แผนรักสยบใจบอสสาวตัวร้าย – ตอนที่ 636 คนคุ้นเคยกับหมอเถื่อน
“ไม่เป็นอะไรหรอก พวกเราเอาใจใส่เขาแบบนี้ ไม่มีทางเป็นอะไรหรอก” ผู้ชายคนนั้นปลอบผู้หญิงที่แสร้งทำเป็นห่วงใยคนนั้น
เสี่ยวเชี่ยนได้ยินเสียง หึ ของอาจารย์ที่อยู่ข้างๆอย่างชัดเจน
เสียงนี้ได้แสดงออกถึงความไม่พอใจและไม่แคร์ที่อยู่ในใจของคนมีการศึกษา เสี่ยวเชี่ยนถึงขนาดจินตนาการไปว่าอาจารย์จะต้องแอบยกนิ้วกลางอยู่ในใจแน่ๆ
หญิงสูงวัยคนนี้บางครั้งก็น่ารักจริงๆ
“สวัสดีค่ะไม่ทราบว่าเด็กคนนั้นพ้นขีดอันตรายหรือยังคะ?” ศาสตราจารย์หลิวเดินเข้าไปถามพวกเขา
“พวกคุณคือ—?”
“ฉันเป็นอาจารย์คณะจิตวิทยาของมหาวิทยาลัยBDค่ะ ฉันชื่อหลิวหลินหลิน นี่คือจิตแพทย์เฉินเสี่ยวเชี่ยน เป็นนักเรียนของฉันเองค่ะ”
หลังจากที่เสี่ยวเชี่ยนได้รับใบอนุญาตแล้ว คำว่าจิตแพทย์ก็พูดได้ชัดเจนขึ้น พอได้ยินอาจารย์แนะนำเธอแบบนี้ เสี่ยวเชี่ยนก็เดาได้ว่าอาจารย์อาจอยากให้เธอเป็นคนรักษาเวยเวย
“ผมรู้จักพวกคุณเหรอครับ?” พ่อเย่ถามด้วยความสงสัย
“ฉันเป็นคนโทรหาคุณเองค่ะ ฉันเป็นนักจัดรายการวิทยุ เวยเวยโทรหาฉัน ตอนนี้พวกเราเป็นห่วงอาการของเธอมาก” เสี่ยวเชี่ยนพูด
“อย่างนั้นเองเหรอครับ ตอนนี้เวยเวยกำลังถูกช่วยชีวิตอยู่ พวกเรา—” พ่อเย่ยังไม่ทันจะพูดจบผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆก็แย่งพูดขึ้นมาก่อน
“พวกคุณอย่าคิดจะใช้ลูกสาวฉันเพิ่มเรทติ้งนะ! มาสัมภาษณ์พวกเราก็ต้องให้เงิน! อย่าคิดจะมาหลอกพวกเราได้ ลูกสาวฉันก็ทำงานที่สถานีวิทยุเหมือนกัน!”
ศาสตราจารย์หลิวฟังแล้วอยากหัวเราะให้น้ำตาไหล
“ฉันว่าคุณเข้าใจผิดแล้วค่ะ พวกเราไม่ได้จะมาสัมภาษณ์พวกคุณ ฉันกับนักเรียนของฉันเป็นจิตแพทย์ จากการวินิจฉัยเบื้องต้นของพวกเรา เวยเวยอาจเป็นโรคซึมเศร้า พวกเราเลยอยากมาดูเด็กคนนี้ว่ามีอะไรพอที่เราจะช่วยได้บ้าง ถึงไปหาหมอประสาทก็ช่วยได้ แต่เด็กคนนี้มีความรู้สึกดีๆให้ลูกศิษย์ฉัน ไม่แน่อาจจะช่วยเข้าถึงจิตใจข้างในของเธอได้นะคะ”
การรับรู้เรื่องโรคซึมเศร้าในยุคสมัยนี้มีไม่ค่อยมาก เมื่อปีที่แล้วมีดาราชื่อดังกระโดดตึกตายผู้คนถึงได้รับรู้ว่าที่แท้ก็มีโรคแบบนี้อยู่ด้วยที่ทำให้คนคิดสั้น แต่คนส่วนใหญ่จะคิดว่าโรคซึมเศร้าเป็นเรื่องไกลตัว
หรืออาจมีคนมากกว่านั้นรู้จักโรคซึมเศร้าแต่กลับไม่เข้าใจ คิดว่าก็แค่เข้มแข็งให้มากขึ้นหน่อย ปลงๆบ้างก็จะไม่คิดสั้นแล้ว ซึ่งเป็นเรื่องเข้าใจผิด
พอได้ยินศาสตราจารย์หลิวพูดชื่อโรคออกมา ชายวัยกลางคนก็อึ้ง
ผู้หญิงที่อยู่ข้างๆปฏิกิริยาไวกว่า ทำสีหน้ายโสพูดจาน้ำเสียงประชดประชัน
“อ้อ ก็ว่าเรื่องอะไร ที่แท้ก็ได้กลิ่นเงินเลยมานี่เอง ไปๆๆ พวกเราไม่รักษาหรอก ต่อให้รักษาก็ไม่ไปหาพวกเธอหรอก!” จากนั้นก็หันไปพูดกับผู้ชายของตัวเอง “นี่แหละพวกหมอเถื่อนก็เหมือนกับพวกขายตรง มาหลอกขายของถึงที่ อาจงอาจารย์อะไรกัน พวกสอนขายตรงเขาก็เรียกอาจารย์เหมือนกัน!”
โวะ! ศาสตราจารย์หลิวอยากจะบ้าตาย
เธอเป็นหมอมาตั้งหลายปี เรื่องแบบนี้ในประเทศยังขาดข้อมูลอีกมาก ปกติมีแต่คนอื่นต้องใช้เส้นสายในการเข้ามาหาเธอ ไปที่ไหนก็มีแต่คนให้เกียรติเรียกศาสตราจารย์หลิว นี่เป็นครั้งแรกที่ถูกคนเรียกว่าหมอเถื่อน อีกทั้งยังถูกเอาไปเปรียบเทียบกับพวกขายตรงด้วย
สำหรับศาสตราจารย์หลิวแล้วนี่ถือเป็นการดูถูกอย่างมาก
“คุณเข้าใจพวกเราผิดแล้วค่ะ พวกเราไม่คิดเงิน แค่อยากมาดูเด็กคนนี้ค่ะ” ศาสตราจารย์หลิวลองอธิบาย
ผู้หญิงคนนี้ทำสีหน้าเหมือนเข้าใจทุกอย่าง แล้วมองเสี่ยวเชี่ยนกับศาสตราจารย์หลิวอย่างดูถูก
“รักษาฟรี แต่พวกเธอก็จะสั่งยาให้ใช่ไหมล่ะ? ค่ายาคงไม่ฟรีใช่ไหมล่ะ? ก็คิดอยากได้เงินนั่นแหละ! อยากได้เงินจนเป็นบ้า วิธีแบบนี้พวกขายตรงใช้มาหมดแล้ว พวกเธอเชยมาก!”
ไฟโกรธสุมอยู่ในอกศาสตราจารย์หลิว ต่อให้เป็นคนความอดทนสูงก็คงได้ใช้หมดในวันนี้
“โรคซึมเศร้าต้องกินยา แต่พวกเราไม่ได้เป็นคนจ่ายยา ต่องให้แผนกประสาทเป็นคนสั่งจ่าย เงินก็ไม่ได้มาถึงมือพวกเรา!”
เจอญาติคนไข้แบบนี้ไร้ซึ่งเหตุผลสิ้นดี
“ลูกไม้ตื้นๆ พวกเธอมันก็พวกเดียวกันหมดแหละ พวกเราซื้อยาพวกเธอก็จะได้ค่าคอมมิชชั่น! ฉันจะบอกให้นะ ฉันทำงานขายเครื่องมือแพทย์ เรื่องในโรงพยาบาลพวกเรารู้ดี!”
“ถ้าเป็นโรคซึมเศร้าระดับกลางล่ะก็ ค่ายาวันนึงสิบกว่าหยวน พวกเราจะได้กำไรตรงไหนมิทราบคะ!” ศาสตราจารย์หลิวเริ่มคุมอารมณ์ไม่อยู่
“หึหึ งั้นก็คงจะให้พวกเราตรวจร่างกายทุกส่วนตั้งแต่หัวจรดเท้า รวมๆก็คงหลายพัน ฉันจะบอกให้นะอย่าคิดว่าจะหลอกเอาเงินคนอย่างฉันได้แม้แต่แดงเดียว!”
พอเห็นศาสตราจารย์หลิวโมโหเสี่ยวเชี่ยนก็ดึงแขนอาจารย์เป็นการเตือนว่าอย่าโกรธเลย
“พอเราขอแค่ได้ดูเด็กคนนี้ได้ไหมคะ? ฉันคือเหม่ยเหวย เด็กคนนี้เป็นแฟนรายการของฉัน”
“เธอคิดจะเอาเรื่องของเสี่ยวเวยเวยไปพูดในรายการใช่หรือเปล่า? ฉันจะบอกให้นะ ละครตื้นๆของพวกเธอตบตาคนอย่างฉันไม่ได้หรอก คิดจะหลอกใช้เสี่ยวเวยเวยงั้นเหรอ? เอาเงินมาสิ สถานีวิทยุมีแต่คนมีเงินไม่ใช่เหรอ? ลูกสาวฉันก็ทำงานอยู่ที่นั่น เรื่องแบบนี้ฉันรู้หมด!”
ศาสตราจารย์หลิวสังเกตผู้หญิงคนนี้แต่งตัวสวมแต่ของแบรนด์เนม ดูท่าจะมีหน้ามีตาพอสมควร แต่ทำไมแค่อ้าปากก็เอาแต่พูดเรื่องเงิน?
พอได้ยินเธอบอกว่าเป็นเซลล์ขายเครื่องมือแพทย์ก็พอจะเข้าใจแล้วว่านิสัยเห็นแก่เงินนี่มาจากไหน
ถ้าไม่ติดว่ารอคนไข้ที่อยู่ข้างในอยากจะตบสักทีสองที ในสายตาคนๆนี้ชีวิตคนไม่มีค่าเลยหรือไง?
ในเวลาสำคัญต้องเสี่ยวเชี่ยนเท่านั้นที่เอาอยู่ เธอขยิบตาให้ศาสตราจารย์หลิว “อาจารย์คะ อาจารย์รู้จักผู้อำนวยการหวางของโรงพยาบาลประสาทสือหลงซานใช่ไหมคะ ช่วงนี้เขากำลังจะซื้ออุปกรณ์การแพทย์ใช่หรือเปล่าคะ? ถ้าอย่างนั้นถ้าคุณให้พวกเราไปดูเวยเวยเราจะแนะนำให้คุณรู้จักเขาดีไหมคะ? เดี๋ยวฉันให้ดูบัตรทำงานของฉัน ฉันไม่ได้มาหลอกคุณ”
ศาสตราจารย์หลิวอึ้ง เหล่าหวางจะซื้ออุปกรณ์การแพทย์เมื่อไรกัน?
เสี่ยวเชี่ยนดึงแขนเสื้ออาจารย์ ศาสตราจารย์หลิวรีบพยักหน้า “ใช่ เป็นแบบนั้นจริงๆ”
ฟังถึงตรงนี้ ผู้หญิงคนนั้นก็รีบเปลี่ยนสีหน้า แล้วล้วงกล่องนามบัตรออกมา
“ดูซิเรื่องวุ่นวายไปใหญ่ ฉันน่ะก็แค่ร้อนใจเรื่องรักษาลูกน่ะค่ะ นี่เป็นนามบัตรของฉัน ฉันชื่อหลุ่ยจือ ฉันเป็นตัวแทนเขตใหญ่ของแบรนด์เคนส์นี่อุปกรณ์การแพทย์ชั้นนำระดับนานาชาติ ฉันไปหาผู้อำนวยการหวางหลายครั้งแล้วแต่เขาไม่ยอมพบฉันเลย ไม่ทราบว่าพวกคุณสนิทกับเขาเหรอคะ?”
คนเป็นเซลล์เวลาเจอคนที่มีประโยชน์ด้วยพูดจาคนละเรื่องเลยนะ
“สนิทสิคะ ทำไมจะไม่สนิท? ก่อนหน้านี้ผู้อำนวยการหวางยังไปคุยเรื่องงานที่บ้านอาจารย์ฉันเลยค่ะ แย่งซี่โครงฉันกินด้วย เขานิสัยไม่ค่อยดีใช่ไหมคะ เสียงดัง มีไฝตรงนี้ด้วย?” เสี่ยวเชี่ยนชี้ไปที่มุมปาก
หลุ่ยจือยิ้มหน้าบานคล้ายกับว่าออเดอร์ใหญ่กำลังจะลอยมา
“นี่มันเวลาไหนแล้วยังจะมาคุยกันเรื่องนี้อีก!” พ่อเย่ขัดจังหวะอย่างหมดความอดทน ตอนนี้เวยเวยยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน ท่าทางของคนพวกนี้ทำให้เขาไม่พอใจ
เสี่ยวเชี่ยนลากหลุ่ยจือออกมา แล้วขยิบตาให้ศาสตราจารย์หลิว ศาสตราจารย์หลิวจึงเริ่มให้ความรู้เรื่องโรคซึมเศร้ากับพ่อเย่ พอเธอพูดถึงอาการพ่อเย่ก็พยักหน้าติดๆกัน ใช่ ช่วงนี้เด็กคนนี้มีอาการแบบนี้นี่แหละ
เสี่ยวเชี่ยนค่อยๆถ่วงเวลาคุยกับผู้หญิงคนนี้ ทำคุยเฉไฉไปเรื่องอื่นไม่ยอมรับปากว่าจะช่วยเธอเมื่อไร
เซลล์นักขายมืออาชีพมาเจอกับเสี่ยวเชี่ยนจอมปั่นหัว จิตแพทย์หากอยากจะพูดจาชวนคุยออกนอกแม่น้ำนั้นง่ายนิดเดียว ต่อให้เป็นถึงเซลล์ที่ขายเก่งๆก็ยังต้องแพ้
ขณะที่พ่อเย่กำลังคุยเรื่องอาการของลูกสาวกับศาสตราจารย์หลิวอยู่นั้นก็มีคนวิ่งมาจากทางระเบียงทางเดิน
ผมปล่อยสยาย ท่าทางรีบร้อน
“แม่! น้องเป็นไงบ้างคะ?”
เสี่ยวเชี่ยนแค่เห็นก็จำได้ทันที