The king of War – บทที่ 2014 เขากำลังจะระเบิดร่างตัวเอง

บทที่ 2014 เขากำลังจะระเบิดร่างตัวเอง

The king of War บทที่ 2014 เขากำลังจะระเบิดร่างตัวเอง
เห็นเพียงเหนือนภายอดเมฆามีรอยร้าวรูปวงรีสีดำที่กำลังหมุนไปมาปรากฏ ราวกับทางเข้าที่มุ่งไปสู่โลกอันแปลกประหลาดอีกใบยังไงอย่างนั้น

ชี่ทิพย์ที่เข้มข้นไหลทะลักออกมาจากรอยร้าวนั่น

รอยร้าวดังกล่าวแตกต่างจากรอยร้าวเหนือนภาสำนักมารบนภูเขามาร รอยร้าวดังกล่าวกำลังขยายอย่างต่อเนื่อง ยิ่งอยู่ยิ่งใหญ่ขึ้น

จำนวนผู้คนที่นับไม่ถ้วนในเยี่ยนตู ต่างมองเห็นรอยร้าวที่ปรากฏเหนือนภายอดเมฆาแล้ว ต่างกำลังแหงนหน้าขึ้นไปมองรอยร้าวดังกล่าวด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความช็อก

“นั่นมันอะไรกัน?”

“ทิศทางนั้น เหมือนจะเป็นตำแหน่งของยอดเมฆานะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? เหตุใดถึงมีปรากฏการณ์แปลกประหลาดเช่นนี้ปรากฏ?”

“เหตุใดข้าถึงรู้สึกว่า ชี่ทิพย์ยิ่งอยู่ยิ่งเข้มข้นขึ้นแล้ว?”

……

ไม่มีผู้ใดทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นบนยอดเมฆา คนธรรมดาทั่วไปไม่รู้จักแม้กระทั่งชี่ทิพย์ จึงยิ่งไม่ต้องพูดถึงการจะสัมผัสชี่ทิพย์ที่กำลังเข้มข้นขึ้นอย่างต่อเนื่องได้เลย

มีเพียงนักบูโดเท่านั้นถึงจะทราบว่าปริมาณชี่ทิพย์ในห้วงอากาศ กำลังเพิ่มขึ้นด้วยระดับความเร็วที่น่าสยดสยองมาก ๆ

สีหน้าของพวกเจียงเผิงต่างขาวซีดลงไปหมด การปรากฏของรอยร้าวดังกล่าว แสดงให้เห็นว่าม่านพลังระหว่างโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณเพิ่มขึ้นอีกม่านพลังหนึ่งแล้ว และสิ่งที่ทำให้พวกเขารู้สึกหวาดผวาคือรอยร้าวดังกล่าวกำลังขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง

หากขยายใหญ่ตามระดับความเร็วนี้ต่อไปแล้วก็ เกรงว่าใช้เวลาไม่นาน ม่านพลังก็จะแตกสลายโดยสิ้นเชิง ตั้งแต่นี้เป็นต้นไป โลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณก็จะรวมกันเป็นหนึ่ง

และนี่จะเป็นดั่งหายนะสำหรับนักบูโดในโลกบู๊โบราณล่าง

โลกมนุษย์อยู่ห่างไกลจากโลกบู๊โบราณทั้งสามโลกรวมกันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว หลังจากชี่ทิพย์ในโลกบู๊โบราณล่างผสมเข้ามาในโลกมนุษย์แล้ว ชี่ทิพย์ในโลกบู๊โบราณล่างจะเจือจางลงอย่างมาก

เช่นนั้นตั้งแต่บัดนี้เป็นต้นไป ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของนักบูโดในโลกบู๊โบราณก็จะลดฮวบ

ในทางตรงกันข้าม ความเร็วในการบำเพ็ญเพียรของนักบูโดในโลกมนุษย์ก็จะพุ่งพรวด

ถึงครานั้น เหล่ากองกำลังในโลกบู๊โบราณล่างไม่มีทางปล่อยพวกเขาไปอย่างแน่นอน

เมื่อนึกถึงจุดนี้ สีหน้าของเจียงเผิงก็ขาวซีดมากยิ่งขึ้น เขารู้อยู่ว่าตัวเองเจอปัญหาใหญ่แล้ว

สีหน้าของไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านก็ขาวซีดเช่นกัน

ไป๋หลี่เย่รีบกล่าวตำหนิติเตียน: “เจียงเผิง ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นความผิดของเจ้า ตระกูลเจียงของพวกเจ้าต้องรับผิดชอบต่อเรื่องทั้งหมดนี้!”

เจียงเผิงไม่ได้สนใจไป๋หลี่เย่ เนื่องจากนี่เป็นสถานการณ์ที่เกิดจากการบีบบังคับของเขาจริง ๆ

คอยตระกูลทั้งหลายในโลกบู๊โบราณล่างตัดสินคดีเมื่อใด เขาต้องแบกรับความรับผิดชอบต่อความผิดที่ตนกระทำหนักมาก ๆ ยิ่งกว่านั้นคือเขาอาจถูกลงโทษประหารชีวิตด้วย

เมื่อคิดเช่นนี้ได้ เจียงเผิงก็หุนหันพลันแล่นโกรธเกรี้ยวขึ้นมา ดวงตาทั้งสองข้างจ้องเขม็งไปทางหยางเฉิน กัดฟันแน่นพลางพูด: “ไอ้ชาติชั่ว! เจ้าถึงกับกล้าทำลายม่านพลังระหว่างโลกมนุษย์และโลกบู๊โบราณล่างอย่างนั้นหรือ ข้าจะทำให้เจ้าชดใช้การกระทำของตนอย่างสาสม!”

พอสิ้นเสียง จู่ ๆ ผิวพรรณของเจียงเผิงก็แดงเถือกขึ้นมาด้วยระดับความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยเนื้อตาเปล่า ออร่าบู๊ที่ทำให้คนหายใจไม่ออกปะทุออกมาจากตัวเขา

เมื่อเจียงจ้านเห็นเช่นนี้ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปในทันที ก่อนที่เขาจะรีบพูด: “ผู้อาวุโสสี่ อย่านะขอรับ!”

แต่ทว่าเจียงเผิงไม่สนใจเจียงจ้านเลยด้วยซ้ำ ลมปราณที่อยู่บนร่างกายพุ่งสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไป๋หลี่เย่พูดอย่างตะลึงงันในทันที: “วิชาลับเชียนเสวียน! เขาใช้วิชาลับเชียนเสวียนเป็นด้วยอย่างนั้นหรือ!”

เจียงจ้านพูดด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยความตึงเครียด: “ในตระกูลเจียง นอกเหนือจากผู้นำตระกูลเจียงแล้ว มีเพียงผู้ที่เคยสร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ให้แก่ตระกูลเจียงเท่านั้น ถึงจะมีสิทธิ์บําเพ็ญวิชาลับเชียนเสวียน นึกไม่ถึงเลยว่าผู้อาวุโสสี่ก็บําเพ็ญวิชาลับเชียนเสวียนด้วยอย่างนั้นหรือ”

ไป๋หลี่เย่พูดด้วยสีหน้าท่าทางที่เคร่งขรึม: “ข้าได้ยินมาว่าวิชาลับเชียนเสวียน ถูกตระกูลเจียงจัดว่าเป็นวิชาต้องห้ามในตระกูล เนื่องจากทันทีที่ใช้วิชาลับดังกล่าว คอยวิชาลับหมดประโยชน์เมื่อใด เมื่อนั้นก็จะเป็นเวลาสูญสิ้นของผู้ใช้วิชา! และสาเหตุที่มีเพียงผู้นำตระกูลและผู้สร้างคุณูปการให้แก่ตระกูลเท่านั้นถึงจะมีสิทธิ์บำเพ็ญวิชาดังกล่าว นั่นก็เป็นเพราะเนื่องจากคนเหล่านั้นล้วนสามารถทุ่มเทชีวิตของตนเพื่อตระกูลเจียง”

เจียงจ้านพยักหน้าด้วยดวงตาที่แดงเถือกพลางตอบกลับ: “เจ้าพูดถูก การบำเพ็ญวิชาลับเชียนเสวียนเป็นเกียรติอย่างหนึ่งในตระกูลเจียง ในขณะเดียวกันมันก็เป็นภาระหน้าที่เช่นกัน ผู้อาวุโสสี่รู้ดีอยู่ว่าเป็นเพราะตน ถึงส่งผลให้ม่านพลังแตกสลาย เหล่ากองกำลังชั้นยอดในโลกบู๊โบราณล่างไม่มีทางปล่อยตระกูลเจียงไปอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นผู้อาวุโสสี่จึงตัดสินใจใช้ชีวิตของตัวเองมาจัดการหยางเฉิน หากหยางเฉินตายไปแล้ว ก็ถือว่าเป็นการลดความอันตรายอันยิ่งใหญ่ที่เป็นปัญหาต่อตระกูลเจียงได้เช่นกัน หากหยางเฉินไม่ตาย แต่เขาตายไปแล้ว ถึงแม้เหล่ากองกำลังชั้นยอดในโลกบู๊โบราณล่างจะมาหาเรื่องตระกูลเจียง พวกเขาก็จะไร้ข้ออ้าง ถึงครานั้นกองกำลังต่าง ๆ มีเพียงจะนำความแค้นทั้งหมดลงไว้ที่หยางเฉิน หยางเฉินก็ไม่มีทางอยู่ดีเป็นสุขเช่นกัน”

เมื่อได้ยินคำพูดของเจียงจ้านแล้ว ในที่สุดไป๋หลี่เย่ก็เข้าใจความคิดของเจียงเผิงสักที

วินาทีนี้ พลังออร่าอันแข็งแกร่งที่แผ่กระจายออกมาจากตัวเจียงเผิง ทำให้ทุกคนต่างรับรู้ได้ถึงความสั่นเทิ้มที่ดุจมาจากส่วนลึกของจิตวิญญาณ

เดิมทีพวกเขาถูกสายเลือดของหยางเฉินยับยั้ง แต่ทว่าวินาทีนี้ศักยภาพของเจียงเผิงพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เขตแดนของเขาครอบคลุมเขตแดนของหยางเฉินเอาไว้โดยตรง การยับยั้งทางสายเลือดของหยางเฉินก็ไม่ส่งผลกระทบใด ๆ ต่อเขาโดยสิ้นเชิง

ศักยภาพของเจียงเผิงจากแดนนภาขั้นสองชั้นกลาง พุ่งสูงถึงแดนนภาขั้นสองชั้นยอดโดยตรง

วินาทีนี้หยางเฉินที่กระตุ้นพลังสายเลือดสำเร็จ ก็สัมผัสได้ถึงความน่ากลัวของเจียงเผิงแล้วเช่นกัน บนใบหน้าของเขาเปี่ยมล้นไปด้วยรังสีแห่งความตึงเครียด

เขาทราบอยู่ว่าวันนี้ตัวเองมีโอกาสตายอยู่ในเงื้อมมือของเจียงเผิงสูงมาก ๆ

เขาแค่กระตุ้นพลังสายเลือดสำเร็จ และใช้การยับยั้งทางสายเลือดกดอัดศักยภาพของเจียงเผิงลงไปที่แดนนภาขั้นสองชั้นต้น เขาถึงจะพอถู ๆ ไถ ๆ เป็นฝ่ายได้เปรียบ

แต่ทว่าบัดนี้ เจียงเผิงใช้วิชาลับเชียนเสวียน ศักยภาพพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เนื่องจากศักยภาพของทั้งสองแตกต่างกันมากเกินไป การยับยั้งทางสายเลือดของหยางเฉินที่มีต่อเจียงเผิงก็เปล่าประโยชน์ไปโดยสิ้นเชิง

ไม่เพียงแค่นี้เท่านั้น ศักยภาพของเจียงเผิงยังพุ่งจากแดนนภาขั้นสองชั้นกลางขึ้นไปถึงแดนนภาขั้นสองชั้นยอดอย่างรวดเร็วด้วย

จากศักยภาพ ณ ปัจจุบันของหยางเฉิน เขาไม่มีทางใช่คู่ต่อสู้ของเจียงเผิงด้วยซ้ำ

“ฆ่า!”

จู่ ๆ เจียงเผิงก็ตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนจะพุ่งตรงเข้าไปทางหยางเฉินโดยตรง

หยางเฉินไม่ได้ดั่งใจเลยแม้แต่น้อย เรียกมีดโลหิตออกมา พลังสายเลือดก็ถูกกระตุ้นเช่นกัน

เขา ณ วินาทีนี้ได้กลืนกินผสมสายเลือดของเทพธิดาและเทพมารโบราณกาล รวมไปถึงสายเลือดของราชามนุษย์เข้าด้วยกันแล้ว พลังสายเลือดของเขาในปัจจุบันแข็งแกร่งอย่างสุดขีด

หลังจากกระตุ้นพลังสายเลือดสำเร็จแล้ว ศักยภาพของเขาก็พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน

“ผึง!”

วินาทีต่อไป การโจมตีของทั้งสองก็ปะทะเข้าด้วยกัน

อุจระเบิดปรมาณูแตก พลังที่ยิ่งใหญ่ทำให้ทุกสิ่งอย่างบริเวณรอบ ๆ แตกสลายเป็นฝุ่นผง

ลี่เฉินพาเฝิงเสียวหว่านถอยหลังกลับไปติดต่อกันร้อยกว่าก้าว

ไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านก็ถอยหลังกลับไปร้อยกว่าก้าวเช่นกัน

ภายใต้พลังระเบิดอันน่าสยดสยองนี้ ทำให้คฤหาสน์ยอดเมฆาถล่มลงไปในเสี้ยววินาทีจนดังสะเทือนเลื่อนลั่น

ร่างกายของหยางเฉินก็ถอยหลังกลับไปหลายสิบก้าวอย่างรวดเร็วเช่นกัน สีหน้าขาวซีดลงไปอย่างฉับพลัน

นั่นเป็นเพราะเนื้อหนังของเขาถูกหลอมสร้างขึ้นมาใหม่ มิเช่นนั้นเมื่อถูกผู้แข็งแกร่งที่มีศักยภาพเทียบทัดแดนนภาขั้นสองชั้นยอดโจมตีเข้าแล้วก็ เนื้อหนังของเขาต้องแตกกระจายอย่างแน่นอน

หลังจากสูญเสียการยับยั้งทางสายเลือดที่มีต่อเจียงเผิงแล้ว หยางเฉินสามารถระเบิดศักยภาพที่เทียบเท่ากับแดนนภาขั้นสองชั้นต้นออกมาได้อย่างยากลำบากเท่านั้น ระยะความต่างระหว่างตนกับเจียงเผิงนั้นห่างไกลกันมากเกินไป

“ผู้อาวุโสลี่ โปรดช่วยข้าดูแลเสียวหว่านด้วย!”

และในเวลานี้เอง จู่ ๆ หยางเฉินก็หันกลับไปมองลี่เฉินที่อยู่ด้านหลัง แล้วพูดอย่างเคร่งขรึม

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา ลี่เฉินก็รู้แล้วว่าหยางเฉินจะสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย เขากำลังกำชับเรื่องงานศพอยู่นี่

ลี่เฉินกำหมัดทั้งสองข้างเอาไว้แน่น ๆ ใบหน้าเต็มเปี่ยมไปด้วยความโกรธ เขาอยากช่วยเหลือหยางเฉินมาก ๆ แต่ทว่าน่าเสียดายที่เขามีศักยภาพอยู่ที่แดนนภาขั้นหนึ่งชั้นต้นเท่านั้น ซึ่งช่วยอะไรหยางเฉินไม่ได้เลยด้วยซ้ำ

“พี่หยาง ข้าไม่ไป!”

เฝิงเสียวหว่านก็ตระหนักอะไรบางอย่างได้เช่นกัน นางพูดด้วยดวงตาที่แดงเถือก: “พี่หยาง ถือว่าข้าขอร้องท่านล่ะ หยุดสู้กับเขาได้แล้ว เราตอบตกลงเขาเถอะ ไปตระกูลเจียงในโลกบู๊โบราณล่างพร้อมกับเขา ได้ไหม?”

หยางเฉินยิ้มอย่างขมขื่น หากม่านพลังไม่แตก บางทีอาจจะไม่เป็นอะไร ปัจจุบันม่านพลังแตกไปแล้ว อีกทั้งหลังจากม่านพลังในครั้งนี้แตกสลายไปแล้ว รอยร้าวยังคงขยายใหญ่ขึ้นอย่างต่อเนื่อง เจียงเผิงจะมีทางปล่อยตัวเองไปได้อย่างไร?

ไม่เพียงเจียงเผิงเท่านั้นที่จะไม่ปล่อยตัวเองไป นักบูโดทุกคนในโลกบู๊โบราณล่างก็จะไม่ปล่อยเขาไป

ถึงแม้เขาจะอยากจากไป เขาก็จากไปที่ใดไม่ได้

“ผู้อาวุโสลี่ ฝากฝังด้วยนะขอรับ!”

หยางเฉินเอ่ยปากพูดอีกครั้ง ภายในน้ำเสียงมีความอ้อนวอนปนอยู่

ใบหน้าของลี่เฉินเต็มไปด้วยความไม่ยอม ก่อนเขาจะตอบกลับด้วยดวงตาที่แดงเถือก: “ได้ ข้าสัญญากับเจ้า!”

จู่ ๆ หยางเฉินก็ตะคอกเสียงดัง: “พานางไป!”

จากการที่เสียงตะคอกอย่างโกรธเกรี้ยวนี้ของเขาดังขึ้น พลังอันน่าสยดสยองก็ระเบิดออกมาจากร่างกายเขา

เห็นเพียงเท้าของเขาขยับทีหนึ่ง และพุ่งตรงไปทางเจียงเผิงโดยตรง

“ฆ่า!”

หยางเฉินคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว

หลังจากไป๋หลี่เย่และเจียงจ้านสัมผัสได้ถึงลมปราณทำลายล้างที่ระเบิดออกมาจากตัวหยางเฉินแล้ว สีหน้าของพวกเขาก็เปลี่ยนไปในทันที

“มันกำลังจะระเบิดร่างกายตัวเอง!”

ไป๋หลี่เย่พูดอย่างหวาดผวา: “แย่แล้ว รีบถอย!”

ในขณะที่พูดอยู่นั้น ร่างกายของไป๋หลี่เย่ก็ถอยหลังกลับไปด้านหลังอย่างรวดเร็วแล้ว

หลังจากเจียงจ้านดึงสติกลับมาได้ เขาก็ถอยหลังกลับไปอย่างรวดเร็วเช่นกัน

“เราไปกันเถอะ!”

ลี่เฉินดึงตัวเฝิงเสียวหว่านและเตรียมพร้อมที่จะจากไปเช่นกัน

เฝิงเสียวหว่านร้องไห้พลางพูด: “คุณปู่ลี่ เรื่องทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะข้า หากข้ามิใช่นักปรุงยาคนหนึ่ง พี่หยางก็ไม่ต้องมาช่วยข้าแล้ว ต่อให้ต้องตาย ข้าก็จะตายพร้อมกับพี่หยาง คุณปู่ลี่ ท่านมิต้องสนใจข้า ข้าจะอยู่เคียงข้างพี่หยาง!”

The king of War

The king of War

Status: Ongoing

ห้าปีก่อน หยางเฉินเพื่อให้ตัวเองคู่ควรกับฉินซี เขาจากไปโดยไม่ร่ำลา ห้าปีต่อมา เขาพกความสามารถอันน่าทึ่ง กลับมาอย่างรุ่งโรจน์ เพียงแต่ว่าพอมาถึง กลับพบว่าตนมีลูกสาวเพิ่มขึ้นมาอีกคน

แสดงความคิดเห็น

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *

ปรับฟอนต์

**ถ้าปรับโหมดมืดอยู่** ให้เปลี่ยนเป็นโหมดสว่าง ก่อนจะปรับสีพื้นหลัง
รีเซ็ท