บทที่ 38 อิจฉาเล็กน้อย
“อุบัติเหตุเล็กน้อยทางรถยนต์” ที่หน้าทางเข้าของร้านอาหารเป็นเรื่องที่รอดมาได้ เมื่อเหตุการณ์ผ่านไปซูย้าวก็ไม่คิดจะใส่ใจ แค่ต่อไปตัวเองต้องระมัดระวังตัวให้มากกว่านี้
เนื่องจาก เจิ้งเอ๋อไม่ได้รับบาดเจ็บ นี่คือสิ่งที่เธอสนใจมากที่สุด
แต่โม่หว่านหว่านกลับไม่วางใจ คืนนั้นก็ตรวจสิบกล้องวงจรทางเข้าของทางร้านอาหารทันที ตามทะเบียนของรถคันนั้น ได้หาเจ้าของรถจนเจอ
วันถัดไป ขณะที่เธอรีบไปที่สำนักงานรักษาความปลอดภัยสาธารณะเพื่อรายงานคดี หลังจากตรวจสอบหมายเลขทะเบียนแล้วตำรวจที่ดูแลคดีบอกกับเธอว่า สิบวันก่อนเจ้าของรถได้แจ้งความว่ารถหาย ซึ่งไม่ใช่เจ้าของรถ น่าจะมีการไตร่ตรองไว้ล่วงหน้าแล้ว
คำพูดนั้นยังคงก้องอยู่ในหู โม่หว่านหว่านตกใจจนหลอดเสียงขึ้นมาจุกอยู่ในลำคอ ได้ไตร่ตรองไว้ล่วงหน้า อย่างนั้นซูย้าวและลูก จะไม่ยิ่งอันตรายเหรอ?!
ขณะที่สีหน้าของเธอลุกลี้ลุกลน เจ้าหน้าที่ตำรวจได้กล่าวเพิ่มเติมว่า “มีคุณผู้ชายคนหนึ่งได้เคยตรวจสอบรถทะเบียนคันนี้มาก่อน!”
“คุณผู้ชาย? เขาชื่ออะไร?”
“แซ่หลินเป็นศัลยแพทย์ทรวงอกที่มีชื่อเสียงใจกลางเมือง!” ตำรวจยังเก็บนามบัตรของหลินโม่ป่ายไว้ ซึ่งวางอยู่ข้างโต๊ะ ทำให้ง่ายต่อการระบุ
เมื่อโม่หว่านหว่านรู้ ก็ยิ้มออกมาอย่างอดไม่ได้ ดูแล้วเจ้าหลินโม่ป่ายคนนี้ ยังปล่อยเธอไปไม่ได้!
ทางด้านของบริษัทลี่ซื่อโม่หว่านหว่านถูกขวางไว้ด้านนกห้องประธาน เลขาสาวบอกว่า “คุณผู้หญิงท่านนี้ หากคุณต้องการพบประธานลี่ ตอนนี้ประธานลี่ไม่อยู่”
“ไม่อยู่?”
โม่หว่านหว่านมองดูเวลา เวลาประมาณสิบโมง เวลานี้ ลี่เฉินซีผู้บ้างานกลับไปอยู่บริษัท
“เขาไปไหนแล้ว? สะดวกบอกไหม?” เธอไล่ถาม
เลขาสาวส่ายหน้าอย่างขออภัย แสดงให้รู้ว่าไม่สามารถบอกได้
โม่หว่านหว่านรู้สึกเศร้าเล็กน้อย ก้มหน้าจับมือถือไว้ เธอไม่เคยเมมเบอร์ของลี่เฉินซี หากโทรถามซูย้าว ยัยโง่นี่คงไม่มีทางบอกเธอ
รู้จักกับซูย้าวมาหลายปี โม่หว่านหว่านรู้จักเธอเป็นอย่างดี ไม่ว่าเรื่องอะไรชอบแบกรับไว้เอง และไม่ยอมแสดงด้านอ่อนแอให้ใครได้เห็น
น่าสงสารจนทำให้คนเจ็บปวด!
ในยามที่เธอกำลังรู้สึกลังเล ได้มีคนมา
“สวัสดี คุณหาน” เลขาสาวลุกขึ้น อย่างเคารพ พยักหน้ากล่าวสวัสดี
โม่หว่านหว่านหันหน้าไป จึงได้สบสายตาของคุณหาน อีกฝ่ายก็ไม่หลบสายตา เพียงแค่ยิ้ม อย่างเป็นมิตร
เลขาสาวเล่าถึงการมาของโม่หว่านหว่าน และได้อธิบายว่าลี่เฉินซีไม่อยู่บริษัท เมื่อหานฉ่ายหลิงได้ยิน จึงพูดว่า “คุณโม่ใช่ไหม! คุณต้องการพบเฉินซี มีธุระอะไรหรือเปล่า?”
แม้ในคำพูดจะเต็มไปด้วยความสุภาพและความเกรงใจ มีความรอบคอบมากจนทำให้คนจับผิดถึงความผิดปกติไม่ได้ แต่คำว่า ‘เฉินซี’ ที่ฟังดูสนิทสนมกันนั้นทำให้โม่หว่านหว่านใจกระตุกเล็กน้อย!
ความรู้สึกไม่ค่อยดี
แต่ก็ไม่ได้เผยออกมา เพียงแค่ตอบกลับไปเรียบๆ ว่า “อืม มีธุระ!”
ตามมาด้วยอยากจะกล่าวลา แต่หานฉ่ายหลิงกลับพูดมาว่า “มีธุระเร่งด่วนไหม? สะดวกบอกให้ฉันหรือเปล่า?”
โม่หว่านหว่านหยุดฝีเท้า มองกลับด้วยสายตาแน่วแน่ “บอกกับคุณ?”
เลขาสาวสัมผัสได้ถึงความสัมพันธ์บางอย่างของทั้งสอง จึงเลี่ยงการให้ความสนใจ
ขณะที่เหลือเพียงคนสองคน หานฉ่ายหลิงอธิบายอีกว่า “คุณโม่อย่าเข้าใจผิด ฉันไม่มีความหมายอื่น เพียงแค่ต้องการให้แน่ใจว่าเป็นธุระเร่งด่วนหรือเปล่า แบบนี้ฉันถึงจะสามารถให้เบอร์มือถือของเฉินซีกับคุณได้”
“อ้อ อย่างนี้นี่เอง!”
โม่หว่านหว่านกวาดมองแก้มเธอทีละนิ้ว จ้องมองแสงเปล่งประกายในดวงตาแอปริคอทคู่นั้น แสงดาวที่พลุ่งพล่าน เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นผู้หญิงที่อ่อนน้อมถ่อมตน มีคุณธรรม และอ่อนโยน แต่ทำไมในสายตาของโม่หว่านหว่าน มักรู้สึก…มีอะไรผิดปกติอยู่เสมอ?
“ช่างเถอะ หากฉันต้องการรู้เบอร์ของลี่เฉินซี กลับไปถามซูย้าวไม่ดีกว่าเหรอ! ยังไง เธอก็คือคุณผู้หญิงลี่!”
โม่หว่านหว่านจงใจเน้นเสียงคำว่า ‘คุณผู้หญิงลี่’ สามคำนี้ให้ดังขึ้น ราวกับกำลังเตือนหานฉ่ายหลิงอะไรบางอย่าง
และอีกฝ่ายไม่ได้ห้าม พูดเพียงแค่ว่า “ที่แท้คุณโม่เป็นเพื่อนกับคุณซูนี่เอง! งั้นฉันเอานามบัตรของเฉินซีให้คุณก็แล้วกัน!”
หานฉ่ายหลิงหยิบนามบัตรแพลตตินั่มออกมาจากในกระเป๋า แล้วยื่นให้เธอ
นามบัตรของลี่เฉินซี เธอ…พกติดตัวด้วย! และดูเหมือนว่า ในกระเป๋าบังมีอีกมากมาย
ต้องรู้ว่า นี่มันเป็นของลี่เฉินซี
ในเมืองนี้มีกี่คนกันที่มีนามบัตรของของเขา?
โม่หว่านหว่านรับแผ่นบางๆ มา พื้นผิวแพลตตินั่ม และความรู้สึกมือที่ดีมาก สายตาได้จับจ้องมองไปยังบนตัวของหานฉ่ายหลิง “คุณหาน ขอพูดในสิ่งที่ไม่เข้าหูหน่อย คุณโปรดอย่าถือสา”
“คุณพูดมา”
“ไม่ทราบว่าคุณหานรู้จักแหวนที่ชื่อ ‘ราชินีโจเซฟิน’ มูลค่าการตลาดมีสิ่งที่ไน้มูลค่าอยู่”
หานฉ่ายหลิงขมวดคิ้วเล็กน้อย “ไม่รู้ว่าคุณโม่ต้องการพูดอะไรกันแน่? สู้พูดมาตรงๆ ดีกว่า”
“แหวนวงนี้ ได้มอบให้กับภรรยาอันเป็นที่รักของเขา ความหมายคือจับมือกัน ความรักนิรันดร์ และมีเรื่องรักที่ไม่รู้จบ เรื่องความรักในปีนั้นยังออกมาไม่มีสิ้นสุด ได้ยินมาว่ายังมีคุณผู้หญิงคนโปรด ชื่อว่าอะไรนะ คุณหานน่าจะรู้นิทานเหล่านี้?”
หานฉ่ายหลิงฉลาดขนาดนี้ ทำไมถึงจะไม่เข้าใจความหมายในคำพูดของโม่หว่านหว่านกันล่ะ
เธอจงใจไม่ต่อบทสนทนา เพียงแค่ยิ้มบางๆ รอยยิ้มนั้นเรียบง่าย ไม่มีความหมายของศัตรูเลยสักนิด
ยิ่งเป็นเช่นนี้ ยิ่งทำให้โม่หว่านหว่านรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ มีอะไรซ่อนเร้น ไม่ใช่คนดี!
ไม่นาน โม่หว่านหว่านก็ชี้ให้เห็นตรงๆ และพูดอย่างเย็นชาว่า “บางทีคุณหานและประธานลี่อาจบังลืมกันไม่ลงจริงๆ ฉันก็สามารถเข้าใจได้ ในใจของทุกคนล้วนมีอดีตที่ลืมไม่ลง แต่คุณต้องเข้าใจว่า ประธานลี่เป็นผู้ชายที่แต่งงานแล้ว การเป็นมือที่สามนั้นไม่ใช่เรื่องสนุก!”
หานฉ่ายหลิงหัวเราะเบาๆ “ที่แท้ ดูเหมือนว่าคุณโม่จะอคติกับฉันมากเกินไป!”
“นี่ไม่ใช่อคติ และไม่ใช่คำเตือน—”
เนื่องจากโม่หว่านหว่านจากมุมมองของคนอื่น ไม่ใช่เรื่องที่เกี่ยวกับตัวเอง มีสิทธิ์อะไรมากล่าวเตือน เธอเพียงแค่หาความจริง กับสิ่งที่ถูกต้องไม่ใช่ถูกคน
ตามมาด้วย และยังได้พูดเสริมในสิ่งที่ยังพูดไม่เสร็จว่า “เป็นเพียงคำแนะนำที่หวังดี เนื่องจาก ทุกคนที่เป็นมือที่สาม ล้วนภาคภูมิใจได้สักพัก เมื่อผ่านไปต้องเจอกับจุดจบที่อนาถ คุณหานเป็นคนเก่ง ไม่จำเป็นต้องตกไปอยู่ในจุดนั้น ใช่ไหม?”
ในคำพูด ยังแสร้งทำเป็นยกยอหานฉ่ายหลิง แต่ความเป็นศัตรูกัน ได้ถ่ายทอดออกไปนานแล้ว
รอยยิ้มของหานฉ่ายหลิงไม่ลดลง พูดเพียงแค่ว่า “ฉันดีใจแทนคุณซูที่มีเพื่อนอย่างคุณ ขณะเดียวกัน ก็รู้สึกอิจฉาเล็กน้อย”
“เกรงว่าความอิจฉาของคุณหาน ไม่ได้มีเพียงแค่นี้!” โม่หว่านหว่านก็ยิ้มขึ้นมา เพียงแค่ยกริมฝีปากขึ้นอย่างเย็นชา และเต็มไปด้วยความเย้ยหยัน
สุดท้าย ก่อนที่เธอจะไป ได้พูดทิ้งท้าย ซึ่งดังก้องอยู่ในหูของหานฉ่ายหลิง เป็นเวลานานยากที่จะลืม
สิ่งที่โม่หว่านหว่านพูดก็คือ—คุณสามารถหลอกคุณซูผู้ไร้เดียงสาและมีจิตใจดี แต่คุณหลอกฉันไม่ได้ ผู้หญิงด้วยกัน จะไม่รู้ว่าใครเป็นยังไงได้อย่างไรกัน? คิดเองแล้วกัน!”
สี่คำสุดท้าย นั้นง่ายและกระชับ
เพราะโม่หว่านหว่านไม่สามารถแน่ใจได้ว่า หานฉ่ายหลิงเคยทำหรือไม่ แต่เธอมีลางสังหรณ์ ว่าผู้หญิงคนนี้…เป็นมือที่สามที่ไม่ธรรมดา ไม่ใช่คนที่จะจัดการได้ง่ายๆ!
ทางด้านตระกูลซู ซูหยวนเอนกายลงบนโซฟา ชื่นชมภาพถ่ายที่ได้ถ่ายไว้เมื่อคืน ผู้ชายปกป้องผู้หญิงไว้ในอ้อมกอดอย่างแนบแน่น และผู้หญิงก็นอนกอดเขาคนนั้นไว้ ด้วยสีหน้าตื่นตกใจ และไม่สบายใจ
จ้องมองสีหน้าที่เนียนละเอียดของผู้หญิงคนนั้น ซูหยวนยกริมฝีปากขึ้นยิ้ม รู้สึกมาโดยตลอดว่าหลินโม่ป่ายต้องยังไม่ลืมซูหยวนแน่นอน และมันก็ได้ยืนยันในสิ่งที่เธอคาดคิดไว้จริงๆ!
เพียงแค่นำภาพถ่ายนี้ส่งให้ลี่เฉินซีดูสิว่าซูย้าวจะปฏิเสธอย่างไร!
“หยวนหยวน ทำไมเธอถึงยังอยู่ในห้องล่ะ? รีบไปเตรียมตัว มีงานเลี้ยงในตอนบ่ายไม่ใช่เหรอ?” มีเสียงเรียกตามของซัวฉ่ายลี่มาจากด้านนอก
ซูย้าวถึงนึกขึ้นได้ ว่ายังมีงานเลี้ยง…
มองดูภาพถ่ายในมือถืออีกครั้ง ครั้งนี้ช่างน่าสนใจแล้ว!