ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1981 : ก่อนเริ่มสงคราม

ตอนที่ 1981 : ก่อนเริ่มสงคราม

  หากแม่ทัพสูงสุดทั้งแปดแสนร่างเข้าร่วมการแข่งขัน เดาว่าทุกคนคงตกใจไม่ใช่น้อยๆแน่ ?

  แต่จางหยูก็สลัดความคิดนั้นทิ้งไป

  ด้วยศิษย์และอาจารย์กว่า 2,000 คนก็เพียงพอที่จะจัดการพวกที่ต่ำกว่าจักรพรรดิได้แล้ว มันไม่จำเป็นจะต้องส่งแม่ทัพสูงสุดอีกแปดแสนร่างเข้าร่วม

  การกำจัดแมลงพวกนี้ จางหยูไม่คิดจะทำ

    ข้าอยากหลอมรวมกับร่างแยกเหล่านี้ !  จางหยูแทบอดใจรอไม่ไหว

  ระดับการบ่มเพาะของเขาตอนนี้นั้นเหนือกว่าจักรพรรดิทั่วไป เขาแทบอยู่เพดานของจักรพรรดิ หากเขารวมร่างกับร่างแยกเหล่านี้แล้ว เขาอาจจะทะลวงผ่านขีดจำกัดของจักรพรรดิและกลายเป็นจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลในคราวเดียวแทนที่จะต้องมีพลังแต่ในทะเลบรรพกาล

  มันแค่ว่าร่างแยกเหล่านี้มีจำนวนไม่ใช่น้อย การรวมร่างต้องใช้เวลา สิ่งที่เกิดขึ้นหลังจากที่รวมร่างแล้วนั้น จางหยูไม่แน่ใจ เพื่อจะกันไม่ให้เกิดปัญหาในการแข่งขัน เขาต้องเลื่อนเรื่องนี้ไปก่อน ทุกอย่างรอได้จนกว่าการแข่งขันจะจบลง

  ตอนนี้สิ่งที่สำคัญที่สุดคือให้ศิษย์และอาจารย์แข่งชิงก้อนแก่นมาได้และต้องยืนยันความปลอดภัยของพวกนี้

    ทะเลบรรพกาลขยายตัวขึ้นหลายเท่า สิทธิ์พลังสร้างนั้นสร้างจักรพรรดิได้อีก 5 คน  จางหยูรับรู้ได้การเปลี่ยนแปลงของสิทธิ์พลังสร้าง หากเทียบกับทะเลโกลาหลที่พัฒนามานาน ทะเลบรรพกาลยังต่างชั้นอยู่แต่ช่องว่างนี้ลดลงด้วยความเร็วที่น่าตกใจ

  แต่จำนวนศิษย์และอาจารย์นั้นมีมากเกินไป ที่ว่างจักรพรรดิ 5 คนจึงไม่เพียงพอ นี่ไม่ต้องพูดถึงที่ว่าที่ว่างนั้นที่หนึ่งตกเป็นของเรนไนไปแล้ว จึงทำให้ตอนนี้เหลือที่ว่างแค่ 4 ที่  4 ที่ สำหรับสำนักคังเฉียงแล้วไม่ต้องเดาเลยว่าน้อยนิดแค่ไหน

  ยิ่งไปกว่านั้น จางหยูก็รับปากกับจางลู่และร่างแยกอื่นๆแล้วว่าเมื่อการแข่งขันจบลง เขาจะให้อิสระกับพวกนี้ ตอนนั้น จางลู่และร่างแยกอื่นๆจะกลายเป็นคู่แข่งของศิษย์กับอาจารย์ในสำนักคังเฉียง

  ทันทีที่คิดถึงที่ว่างสำหรับจักรพรรดิ จางหยูก็อดไม่ได้ที่จะปวดหัวขึ้นมา ทะเลบรรพกาลเติบโตได้รวดเร็วและขยายตัวอย่างต่อเนื่อง มันเหมือนกับโกลาหลที่ขยายตัวออกแต่ความเร็วในการขยายตัวนี้น้อยกว่าอัตราการเติบโตของคนในสำนักคังเฉียง มันยากที่จะทำให้ทุกคนขึ้นเป็นจักรพรรดิได้ !

  แน่นอนว่าการขึ้นเป็นจักรพรรดินั้นยากอย่างมาก แม้ว่าจะเป็นแม่ทัพสูงสุดก็ยังมีอันตรายถึงชีวิต ศิษย์และอาจารย์ที่ผ่านการรับพลังไปได้จะมีกี่คนที่ตายไปในการรับพลังนี้ จางหยูก็ไม่อาจจะมั่นใจได้

  หากมีใครตายไปเพราะการรับพลัง จางหยูในฐานะจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลก็ไม่ใช่ว่าไม่อาจจะชุบชีวิตพวกนั้นได้ มันเป็นเรื่องใหญ่ในการพลิกผันเวลาและมิติเพื่อนำพวกนี้กลับมาจากอดีตสู่อนาคตแต่หลังจากที่ชุบชีวิตพวกนี้กลับมาได้ พวกนี้อาจจะเป็นแค่แม่ทัพสูงสุดเพราะช่องว่างนั้นต่างจากอดีตอย่างมาก ไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนแต่ก็ไม่อาจจะก้าวข้ามขอบเขตนี้ได้

  กฎบางกฎคือกฎพื้นฐานของทะเลบรรพกาล

  มันเพราะกฎเหล่านี้ที่ทำให้ทะเลบรรพกาลเติบโตได้อย่างมั่นคง

  เมื่อกฎเหล่านี้พังลง ทะเลบรรพกาลก็จะเสียความเป็นระบบตกอยู่ในความวุ่นวาย สุดท้ายอาจจะนำไปสู่การทำลายล้าง

  ในฐานะจ้าวแห่งทะเลบรรพกาลแล้ว จางหยูมีความสามารถในการทำลายกฎแต่ไม่มีใครรับผลจากการทำลายกฎได้

  จางหยูส่ายหน้าไม่คิดเรื่องนี้ต่อ ไม่ว่าพวกนั้นจะขึ้นเป็นจักรพรรดิได้รึไม่นั้น เขาก็ไม่อาจจะเข้าไปยุ่งได้

  สิ่งเดียวที่เขาทำได้คือช่วยชีวิตพวกนี้ เขาในฐานะเจ้าสำนักก็ถือว่าทำดีที่สุดแล้ว

    การแข่งขันเกือบเริ่มต้นแล้ว พวกเจ้าควรไปพักและปรับสภาพร่างกายตัวเอง เมื่อการแข่งขันจบลง ข้าจะให้อิสระกับพวกเจ้า  จางหยูมองไปที่จางลู่และร่างแยกอื่นๆ   สำหรับตำแหน่งจักรพรรดิแล้ว พวกเจ้าต้องแข่งขันกับศิษย์และอาจารย์คนอื่นๆอย่างยุติธรรมเมื่อถึงเวลา 

  เมื่อได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกัน   ขอบคุณร่างหลัก 

  หลังจากที่เป็นร่างแยกมานาน สุดท้ายพวกเขาก็จะได้อิสระมาแล้ว

  จางหยูโบกมือแล้วพูดขึ้น   แยกย้ายได้ 

  จางลู่และคนอื่นๆพากันหายไปจากสายตาของจางหยู

  จางหยูกวาดตามองไปยังบรรพกาลรอบตัว เขาชื่นชมร่างแยกทั้งแปดแสนร่างอีกรอบก่อนจะจากไปด้วยความพอใจ

  อีกวันต่อมา

  ซื่อเซียว, เย่าหยาง, หว่านเก่อ, อู่หมิงและเรนไนก็มาพบกับจางหยูอีกครั้ง

    เหลืออีกเดือน ก่อนการแข่งขันจะเริ่ม ทำไมพวกเจ้าถึงรีบมาเช่นนี้ ?  จางหยูมองไปที่พวกนั้นด้วยความแปลกใจ

  ซื่อเซียวพูดขึ้น   เหลืออีกเดือนก่อนการแข่งจะเริ่มแต่เราต้องเข้าไปในเขตต้นกำเนิดล่วงหน้า เราไม่อาจจะปล่อยให้พวกสวรรค์ไปที่นั่นก่อนได้ …เรื่องนี้คือเรื่องลูกปัดจิต เราต้องเตรียมการล่วงหน้า หากเรารอจนถึงวันแข่งขันแล้วค่อยเข้าไปเขตต้นกำเนิด งั้นเราอาจจะไม่ได้ลูกปัดจิตมา 

  จางหยูรู้ทันที เขาไม่เคยเข้าร่วมการแข่งขัน ดังนั้นเขาจึงไม่อาจจะเข้าใจในบางเรื่อง

    หากเป็นเช่นนั้น…งั้นก็ไปกันเถอะ  จางหยูพยักหน้า   หลังจากนี้ข้าจะเรียกศิษย์และอาจารย์รวมถึงร่างแยกทั้งสามของข้ามา เมื่อถึงเวลา ฝั่งสำนักคังเฉียงนั้นข้าจะสั่งการเอง พวกเจ้าเลอืกคนคอยดูสถานการณ์ทั้งหมดเพื่อรายงานสถานการณ์ แบบนี้เป็นยังไง ? 

  ซื่อเซียวพยักหน้า

    ในอดีตนั้นเรื่องนี้เรนไนเป็นคนรับผิดชอบ แต่เมื่อเรนไนขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้ว เขาก็ไม่อาจจะเข้าร่วมการแข่งขันได้อีก มันคงได้แต่เปลี่ยนคน  ซื่อเซียวพูดขึ้น   ตอนนี้ซิวฮัวและแรนดอฟคือคนที่เหมาะที่สุด ความแข็งแกร่งของพวกเขาเป็นรอง เรนไนแต่เหนือกว่าแม่ทัพทั้งหมดแต่จะเลือกใครนั้นก็ต้องฟังความเห็นทุกคน 

    แรนดอฟ  อู่หมิงพูดขึ้นมา   แม้ว่าแรนดอฟกับซิงฮัวจะแกร่งไม่เท่ากัน แต่แรนดอฟน่ะมีชื่อเสียงและน่าเชื่อถือกว่า 

  เย่าหยางพูดขึ้น   ข้าคิดว่าซิงฮัวเหมาะกว่า ซิงฮัวเป็นแม่ทัพผู้หญิง ความคิดละเอียดอ่อนกว่า บางทีอาจจะนำทุกคนหลีกเลี่ยงปัญหาได้ ยิ่งไปกว่านั้นชื่อเสียงของซิงฮัวก็ไม่ได้แย่กว่าแรนดอฟมากนัก นางเยือกเย็นทั้งต่อหน้าที่และการทำงาน มันผิดกันกับแรนดอฟที่ใจร้อน 

  ซิงฮัวมาจากเขตเย่าหยาง แรนดอฟมาจากเขตอู่หมิงจักรพรรดิทั้งสองต่างก็ออกตัวแทนคนของตัวเอง

  อู่หมิงคิ้วขมวด   ซิงฮัวเป็นผู้หญิง ข้ากลัวว่ามันยากที่จะทำให้คนเชื่อถือได้… 

    จักรพรรดิอู่หมิงดูถูกผู้หญิงรึ ?  หว่านเก่อพูดขึ้นมา   ข้าคิดว่าซิงฮัวนั้นเหมาะกว่า 

  เมื่อได้ยินแบบนั้น อู่หมิงก็เงียบไป

    เอาล่ะ งั้นก็เลือกซิงฮัว  อู่หมิงไม่คิดจะเถียงต่อ เขาไม่อยากมีเรื่องกับหว่านเก่อ

  เมื่อเห็นว่าทุกคนได้ข้อตกลง จางหยูก็พูดขึ้น   ฝั่งข้าจะใช้ร่างแยกจางลู่ พวกเจ้าให้ซิงฮัวติดต่อกับจางลู่ให้ไปพบกันที่หมู่บ้านเสี่ยวอัน 

    ได้   ซื่อเซียวและคนอื่นๆต่างก็พากันพยักหน้า  ผ่านไปสักพักทั้งห้าก็ได้แยกตัวออกไป จางหยูได้เรียกร่างแยกและคนของสำนักคังเฉียงมารวมตัวกัน

  หลังจากนั้นสักพักแม่ทัพสูงสุดกว่าสองพันคนก็ได้มารวมตัวกันที่สำนักคังเฉียงในโลกป่า

  จางหยูได้ประกาศเรื่องนี้กับทุกคนแล้วบอกกับจางลู่   หลังจากนี้เจ้าพาทุกคนไปที่หมู่บ้านเสี่ยวอันเพื่อเข้าร่วมกับแม่ทัพฝั่งมนุษย์ จะจัดแจงยังไงนั้นเจ้าปรึกษากับซิงฮัวได้เลย ข้าต้องการเพียงอย่างเดียว พวกเจ้าต้องชิงลูกปัดจิตทั้งหมดมาให้ได้ ห้ามตกหล่น เจ้ามั่นใจรึไม่ ? 

  ทุกคนพากันมองหน้ากันแล้วตอบกลับ   พวกเรามั่นใจ ! 

  แม่ทัพสูงสุดกว่าสองพันคนร่วมมือกัน หากพวกเขาไม่อาจจะทำภารกิจง่ายๆแบบนี้สำเร็จ งั้นพวกเขาที่เป็นแม่ทัพสูงสุดจะมีความหมายอะไร ?

  อย่าพูดถึงการแย่งชิงลูกปัดจิตเลย ถึงให้พวกเขาโจมตีทั้งทะเลโกลาหล งั้นตราบใดที่จักรพรรดิไม่ลงมือ งั้นพวกเขาก็มั่นใจว่าจะยึดทะเลโกลาหลมาได้

  พวกเขาถึงกับรู้สึกว่ากำลังรังแกอีกฝ่ายด้วยซ้ำ

  ไม่ว่าจะเป็นความแข็งแกร่งรายบุคคลรึจำนวน พวกเขาต่างก็ได้เปรียบอย่างมาก !

  แม่ทัพในทะเลโกลาหลมีเท่าไหร่กัน ?

  ฝั่งเผ่าสวรรค์ จางหยูอาจจะไม่แน่ใจแต่ฝั่งมนุษย์นั้นจางหยูได้เห็นมาแล้ว หากจำไม่ผิดแล้วก็น่าจะมี 39 คน นอกจาก เรนไน ที่ขึ้นเป็นจักรพรรดิแล้วมันก็เหลือแค่ 38 คนเท่านั้น

  จำนวนแม่ทัพของเผ่าสวรรค์มีสองเท่าของฝั่งมนุษย์

  แต่ฉิวหวังได้กลืนกินเขตของตัวเองไปแล้ว แม้แต่แม่ทัพก็ตายไปด้วย ดังนั้นจำนวนจึงลดลง เดาว่าอย่างมากคงไม่เกินร้อยคน

  จำนวนแม่ทัพทั้งหมดอย่างมากก็คงไม่เกิน 150 คน  แล้วสำนักคังเฉียงล่ะ ?

  มากกว่าสองพันคน !

  แต่ละคนต่างก็เป็นแม่ทัพสูงสุด !

  จำนวนแม่ทัพของทะเลโกลาหลเมื่อเทียบกับแม่ทัพของสำนักคังเฉียงแล้วต่างกันหลายเท่าตัว !

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท