกล่องกระบี่ได้แม้แต่น้อย หากซื่อเซียวและคนอื่นๆทำได้ งั้นการเป็นจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลจะมีความหมายอะไร ?

  อู่หมิงมองไปที่จางหยู   ข้าหวังว่าเจ้าจะรักษาคำพูด 

  เมื่อพูดจบอู่หมิงก็ก้าวออกมา  แต่ละก้าวนั้นทำให้พลังของเขาแกร่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อไปถึงกล่องกระบี่ พลังของเขาก็เพิ่มถึงขีดสุดก่อนจะกดฝ่ามือลงบนกล่องกระบี่ พลังจิตอันน่ากลัวได้โคจรในร่างกายอย่างรวดเร็ว พลังจักรพรรดิได้อัดแน่นที่มือราวกับจะระเบิดออกมา

  ตูม !

  เสียงระเบิดดังขึ้น ฝ่ามือของอู่เหมิงสั่นไหวเล็กน้อยพร้อมแสงสว่างจ้าที่ระเบิดออกมาระหว่างมือกับกล่องกระบี่

  วิถีนับพันล้านและกฎนับไม่ถ้วนได้ระเบิดพลังออกมาแต่กลับอัดแน่นไว้ระหว่างฝ่ามือกับกล่องกระบี่ มันได้แสดงพลังทำลายล้างออกมา

  อู่หมิงถอยกลับมาก้าวหนึ่ง ในอีกด้านกล่องกระบี่กลับสั่นไหวเพียงเล็กน้อยก่อนจะกลับไปสงบตามเดิม

  เมื่อเห็นกล่องกระบี่ยังอยู่ดีทั้งสามคนก็แสดงสีหน้าตะลึงออกมา  ต้องรู้ก่อนว่าแม้แต่สมบัติขั้นสมบูรณ์ที่ไม่มีพลังจิตและพลังจักรพรรดิก็ยังไม่อาจจะทนการโจมตีของพลังจักรพรรดิได้แต่กล่องกระบี่นี่ยังอยู่ดี

    ข้าเชื่อแล้วว่ากล่องกระบี่นี่คือสิ่งที่จ้าวแห่งทะเลโกลาหลสร้างขึ้นมาจริงๆ  อู่หมิงแสดงสีหน้าเคร่งเครียดออกมา สายตาของเขาไม่ได้แสดงความผิดหวังออกมาแม้แต่น้อย เขากลับแสดงความคาดหวังออกมาแทน   สมบัติขั้นสมบูรณ์ทั่วไปไม่อาจจะทนการโจมตีแบบนี้ได้ 

  เขาสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพลิกฝ่ามือก่อนจะมีกิ่งไม้ที่เต็มไปด้วยใบไม้ปรากฏขึ้นมา

  เขายังไม่ยอมแพ้

  เขาจับกิ่งไม้ไว้แน่นแล้วโคจรพลังจิตและพลังจักรพรรดิเข้าไปในกิ่งไม้ ต่อมาเขาก็ได้สะบัดกิ่งไม้เบาๆ ใบไม้ได้ลอยออกมาตามลม ใบไม้แต่ละใบเปล่งแสงสีเขียวสดออกมา ด้วยใบไม้หลายร้อยใบก็มีพลังอันน่ากลัวปะทุออกมา กฎนับไม่ถ้วนได้หลอมรวมกันกลายเป็นพลังอันน่ากลัว !

  ตูม !

  ภายใต้การระเบิดนี้กล่องกระบี่ก็สั่นไหวเล็กน้อยแต่กลับกันพลังเหล่านี้ได้หมด

  เมื่อพลังสลายไป ภาพที่พร่ามัวก็กลับมาชัดเจน พวกเขาพบว่ากล่องกระบี่ยังอยู่ดีไม่เปลี่ยนแม้แต่น้อย มันไม่ได้ทิ้งรอยไว้บนผิวของกล่องกระบี่ไว้แม้แต่น้อยด้วยราวกับตะกี้เป็นการแค่สะกิดมัน

  ซื่อเซียวต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ

  เย่าหยางเบิกตากว้างด้วยความเหลือเชื่อ

    หากพวกเจ้าอยากใช้วิธีรุนแรงเพื่อเปิดมัน งั้นข้าแนะนำว่าอย่าเสียพลังเปล่าจะดีกว่า  จางหยูพูดขึ้นมาช้าๆ   เพราะวิธีแบบนี้ข้าได้ทดสอบดูแล้ว มันไม่ได้ผล 

    ข้าไม่เชื่อ !   ซื่อเซียวก้าวออกมาและพูดขึ้น   ให้ข้าลองที ! 

  ไม่มีทาง !

  โชคร้ายที่ผลลัพธ์ออกมาไม่ได้ต่างจากอู่หมิงเลย

    รึเราสามคนควรร่วมมือกัน ?  เย่าหยางเสนอออกมา

  อู่หมิงมองไปที่ จางหยู

  จางหยูยืนนิ่งและตอบกลับ   ตามสบาย 

  เมื่อเห็นว่าจางหยูไม่ได้คัดค้านอะไร ทั้งสามก็ได้แยกตัวกันยืนประจำตำแหน่งรอบกล่องกระบี่เอาไว้ จากนั้นพวกเขาก็ได้ทำการโจมตีด้วยการโจมตีที่รุนแรงที่สุดของตนออกมาพร้อมกัน กล่องกระบี่ได้ระเบิดแสงสว่างจ้าออกมา ทะเลบรรพกาลโดยรอบบิดเบี้ยวไปเล็กน้อยพร้อมกับสั่นไหวอย่างรุนแรง พลังที่ราวกับจะทำลายโลกได้นั้นอัดไปที่กล่องกระบี่ก่อนจะกระจายไปทั่วทุกทิศทาง

  ตูม !

  ในพริบตาการโจมตีของทั้งสามก็ได้อัดเข้าใส่กล่องกระบี่

  กล่องกระบี่สั่นไหวอย่างรุนแรง อุณหภูมิโดยรอบเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วราวกับจะละลายทุกอย่าง แม้แต่ทะเลบรรพกาลก็เหมือนจะโดนเผาไปด้วยแต่ตอนที่พลังสลายไปนั้นกล่องกระบี่ก็ยังอยู่ดีราวกับไม่ได้รับความเสียหายใดๆ

  ซื่อเซียวแทบบ้า   เอาอีก ! 

  เขาตะโกนขึ้นและโจมตีซ้ำอีก

  เย่าหยางและอู่หมิงไม่ลังเลที่จะโจมตีออกไปอีกครั้ง

  ครั้งนี้พวกเขาเหมือนจะบ้าคลั่งไป พวกเขาโจมตีซ้ำแล้วซ้ำเล่า พลังอันน่ากลัวอัดเข้าใส่กล่องกระบี่จนผิวของกล่องกระบี่นั้นสะท้อนแสงที่ราวกับพลุไฟออกมา ภายใต้การโจมตีต่อเนื่องนี้ทะเลบรรพกาลใกล้กับกล่องกระบี่ได้สั่นไหวอย่างต่อเนื่อง มันถึงกับเกิดวังวนที่น่ากลัวขึ้นมาราวกับที่นั่นจะถล่มลงไป

  ตูม ตูม ตูม….

  แสงสว่างจ้างบดบังทุกอย่าง

  คลื่นพลังได้กระจายไปโดยรอบ

  สักพักทั้งสามคนก็หอบหายใจและหยุดมือ

  สายตาของพวกเขาจับจ้องไปที่กล่องกระบี่ แสงโดยรอบเริ่มจางลงพร้อมกับกล่องกระบี่ที่กลับเป็นปกติดังเดิม

  เมื่อเห็นกล่องกระบี่ที่ยังอยู่ดี ซื่อเซียวก็ใจหล่นวูบ   เป็นแบบนี้ได้ยังไง… 

  สุดท้ายพวกเขาก็เข้าใจแล้วว่าจางหยูพูดถึงอะไร กล่องกระบี่ถูกจ้าวแห่งทะเลโกลาหลสร้างขึ้นมา มิติของมันถูกสร้างขึ้นโดยจ้าวแห่งทะเลโกลาหลเช่นกัน พวกเขาจะทำลายและเปิดมันง่ายๆได้ยังไง ?

  แม้ว่าจ้าวแห่งทะเลโกลาหลจะหายตัวไปแต่กล่องกระบี่ที่เขาสร้างขึ้นมาก็ไม่ใช่สิ่งที่จักรพรรดิทั่วไปจะทำอะไรได้

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท