บทที่ 13 ผ่อนคลายหน่อย
“คุณซูหยวน กำลังคิดอะไรอยู่?” น้ำเสียงของหานฉ่ายหลิงทำลายความคิดของซูหยวน
ดวงตาซูหยวนกระพริบ ความหึงเกิดขึ้นภายในใจ มองดูลี่เฉินซีตาละห้อย เขากลับทำหน้านิ่งเฉย
“พี่เฉินซี ฉัน…”
ซูหยวนพูดแล้วก็หยุด ลี่เฉินซีนิ่งเฉยอย่างกับภูเขาน้ำแข็ง ทำให้เธอตื่นเต้นจนไม่รู้จะทำยังไง
หานฉ่ายหลิงเห็นแล้ว ก็รีบกู้สถานการณ์ พูดขึ้นว่า “หากคุณซูไม่รังเกียจ ดื่มเป็นเพื่อนฉันสักแก้วได้ไหม?”
ถึงแม้ซูหยวนจะไม่อยากสนใจเธอ แต่มีหานฉ่ายหลิงอยู่ เธอก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดกับลี่เฉินซี คิดไปคิดมา แล้วจึงพูดว่า “พูดอะไรอย่างนั้น ได้นั่งดื่มกับคุณหาน เป็นความโชคดีของฉันต่างหาก”
หานฉ่ายหลิงอมยิ้ม หยิบแก้วสองใบมาจากในมือเด็กเสิร์ฟ ยื่นให้ซูหยวนหนึ่งแก้ว “งั้นฉันขอดื่มก่อนเป็นการให้เกียรติ”
พูดเสร็จ ก็ยกดื่มจนหมดแก้ว
ซูหยวนอึ้ง แต่ก็ไม่ยอมแพ้ สู้กับเธออย่างที่สุด
แล้วก็แบบนี้ ทั้งสองคนดื่มกันไปหลายแก้ว
หานฉ่ายหลิงดื่มได้ดีมาตลอดอยู่แล้ว ดื่มเหล้าเหมือนดั่งดื่มน้ำ เงยหัวกลืนลงไปในลำคอขาวผ่อง ผิวพรรณเซ็กซี่มีเสน่ห์น่าหลงใหล
แต่ซูหยวนดื่มเหล้าไม่เก่งขนาดนั้น ดื่มเพียงไม่กี่แก้วก็ไม่ไหวแล้ว ร่างกายโอนเอนเท้าก็ยืนไม่มั่น ปากยังพูดว่า “ฉันยังดื่มได้ คุณหาน เรามาต่อกัน…”
“วันนี้พอแค่นี้ก่อน” ท่าทางหานฉ่ายหลิงเด็ดเดี่ยว สั่งให้เด็กเสิร์ฟออกไป ในขณะเดียวกัน ก็ขยับเข้าไปใกล้ซูหยวน กระซิบพูดอยู่หลายคำ
ถึงแม้น้ำเสียงจะเบา แต่ละคำล้วนบาดใจ
ตอนที่ซูหยวนถูกประคองออกไปจากโรงแรม ในหัวสมองยังมีคำพูดของหานฉ่ายหลิงวนเวียนอยู่ โกรธจนกัดฟันกระทืบเท้า
“ฉันรู้ว่าคุณชอบเฉินซี แต่เขาแต่งงานแล้ว ทำลายครอบครัวของน้องสาวตัวเอง ไม่ถูกต้องตามหลักศีลธรรมอันดีไม่ใช่หรือ? พอแค่นี้เถอะ”
ไล่ซูหยวนไปแล้วคนหนึ่ง สายตาหานฉ่ายหลิงกวาดมองดูทั่วทั้งงานเลี้ยง สังเกตเห็นหญิงคนหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงมุมเงียบสงบ แล้วก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ
ตอนที่หานฉ่ายหลิงเดินมาใกล้ ซูย้าวกำลังครุ่นคิดหาเหตุผลว่าจะขอตัวกลับก่อนยังไง เธอไม่ชอบงานเลี้ยงแบบนี้
“คุณซูนั่งอยู่ตั้งนานแล้ว หิวไหม?” อีกฝ่ายถาม
ซูย้าวรีบลุกขึ้น ยิ้มส่ายหัว
“ต่อให้คุณไม่หิว แต่ลูกในท้องคงหิวแล้วมั้ง? ถือว่าทางเป็นเพื่อนฉันได้ไหม”
หานฉ่ายหลิงพูดไปด้วย แล้วก็เข้าไปควงแขนซูย้าว เดินตรงไปทางมุมอาหาร
ซูย้าวอยากปฏิเสธ แต่หานฉ่ายหลิงไม่ให้โอกาสเลย
มุมอาหาร โต๊ะหลายตัววางเรียงกัน ผสมผสานระหว่างจีนกับตะวันตก อาหารเลิศรสทุกสิ่งทุกอย่าง มีครบหมด
ยังมีเค้กพิเศษสูงสามสิบห้าชั้น ได้รับการออกแบบเป็นพิเศษร่วมกับอาคารสำนักงานตึกระฟ้าสูงสามสิบห้าชั้นของบริษัทลี่ซื่อ
หานฉ่ายหลิงมองดูเค้กนั่น แล้วถามว่า “เคยได้ยินว่าคนท้องชอบทานขนมหวาน ไม่รู้ว่าคุณซูชอบไหม?”
ซูย้าวก้มหน้าก้มตา คิดอยากที่จะรีบกินแล้วก็ไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว จะได้ไม่เสียหน้า
“งั้นฉันไปเอามาให้คุณนะ”
หานฉ่ายหลิงพูดเสร็จ หยิบจานมาแล้วก็ไปเอาเค้ก
ด้านข้างเค้กก้อนโต ยังตั้งหอคอยแชมเปญไว้ด้วย ถึงแม้จะมีคนหยิบไปแล้วหลายแก้ว แต่ก็ยังคง ตั้งตระหง่านอยู่อย่างมั่นคง ดูสูงใหญ่มาก
“คุณซูผอมมาก เพื่อลูกน้อย ต้องทานเยอะหน่อยนะ” หานฉ่ายหลิงพูดคุยทั่วไป แล้วยื่นจานเค้กให้เธอ
ซูย้าวรับมาด้วยสองมืออย่างมีมารยาท และแสดงท่าทีขอบคุณ
เค้กในจานน่าทานมาก ต่อให้ไม่มีความหิว ก็ถูกความงามดึงดูด ในขณะที่ซูย้าวกำลังจะทานเข้าปาก ก็ได้ยินเสียงคนด้านข้างตกใจ ท่าทีตื่นตระหนก
“ระวัง” หานฉ่ายหลิงก็ตะโกนร้องเสียงดัง แล้วก็ผลักซูย้าวอย่างแรง
ด้วยความที่ไม่ทันได้ระวัง
ซูย้าวถูกแรงที่ผลักจนล้มลงกับพื้น ในขณะที่เจ็บปวด ตรงหน้าท้องก็เจ็บขึ้นมาด้วยเหมือนกัน
ในเวลาเดียวกันนั้น เค้กก้อนโตกับหอคอยแชมเปญก็พังลง ตกกระจัดกระจายเต็มพื้น เพราะหานฉ่ายหลิงผลักซูย้าวออกไป ตนเองจึงถูกหล่นทับอยู่ในนั้นพอดี
แก้วไวน์มากมายตกลงมา ในขณะที่แตกกระจาย เลือดสดๆไหลออก เห็นแล้วก็เป็นที่น่าตกใจ
ซูย้าวตกใจ ไม่ทันได้ใส่ใจกับท้องตัวเองที่เจ็บปวด ดิ้นรนลุกขึ้นมา แล้วด้านข้าง ชายร่างใหญ่คนหนึ่งก้าวเดินเข้ามา ผลักซูย้าวที่อยากช่วยออกไปอย่างไม่สนใจ อุ้มหานฉ่ายหลิงไว้อย่างตื่นตระหนก
ทันใดนั้น ก็ได้ยินเสียงอ่อนโยนของลี่เฉินซีพูดว่า “ฉ่ายหลิง คุณเป็นยังไงบ้าง? ผมจะพาคุณไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนี้”
หานฉ่ายหลิงบาดเจ็บสาหัสมาก ตามตัวถูกแก้วไวน์กับจานอาหารตกกระทบใส่ยังไม่เบา ถูกบาดแล้วหลายแผล
บนผิวขาวผ่องทุกบาดจนเลือดไหลเป็นแผลๆ เลือดสดๆไหลออกมาเป็นทาง
ลี่เฉินซีอุ้มเธอไว้ ดวงตาเป็นกังวล รีบอุ้มเธอขึ้นมาไว้แนบอกแล้วลุกขึ้น “ฉ่ายหลิง คุณอดทนไว้ก่อนนะ”
เข้าอุ้มหานฉ่ายหลิงไว้ ก้าวเท้าผ่านซูย้าวไป ไม่แม้แต่จะมองดูเธอสักนิด เดินฝ่าฝูงคนจากไป
ทำเหมือนกับเป็นคนแปลกหน้าไม่มีความเกี่ยวข้องกัน
ในใจซูย้าวเหมือนดั่งถูกมีดแทง เจ็บปวดไปทั่วทุกรูขุมขน
แต่ที่เจ็บปวดกว่าหัวใจ ก็คือความเจ็บปวดตรงท้องน้อย หน้าผากมีเหงื่อแตกขึ้นมาทันที ตรงขารู้สึกเหมือนมีอะไรอุ่นๆไหลผ่าน เธอตกใจมาก หรือว่า…
ช่วย ช่วยด้วย…
เธอร้องเรียกอยู่ในใจ
มีคนล้อมรอบมุงดูอยู่ไม่น้อย แต่ทุกคนล้วนดูอยู่อย่างสนุกเท่านั้น ไม่มีใครสนใจซูย้าวเลยว่าจะเป็นหรือตาย
ช่วยลูกของฉัน…
เธอจะเป็นจะตายก็ได้ แต่ลูก ลูกของเธอ
ในช่วงเวลาวิกฤต ร่างหนึ่งตรงฝ่าฝูงชนมา เดินมาอย่างรวดเร็ว เพ้ยส้าวหลี่คุกเข่าอยู่ด้านข้างเธอ “ซูย้าว คุณเป็นยังไงบ้าง?”
เพิ่งถามออกไป เพ้ยส้าวหลี่ก็สังเกตเห็นด้านล่างเธอมีเลือดอุ่นๆไหลออกมา แดงจนแสบตา
เขาไม่แม้แต่จะคิด ยื่นแขนอุ้มเธอขึ้นมา “ซูย้าว ผมจะรีบพาคุณไปโรงพยาบาล”
กำลังจะออกไปข้างนอก เจี่ยงเวินอี๋ก็พาคนรีบตามมา เห็นปริมาณเลือดด้านล่างตัวซูย้าว ก็แทบจะกลั้นหายใจ “โอ้พระเจ้า”
แล้วก็รีบสั่งเลขา ให้รีบแจ้งคณบดีจางของสูตินรีเวช
นี่เป็นครั้งแรกที่เจี่ยงเวินอี๋จองหมอส่วนตัวให้กับหลานของตัวเอง หลังจากที่เด็กคลอดออกมาแล้ว สามารถทำการพิสูจน์ดีเอ็นเอก่อน ตรวจโรคทุกอย่างที่อาจจะเป็นไปได้
ดับไฟแต่ต้นลม
เมื่อมาถึงโรงพยาบาล ซูย้าวยังมีสติ เพียงแต่ความเจ็บปวดตรงท้อง ทำให้เธอไม่จับอะไรบางอย่างไว้ไม่ได้ เจ็บปวดทรมานอย่างที่สุด
เพ้ยส้าวหลี่อุ้มเธอมาตลอด ยอมให้มือเรียวเล็กของเธอ จับบีบชุดสูทของเขาไว้แน่น ยังพูดกระซิบอยู่ข้างหูของเธอตลอดว่า “ไม่เป็นไร ซูย้าว คุณผ่อนคลายหน่อย ผ่อนคลายหน่อย”
หัวหน้าแพทย์สูตินรีเวชเตรียมทุกอย่างไว้พร้อมแล้ว นำซูย้าวเข้าไปในห้องคลอดทันที และเจี่ยงเวินอี๋ก็รีบตามมาถึงในตอนนี้
คนที่มาพร้อมกับนาง ยังมีซัวฉ่ายลี่กับซูหยวนสองแม่ลูก
ซูย้าวนอนอยู่บนเตียง มองดูแว่บหนึ่ง แล้วก็มีความรู้สึกไม่ดีขึ้นมาทันที
อาศัยตอนที่หมอกำลังจะเตรียมของอยู่ เธอพยายามใช้แรงสุดท้ายทั้งหมดที่มี ส่งข้อความให้กับคนคนนั้นว่า
“ช่วยด้วย”