ซูย้าวกลับไปที่บนเตียง อุ้มเด็กขึ้นมาอย่างระมัดระวัง ตอนนี้เจิ้งเอ๋อตื่นแล้ว เขาอ้าปากเล็กเล็ก ท่าทางเหมือนหิว
เธอยิ้มแล้วยิ้ม มีน้ำนมพอดี จึงลงจากเตียงดึงฉากกั้นห้อง จากนั้นดึงเสื้อขึ้น
กว่าจะได้เจอลูก ซูย้าวอยู่ในความสุขมาตลอด สำรวจใบหน้าเล็กของลูกชาย จับมือเล็กเล็กของเขา เต็มไปด้วยอารมณ์แบบนี้ แม้แต่ในห้องมีคนเข้ามาก็ไม่รู้ตัว
หลินโม่ป่ายเดินอ้อมฉากกั้นประตู เธอจึงพึ่งรู้ตัว แล้วตกใจทันที !
“ขอ ขอโทษ ! “
หลินโม่ป่ายก็รีบถอยออกไปหลังฉากกั้นห้อง ใบหน้าหล่อเหลามีความอึดอัดและแดงขึ้นมาเล็กน้อย
ไม่นาน จนกว่าซูย้าวจะจัดการเสื้อผ้าเสร็จ เขาถึงพึ่งอ้อมกลับมาอีกรอบ สูดหายใจลึก แล้วพูดอธิบาย “ เมื่อกี้ขอโทษจริงจริง ฉันไม่ได้ตั้งใจ ! “
ซูย้าวยิ้มอ่อน เธอรู้จักหลินโม่ป่ายตั้งแต่เด็ก จะไม่รู้ได้ว่าเขาเป็นคนยังไง ?
เธอมองเขา ใช้ภาษามือสื่อสาร “ หว่านหว่านบอกฉันแล้ว วันนั้นเป็นเพราะคุณช่วยฉันไว้ ขอบคุณ ! “
“ยัยบ้า ! “หลินโม่ป่ายยิ้มอ่อน “ ฉันก็ไม่ได้ช่วยอะไรมาก แต่ย้าวย้าว เธอเคยคิดไหม ? ที่จะรักษาลูกคอเธอใหม่ ! “
พูดถึงเรื่องเก่าขึ้นมา ซูย้าวยังคงสับสน
“ตอนเด็กเธอสามารถพูดได้ ระหว่างนั้นเกิดอะไรขึ้น ถึงไม่สามารถพูดได้ ? “หลินโม่ป่ายไม่เข้าใจมาตลอด
ตอนนั้นเธอไปเยี่ยมคุณปู่ที่ต่างประเทศ ไปประมาณหนึ่งเดือน พอกลับมา ซูย้าวก็กลายเป็นคนใบ้ไป
ซัวฉ่ายลี่ บอกว่าเธอมีไข้และล่าช้าในการรักษา ซึ่งทำให้เส้นประสาทภาษาในสมองไม่ดี อย่างไรก็ตามหลินโม่ป่ายเคยตรวจเส้นประสาทสมองให้เธอ ซึ่งอยู่ในสภาพดีและไม่เคยมีร่องรอยของเนื้อร้าย!
เขามองเธอ “ ตอนนี้เธอก็คลอดลูกแล้ว เธอก็คงไม่หวังว่าตัวเองจะพูดไม่ได้ไปตลอดกาล และไม่สามารถที่จะพูดคุยกับลูกใช่ไหม ? “
ซูย้าวนิ่ง ปัญหานี้ เธอยังไม่เคยคิด !
ถ้าเธอสามารถเปิดปากพูดได้ นั่นก็หมายความว่าความจริงที่ซัวฉ่ายลี่จะทำการฆาตกรรมต่อพ่อของเธอจะถูกเปิดเผยต่อสาธารณะ
เปิดเผยศัตรู เธอควรที่จะทำแบบนี้
แต่ถ้ามันกระทบโดนแม่ที่อยู่บ้านพักคนชรา จะทำยังไง ?
มองทารกที่กำลังห่อตัวอยู่ในผ้า ในฐานะแม่มือใหม่ เธอจะไม่อยากคุยกับลูกได้อย่างไร ?
แต่เธอรู้สึกขัดแย้งเหลือเกิน !
อีกด้านหนึ่งคือความแค้นอาฆาตเกี่ยวกับความอยุติธรรมต่อพ่อ อีกด้านคือแม่ที่กำลังอยู่ในบ้านพักคนชรา เธอ ควรเลือกยังไงดี …..
“ย้าวย้าว เธอกำลังลังเลอะไรอยู่?บอกฉัน ฉันสามารถช่วยเธอได้!”หลินโม่ป่ายจับมือของเธอไว้ เผยความอ่อนโยน “ เธอเชื่อใจฉัน ได้ไหม ? “
ยังไม่ทันรอให้ซูย้าวดึงสมาธิกลับมา ร่างสูงใหญ่ของลี่เฉินซี ที่กำลังอ้อมมาทางฉากกั้นห้อง ปรากฏอยู่ตรงหน้าทั้งสอง
มีรอยยิ้มหนาบนใบหน้าอันหล่อเหลา ราวกับว่ามันสามารถทำให้คนตรงหน้าจมตายได้
สายตาเยือกเย็นของลี่เฉินซี กวาดมองไปที่ทั้งสอง เขาหยุดสายตาเมื่อมองซูย้าว จากนั้น ก็มองไปที่หลินโม่ป่าย
“คุณหมอหลินดูว่างมากเลยนะ!”
สำหรับคนที่มีส่วนร่วมในสังคมชั้นสูงตั้งแต่ยังเด็ก ใครจะไม่เล่นละครเป็นเร็วไปกว่าการพลิกหนังสือ พวกเขาเต็มไปด้วยการเล่นละครทั้งนั้น ดังนั้น ในไม่ช้า หลินโม่ป่ายก็ได้ทำตัวปกตินานแล้ว เมื่อมองไปที่ ลี่เฉินซี ใบหน้าที่สง่างามของเขา ทำให้คนไม่สามารถคาดเดาได้ว่าเขาคิดอะไร
“มาตรวจตามห้องจึงมาเยี่ยมย้าวย้าวกับเด็กสักหน่อย “
ลี่เฉินซีกลับยิ้มเบาเบา เดินเข้ามาช้าช้า “ ทำไม? ตอนนี้แม้แต่ แพทย์ทรวงอก ก็เริ่มมาที่สูตินรีเวชวิทยาแล้วหรอ ? “
หลินโม่ป่ายขมวดคิ้วพลางตั้งใจพูดออกมา “ อย่างไรก็ตาม ย้าวย้าวก็เคยเป็นคู่หมั้นของฉันมาก่อน แค่มาเยี่ยมสักหน่อย ไม่ได้หรือไง ? ประธานลี่ “
“เหอะ ! “
ลี่เฉินซี หัวเราะเยาะ ดวงตาที่แหลมคมของเขากลายเป็นความเย็นชา“ คุณหมอหลิน ยังรู้ว่ามันเป็นแค่อดีต แล้วทำไมยังต้องลืมไม่ลงแบบนี้? “
“เพราะว่าซูย้าวเป็นผู้หญิงที่ดี คุ้มกับการที่ให้คนอื่นมารัก ! “ คำพูดของหลินโม่ป่ายมีความหมายที่ลึกซึ้งและตักเตือนเล็กน้อย “ ในเมื่อประธานลี่รู้ว่าความรู้สึกเก่าเก่าจบลงแล้ว ทำไมถึงต้องหมกมุ่นอยู่กับคนบางคน?”
ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว แล้วพูดต่อ “ คำนี้คือต้องมอบให้คุณหมอหลินเองหรือเปล่า ! “
เขาหัวเราะเยาะและพูดเฉยชาว่า “ แน่นอนฉันรู้ดีว่ากำลังทำอะไรอยู่ แต่หวังเพียงว่าประธานลี่จะสามารถมีวินัยในตนเองได้!”
หลังจากพูดจบ หลินโม่ป่ายก็มองไปที่ซูย้าวอีกรอบ แล้วเดินออกไป
ใบหน้าหล่อเหลาของ ลี่เฉินซีมีความมืดมน ดูไม่ดีอย่างมาก !
ซูย้าวเข้าใจ เขาคงเห็นแก่ลี่เจิ้ง จึงไม่ได้โต้เถียงอะไรกับหลินโม่ป่ายมาก !
หลังเที่ยง ซูย้าวยังอยู่ในความสุขที่ลูกกลับมาอยู่ข้างตัวเอง เธออุ้มลูกแล้วพาลูกนอนกลางวัน
ฝันที่กำลังหวาน ตื่นขึ้นมาเพราะอะไรบางอย่าง
สิ่งที่ทำให้ตื่น เป็นน้ำเย็นหนึ่งถัง ที่มีน้ำแข็งอยู่
พร้อมกับดวงตาที่เริ่มรู้สึกตัวของซูย้าว เธอโยนถังในมือลงที่พื้น
ด้วยเสียงที่ดังและความเย็นเยียบ ซูย้าวลืมตาขึ้น ปฏิกิริยาแรกคือลูกของเธอ ตามที่คาดไว้ ใบหน้าของเด็กถูกสาดด้วยน้ำเย็น และน้ำแข็งก้อนเล็กเล็กกระทบศีรษะของเขา
เด็กร้องไห้เสียงดัง
ซูย้าวเจ็บใจทันที กำลังจะอุ้มลูกขึ้นมา แต่จู่จู่ก็มีมือตบลงบนใบหน้าของเธอ !
ด้วยการตบเช่นนี้ แก้มของซูย้าวก็ร้อนทันที และศีรษะของเธอก็เวียนหัวขึ้นมา
“นางมารร้าย ! เป็นเพราะเธอ ทำให้พี่เฉินซีไม่สนใจฉัน ! “
วินาทีต่อมา ซูหยวน บีบคอของเธอด้วยความโกรธอีกครั้ง และพูดอย่างโกรธเกรี้ยวว่า “เธอมีสิทธิ์อะไรมาแต่งงานกับพี่เฉินซี ! เธอมีสิทธิ์อะไรมาคลอดลูกของเขา? เธอมันมารร้าย ! เหมือนแม่ของเธอที่ไร้ค่าแบบนั้น ! “
อากาศหายใจของซูย้าวน้อยลงเรื่อยเรื่อย มือทั้งสองข้างของเธอโดนซูหยวนบังคับไว้ ในระหว่างนี้ เธอยังเป็นห่วงว่าจะโดนใส่เด็ก จึงต้องยอมให้เธอทำแบบนี้
ความหนาวเย็นและการหายใจไม่ออกเกี่ยวพันกัน เหลือเพียงความขมขื่นไม่รู้จบในใจ
“ยันผู้หญิงบ้า ! ทำไมเธอไม่ไปตาย ? ลูกก็คลอดเสร็จแล้ว เธอยังมีค่าอะไร? ไปตายเถอะ ! “
ด้วยความคิดขึ้นขึ้นลงลงของเธอ ภาพเงาของลี่เฉินซีก็เปลี่ยนไปในความคิดเธอ จากนั้นภาพจำนวนนับไม่ถ้วนก็ปรากฏขึ้นในพริบตาของเธอ
เสียงกรีดร้องอันแหลมคมของซูหยวนยังคงดังอยู่ข้างหูของเธอ แต่ซูย้าวรู้สึกว่าเสียงของเธอที่ดังยิ่งไกลออกไปมากขึ้น ราวกับว่ามันมาจากโลกอื่น
ความมืดใกล้เข้ามาเรื่อยเรื่อย และเมื่อเธอกำลังจะหลับตา เธอก็เข้าสู่อ้อมกอดที่อบอุ่น! “
“ย้าวย้าว!”
เสียงที่คุ้นเคย ส่งเสียงมาข้างหูเธอ เธอค่อยค่อยลืมตา เห็นเพียงสายตาที่กังวลของหลินโม่ป่าย
หลังจากยืนยันว่าเธอปลอดภัย เขาก็ปล่อยซูย้าวออก จึงจ้องไปที่ซูหยวนอย่างเย็นชาและสังหารราวกับจะเขมือบเธอ !
“ซูหยวน เธอมาเป็นบ้าอะไรที่นี่!”
หลินโม่ป่าย ไม่ค่อยเป็นแบบนี้ เขาเป็นคนอ่อนโยนเสมอ ให้ความรู้สึกอ่อนโยนและละเอียดอ่อน
ในความเงียบสงบ
ซูหยวนอ้าปากแดง ก่อนที่เธอจะพูดก็ถูกขัดจังหวะด้วยคำพูดเย็นชาของ หลินโม่ป่าย ” ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เธอและน้าซัว รังแก ซูย้าว มาตลอด ตอนนี้เธอพึ่งคลอดลูกเสร็จ ซูหยวน เธอไม่คิดว่ามันเกินไปหน่อยหรอ ! “
“หึ …..” ซูหยวนตอบอย่างแปลกใจ เธอกัดปากล่างด้วยความโกรธ “หลินโม่ป่าย คุณอย่ามาใส่ร้ายนะ ! พวกฉันรังแกซูย้าวยังไง ? “
เมื่อพูดจบ เธอก็พึ่งรู้ตัวขึ้นมา แล้วรีบพูด “ โอ้ ! ดูสิว่าเขาเป็นห่วงเธอมากแค่ไหน ! ในฐานะกิ๊กก็ไม่ได้เป็นเปล่าเปล่านะ ! แอบใกล้ชิดกันไปมา ถ้าพี่เฉินซีรู้ เขาจะมีปฏิกิริยายังไงนะ ? “