ระบบเจ้าสำนัก – ตอนที่ 1999 : การป้องกันที่ไม่อาจจะทลายได้

ตอนที่ 1999 : การป้องกันที่ไม่อาจจะทลายได้

    ใช่ ข้าว่างและเบื่ออยู่พอดีเลยสร้างมันขึ้นมา มีปัญหาอะไรรึไม่ ?  จางหยูตอบกลับแบบกวนๆ

  ทันทีที่ได้ยินแบบนั้นทุกคนก็พากันอึ้ง

  พวกเขาเดาถูก !

  เกราะมากกว่า 2,000 ชิ้น !

  นี่มันบ้าชัดๆ !

  และที่สำคัญคือจักรพรรดิคังเฉียงมีเวลาและพลังมากแบบนั้นได้ยังไง !

  ต้องรู้ก่อนว่าด้วยความสามารถของซื่อเซียวกับคนอื่นๆแล้วแม้แต่ตอนที่ขึ้นเป็นจักรพรรดิ ถึงพวกเขาไม่ทำอะไรและสั่งสมพลังสมบัติตลอดทั้งวันทั้งคืนก็ไม่อาจจะสร้างสมบัติมากแบบนี้ได้

    แม้ว่าความแข็งแกร่งของเขาจะเหนือกว่าเรา แต่เขาก็ไม่น่าจะสร้างสมบัติขึ้นมาได้แบบนี้ไม่ใช่รึ ?  อู่หมิงมองไปที่ จางหยูด้วยสีหน้าซับซ้อน พวกเขาไม่เข้าใจว่าทำไมจางหยูถึงใช้เวลามากมายไปกับของที่ไร้ความหมายแบบนี้

  หากมีเวลามากแบบนั้นเอาเวลามาเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับตัวเองจะไม่ดีกว่ารึ ?

  คิดไม่ออกเลยว่าในหัวของจางหยูนั้นมีสมองรึไม่

  จางหยูเหมือนไม่เห็นสายตาของคนเหล่านี้ เขาโบกมือและพูดขึ้น   แค่เกราะสองพันชิ้นไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรเลย 

  เมื่อได้ยินที่จางหยูพูดมา ปากของซื่อเซียวก็พลันกระตุก แต่ก็ไม่อาจจะพูดอะไรออกมาได้อีก

  ช่างเถอะมันไม่ใช่เรื่องของพวกเขาอยู่แล้ว จางหยูคิดจะทำอะไรก็ได้ตามใจตัวเอง

  แต่เมื่อคิดว่าจางหยูได้สร้างเกราะขั้นสมบูรณ์ขึ้นมาจำนวนมาก ซื่อเซียวและคนอื่นๆก็อึ้งในใจ หากจางหยูใช้เวลาและพลังไปในทางที่ถูกต้องแล้ว มันก็ยากจะคิดได้ว่าเขาจะมีความแข็งแกร่งที่น่ากลัวขนาดไหนกัน

  บางทีแม้แต่จักรพรรดิกุยหลิงก็อาจจะเป็นคู่มือจางหยูไม่ได้

  เมื่อคิดแบบนั้นแม้แต่ซื่อเซียวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเศร้าและโกรธเขาอยากจะไปเป็นจางหยูแทน

  เขาไม่สงสัยเลยว่าหากเขามีพรสวรรค์และเงื่อนไขแบบเดียวกันกับจางหยู เขาต้องแกร่งกว่าจางหยูในตอนนี้แน่ !

  …ที่เขตต้นกำเนิด

  บลูมองไปที่ทีมคังเฉียงงด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ เขาจ้องไปที่หยวนเทียนจีแล้วพูดขึ้น   เจ้าทำได้ยังไงกัน ? 

  หยวนเทียนจีตอบกลับ   เจ้าลองเดาดูสิ 

  บลูโกรธจนแทบจะกระอักเลือดออกมา เด็กนี่ทำให้เขาโกรธจริงๆ

    เจ้าเป็นแค่สมาชิกทั่วไปของทีมคังเฉียง เหตุผลว่าทำไมเจ้าต้านการโจมตีของข้าไว้ได้แน่นอนว่าเพราะองค์ประกอบอื่น  บลูพึมพำออกมา   เกราะโกลาหลรึ ?ไม่ เกราะโกลาหลทั่วไปไม่อาจจะต้านการโจมตีของข้าได้ แม้แต่เกราะขั้นสูงก็ไม่อาจจะทำได้ ! 

  มีแค่เกราะขั้นสมบูรณ์เท่านั้นที่ต้านการโจมตีของเขาไว้ได้ ส่วนที่สำคัญคือ…คนของทีมคังเฉียงนั้นต้องมีความแข็งแกร่งอย่างน้อยคือแม่ทัพขั้นสูง

  มีแค่แม่ทัพขั้นสูงที่พอดึงพลังของเกราะขั้นสมบูรณ์ออกมาได้มากที่สุดแต่สมาชิกทั่วไปจะเป็นแม่ทัพขั้นสูงได้ยังไง ?

  บลูสับสนขึ้นมาทันที สายตาของเขาสะท้อนความสงสัยออกมา เขาไม่อาจจะเข้าใจคนของทีมคังเฉียงได้เลย

  ในเวลาเดียวกันซิงฮัวเองก็สับสนเช่นกัน   พวกเขามีเกราะขั้นสมบูรณ์อยู่กับตัวจริงๆรึ ? 

  หากมีแค่ไม่กี่คนที่มีเกราะขั้นสมบูรณ์ ซิงฮัวก็พอรับได้แต่ทุกคนในทีมกลับมีมัน มันดูเกินจริงไปหน่อย    ดูเหมือนว่าแม่ทัพสูงสุดจะไม่ได้โง่  หยวนเทียนจียิ้มออกมา   เจ้าเดาออกเร็วนี่ ว่าเรามีเกราะขั้นสมบูรณ์ 

  เขามองไปที่บลูด้วยสายตาชื่นชมแต่สายตานี้กลับทำให้บลูรู้สึกว่าโดนดูถูก

    ดูเหมือนว่าข้าจะประเมินเจ้าต่ำเกินไป  บลูสีหน้าบิดเบี้ยวไป เขารู้สึกว่าความแข็งแกร่งของพวกนี้แกร่งกว่าที่เขาคิดไว้มาก พวกนี้ขึ้นมาเป็นแม่ทัพขั้นสูงแล้ว แม้ว่าจะน่าเหลือเชื่อแต่สัญชาตญาณก็บอกเขาว่าคนพวกนี้ต่างก็เป็นแม่ทัพขั้นสูงกันทั้งหมด !

  แม่ทัพขั้นสูงกว่า 300 คน !

  ดูเหมือนว่าทุกคนจะมีเกราะขั้นสมบูรณ์อยู่กับตัวด้วย !

  กองกำลังที่น่ากลัวแบบนี้แม้ว่าเขาจะเป็นแม่ทัพสูงสุดก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น !

    นี่คือความมั่นใจของพวกเขารึ ?  บลูคิดว่าเขามองความแข็งแกร่งของพวกนี้ออก   แม่ทัพขั้นสูงกว่า 300 คน แต่ละคนมีเกราะขั้นสมบูรณ์อยู่กับตัว หากสู้กันจริงๆข้าอาจจะหนีไม่ได้…มันยากที่จะหนีจากวงล้อมพวกนี้ได้ 

  แต่บลูก็ไม่ได้ลนลานแม้แต่น้อย หากเรื่องมันมาถึงจุดนี้ เขาก็ยังมีทางเลือกสุดท้าย เขาแค่ต้องหนีไปยังมิติภายนอก

  หยวนเทียนจีไม่ได้พูดอะไรออกมาราวกับคิดกับคำพูดของบลูอยู่

  บลูสูดหายใจเข้าลึกๆและหรี่ตาลง  มันจริงที่ว่าข้าไม่อาจจะเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเจ้าได้แต่…พวกเจ้าไม่กลัวว่าข้าจะโยนพวกเจ้าไปยังมิติภายนอกรึ ? 

  แม่ทัพสูงสุดมีความสามารถในการหนีออกจากทะเลโกลาหลได้ ในเขตต้นกำเนิดก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น

    เจ้าจะลองดูก็ได้  หยวนเทียนจียิ้มออกมา

  คนที่เหลือพากันยิ้มออกมา หนีพวกเขาไปยังมิติภายนอกรึ ? แต่ใครจะโยนใครออกไปกันแน่ !   แต่ลูกปัดจิตนั้นน่าจะอยู่กับบลูแม้ว่าพวกเขาจมะมีความสามารถโยนบลูออกไปยังมิติภายนอกแต่พวกเขาก็ไม่คิดจะทำแบบนั้น

    ท่านจางลู่ระวังตัวด้วย  ซิงฮัวเตือนขึ้นมา   มิติภายนอกของเขตต้นกำเนิดใหญ่กว่ามิติภายนอกของเขตต่างๆ เมื่ออยู่ในมิติภายนอกของเขตต้นกำเนิด แม้ว่าจักรพรรดิคังเฉียงคิดจะค้นหาท่านแต่ก็อาจจะไม่สำเร็จ 

  มิติภายนอกของเขตต้นกำเนิดนั้นใหญ่อย่างมาก มันไม่อาจจะฟื้นฟูพลังได้ แม้แต่แม่ทัพขั้นสูงก็ทนได้ไม่นาน

  หากโชคร้ายมาช่วยไม่ทัน พวกเขาอาจจะอยู่ด้านในไปตลอดกาล

  นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมบลูถึงเลือกที่จะไม่หนีเข้าไปในมิติภายนอกทันที !

  เขาอิจฉาคนของทีมคังเฉียง เขาถึงกับรู้สึกว่าไม่อาจจะหนีได้แต่เขาก็ต้องลอง การหนีไปยังมิติภายนอกเป็นทางเลือกสุดท้ายของเขา    ข้าไม่เชื่อว่าด้วยเกราะขั้นสมบูรณ์นี้พวกเจ้าจะต้านทานข้าได้ !  บลูกัดฟันแน่น เขาพลิกฝ่ามือพร้อมกับมีดยาวที่มีไฟสีดำลุกไหม้ปรากฏขึ้นมาในมือ ตัวมีดนั้นลุกไหม้ด้วยไฟสีดำราวกับไฟนรก ปลายมีดนั้นกลืนไฟที่ปะทุออกมา มันสั่นไหวอย่างต่อเนื่องและแผ่พลังอันน่าตกใจออกมาจนทำให้ผู้คนรู้สึกอันตรายอย่างมาก

  มีดนี่ทำให้ทุกคนรู้สึกหนาวไปถึงขั้วกระดูก มันอันตรายอย่างมาก

  หากพวกเขาสู้เพียงลำพัง งั้นพวกเขาก็ไม่มั่นใจว่าจะเอาชนะบลูได้ บางทีการป้องกันของพวกเขาอาจจะไม่ได้อ่อนแอไปกว่าบลู แต่การโจมตีนั้นเพราะความต่างด้านสมบัติแล้วแน่นอนว่าพวกเขาด้อยกว่าบลู

  เวลาของจางหยูนั้นจำกัด มันถือว่าดีแล้วที่เขาสร้างเกราะให้กับพวกนี้ทุกคน

  บลูไม่มัวไร้สาระ มีดนรกของเขาได้ฟันปราณออกไป ผิวของดาบปราณนั้นมีไฟลุกไหม้ มิติแตกร้าว ดาบปราณที่ไม่ได้ดูน่ากลัวแต่กลับมีพลังที่อันตรายอย่างมาก

  ตูม !

  ในพริบตาดาบปราณก็ฟันเข้าใส่ทีมคังเฉียง มันคือกลุ่มของฝานกู่ที่โดนโจมตี

  ตอนที่ดาบปราณสลายไป เมื่อเห็นว่าฝานกู่และคนอื่นๆไม่เป็นอะไร บลูก็ใจหล่นวูบ

  ต้องรู้ก่อนว่าการโจมตีตะกี้เขาใช้พลังออกมาแทบทั้งหมด พลังมันเหนือกว่าแม่ทัพขั้นสูงจะรับไหวแต่ฝานกู่กับคนอื่นๆไม่ได้ขยับตัวและพึ่งเกราะโกลาหลและการป้องกันของตัวเองรับมือการโจมตีของเขาเอาไว้ได้โดยที่ไม่เป็นอะไรแม้แต่น้อย

  การป้องกันแบบนี้มันน่าเหลือเชื่อ !

    ไร้ประโยชน์  ฝานกู่พูดขึ้นมา  พลังของเจ้าน้อยเกินไปที่จะทำร้ายเราได้ 

  หากเป้าหมายของบลูเป็นแค่คนเดียว เขาอาจจะทลายการป้องกันของพวกเขาได้และทำให้พวกเขาบาดเจ็บเล็กน้อยแต่บลูโจมตีออกมาเป็นบริเวณกว้าง พลังจึงกระจายไปตามแต่ละส่วน มันจึงไม่อาจจะทำลายการป้องกันของพวกเขาได้ บลู มองไปที่มีดในมือและรู้สึกตะลึง หน้าเขาเริ่มซีดขึ้นมา

  เขาไม่อาจจะเชื่อได้ เขาจับมีดแน่นแล้วฟันออกไปอย่างต่อเนื่อง ดาบปราณเหล่านั้นราวกับใบมีดลมที่รุนแรงกว่าเป็นล้านล้านเท่าพุ่งตัดผ่านมิติเข้าใส่คนของทีมคังเฉียง

  ตูม ตูม…

  ในจุดที่ทีมคังเฉียงอยู่นั้นมีการระเบิดอันรุนแรงขึ้นมา มิติโดยรอบสั่นไหวอย่างรุนแรงราวกับจะพังลงตอนไหนก็ได้

    ระวัง !  ซิงฮัวตะโกนออกมา   เขาคิดจะผลักพวกท่านไปยังมิติภายนอก ! 

  ในตอนที่ซิงฮัวตะโกนออกมานั้น ทีมคังเฉียงก็เหมือนจะรู้เป้าหมายของบลูเป็นอย่างดี ร่างของพวกเขาสั่นไหวและไม่สนใจคลื่นพลังรอบตัวและหนีไปยังที่ปลอดภัย

  สายตาของบลูแน่นิ่งไป เขาเหมือนจะเข้าใจแล้วว่าทำไมคนของทีมคังเฉียงถึงได้รวดเร็วแบบนี้และทำไมถึงหนีออกจากการโจมตีไปยังที่ปลอดภัยได้ง่ายๆ

    เฮ้อ  เมื่อเห็นท่าทีสับสนของบลู จางลู่ก็เผยสีหน้าเศร้าและสงสารออกมา   ช่างเถอะ เรารีบจัดการเขาดีกว่า เลิกทรมานเขาได้แล้ว 

 

ระบบเจ้าสำนัก

ระบบเจ้าสำนัก

จางหยู ชายหนุ่มจากมนุษย์โลก ได้บังเอิญทะลุมิติมายังทวีปป่า  ดินแดนแห่งการบ่มเพาะที่เกรียงไกร
มิหนำซ้ำยังได้เป็นเจ้าสำนักที่ใกล้จะเจ๊งอยู่รอมร่อ
      ทั้งสำนักมีเพียงสุนัขหนึ่งตัว ดังนั้นเขาต้องพึ่งวิธีหลอกลวงเพื่อรับสมัครลูกศิษย์
หลังจากลำบากลำบนกับการรับสมัครลูกศิษย์คนแรก จางหยูก็ได้รับความสามารถมองทะลุจาก “ระบบเจ้าสำนัก”
     เมื่อเปิดใช้ความสามารถมองทะลุ จางหยูก็สามารถมองเห็นคุณสมบัติของคนอื่นได้ ไม่ว่าจะเป็นเพศ อายุ พรสวรรค์ หรือแม้แต่การบ่มเพาะ
ด้วยความสามารถนี้ จางหยูจึงมองเห็นข้อผิดพลาดในทักษะและเคล็ดวิชาต่างๆ ทำให้เขาสามารถแก้ไขทักษะและเคล็ดวิชาเหล่านั้นให้สมบูรณ์แบบได้
    ด้วยความสามารถมองทะลุ จางหยูจึงมองเห็นข้อบกพร่องของทักษะและเคล็ดวิชาที่ศัตรูฝึกฝน รวมไปถึงจุดอ่อนของศัตรู
ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา โชคชะตาของจางหยูก็มาถึงจุดเปลี่ยน…

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท