บทที่ 122 พวกเราทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ
หน้าของหานฉ่ายหลิงค่อยๆแดงขึ้น เธอหลบตาอย่างเขินอาย สามารถรับรู้ถึงสายตาคนรอบข้างที่จับจ้องมาที่ตัวเอง สายตาที่สงสัย ตกใจ แต่ส่วนมากคืออิจฉาริษยามากกว่า
พริบตาเดียว หานฉ่ายหลิงราวกับกลายเป็นจุดสนใจของทั้งงาน ถูกคนนัดร้อยจ้องมอง สายตาของผู้คนเกาะติดที่ตัวของเธอ
ในนี้รวมถึงซูย้าวด้วย
เธอไม่รู้ว่าสายตาของเธอที่มองหล่อนคือยังไง ยิ่งอธิบายความรู้สึกตอนนี้ไม่ได้ เพียงแค่จ้องมองไปที่เขากับเธออย่างอึ้งนิ่ง ราวกับเป็นคนนอก
“ของขวัญ?”หานฉ่ายหลิงพูดด้วยเสียงเบา แล้วยกมือไปจับจี้บนคอของตัวเองโดยสัญชาตญาณ
นี่เป็นความเคยชินของเธอมาหลายปี ชอบสัมผัสจี้นี้
เหมือนได้จับมือของเขา รู้สึกอุ่นใจและสบายใจ
หรือว่าจะเป็นสร้อยคองั้นหรอ?
แต่ว่า ในเวลานี้ ในสถานการณ์แบบนี้ นั้นข้อกล่าวหาที่ว่าเธอเป็นเมียน้อยก็เป็นเรื่องจริงล่ะสิ พาดหัวข่าวของพรุ่นนี้ไม่รู้ว่าจะถูกคนพวกนั้นเขียนลงยังไงอีก
ข้อสงสัยในใจสับสนวุ่นวายและผู้ชายตรงหน้าก็ยื่นถือมาจูงมือของเธอเดินไปบนเวทีอย่างเร็ว
“เฉินซี ที่นี่?”เธอพยายามกดเสียงให้เบา เตือนเขาอย่างระมัดระวัง
ลี่เฉินซีเป็นคนขี้อายถ่อมตัว ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือว่าเรื่องร้าย ก็ระมัดระวังและเคร่งขรึมอย่างมาก ไม่ชอบอะไรหวือหวา รวมถึงตอนนั้นที่พวกเขาคบกันอยู่ ก็ไม่เคยเห็นเขาโชว์ความหวานเลยสักครั้ง……
แล้ววันนี้เกิดอะไรขึ้น?!
ในใจของหานฉ่ายหลิงลุกลี้ลุกลน ยิ่งยุ่งเหยิง มือน้อยๆของเธอใช้แรงดึงเขาทีนึง“นี่มันไม่ดีมั่งคะ !อย่าทำแบบนี้เลยนะ……”
เธอหวังดี ถ้าหากตอนนี้ เขาทำอะไรก็ตามบนเวทีจริง ในใจลึกๆของเธอก็รู้สึกชอบทั้งนั้น แต่ว่าความสุขนี้มาอย่างกระทันหันมาก ข้างล่างมีผู้ชมอยู่มากมาย และฐานะของทั้งสองคน และปัจจัยต่างๆทำให้หานฉ่ายหลิงไม่กล้าทำแบบนี้จริงๆ!
สุดท้าย วินาทีที่มาถึงบนเวที เธอใช้แรงที่มีอยู่ทั้งหมดสะบัดมือของเขาทิ้ง แล้วพูดด้วยเสียงเบา“เฉินซี พวกเราทำแบบนี้ไม่ได้นะคะ !ไม่ได้จริงๆ!”
พูดจบ ก็จะหันกลับไป
แต่ขายังไม่ทันจะก้าวและตัวก็ยังไม่ทันจะหันกลับไป ก็ถูกแรงจากด้านหลังจับแขนเรียวของเธอไว้ และเสียงทุ้มต่ำของเขาก็ตามมาติดๆ“ทำไมจะไม่ได้ล่ะครับ?”
หานฉ่ายหลิงหลับตาลงทีนึง หรือว่าจะให้เธออธิบายตรงนี้หรือไง?
เธอหันตัวไปอย่างทำอะไรไม่ถูก ทำท่าจะเปิดปากพูด ระหว่างที่ยังไม่รู้จะพูดอะไร ก็เห็นพนักงานสาวสาวต้อนรับหน้างานที่สวมชุดกี่เพ้าสีแดงเดินขึ้นบนเวที ในมือถือถาดไว้อันนึง
หานฉ่ายหลิงรู้สึกมึนงง ลี่เฉินซีกลับหยิบสัญญาขึ้นมาจากในถาดของพนักงานสาวสาวต้อนรับหน้างานมาโดยตรง
ทันใดนั้น ผู้ชายหยิบสัญญาไว้แล้วประกาศต่อหน้าแขกที่อยู่ในงาน“ตั้งแต่วันนี้ไป บริษัทลี่ซื่อกับบริษัทHSได้ลงนามความร่วมมืออย่างเป็นทางการโครงการCCU ตั้งแต่ตอนนี้ จะมีประธานหานเป็นผู้ดูแลโครงการ บริษัทลี่ซื่อมีหน้าที่เพียงแค่ให้ความสนับสนุนและให้คำปรึกษาเท่านั้น”
จากนั้น ก็เป็นการอธิบายทางการต่องๆนานา และยังมีทนายความของบริษัทลี่ซื่อที่ขึ้นเวทีเพื่อชี้แจงรายละเอียดเกี่ยวกับผลได้ผลเสียทางกฏหมายในสัญญา
สรุปโดยรวม พูดตรงๆก็คือ โครงการCCU ถูกบริษัทลี่ซื่อยกให้กับบริษัทหานซื่อไปแล้วอย่างโดยตรง และบริษัทลี่ซื่อก็ไม่ได้ผิดสัญญาโดยตรง ยังเป็นผู้ให้การสนับสนุนและที่ปรึกษาให้กับบริษัทหานซื่อ จนกว่าโครงการCCUจะเสร็จสมบูรณ์
และกำไรทั้งหมดยกให้กับบริษัทหานซื่อไปเช่นกัน ค่าใช้จ่ายที่อยู่ในความดูแลของบริษัทลี่ซื่อจะรับผิดชอบเองทั้งหมด
ประกาศนี้ออกไป แขกที่อยู่ด้านล่างเวทีอึ้งไปตามๆกัน
เจี่ยงเวินอี๋ ซูย้าว และพ่อหาน แม้กระทั่งหานฉ่ายหลิงเองก็ตะลึงจนลืมตาโต
หรือว่านี่ก็คือของขวัญที่เขาพูดถึง?!
เขายกโครงการCCUให้กับตัวเอง เพื่อช่วยให้บริษัทหานซื่อผ่านพ้นวิกฤต ยกโครงการที่ใครๆก็อยากได้ให้กับเธออย่างไม่ลังเล การกระทำที่ใจเด็ดแบบนี้ มันหมายความว่ายังไง?
เจี่ยงเวินอี๋นิ่งไปอยู่นาน จนกระทั่งมีภรรยาเศรษฐีที่อายุวัยเดียวกันมาคุยด้วยกับเธอ ถึงฝืนใจได้สติกลับมา
“ประธานลี่เก่งกาจจริงๆเลยนะคะ!ออกมือครั้งนึงไม่ธรรมดาเลย โครงการCCUเสร็จลงนั้น กำไรเป็นหลายพันล้านเลยนะคะ!เงินก้องใหญ่เช่นนี้ ยังไม่อิจฉาตาร้อนเลย ไม่ใช่คนธรรมดาจริงๆ!”
“ก็แน่นอนสิ ประธานลี่ทั้งคน ยังจะมีอะไรให้พูด?คุณหานช่างมีบุญวาสนาจริง!สามารถทำให้ประธานลี่ออกมือได้สปอร์ตใจเด็ดขนาดนี้ คาดว่าเธอคงเป็นคนแรกในประวัติศาสตร์แล้ว!”
“ยังไงซะ คุณหานก็เป็นรักแรกของประธานลี่เชี่ยวนะ!ใครๆเขาก็พูดแบบนี้ไม่ใช่หรอ?ผู้ชายปฏิบัติต่อรักแรกมันต่างกัน ชีวิตนี้ก็ยากที่จะลืมเลือน!”
“อิจฉาคุณหานจริงๆ ต่อจากนี้ไม่เกินหนึ่งปี บริษัทหานซื่อต้องไม่หยุดอยู่แค่นี้แน่ ในอนาคตต้องรุ่งเรืองไปได้ไกลในไม่ช้าแน่!”
“นี่เรียกว่าเพื่อคนรักแล้วทุ่มเท่าไหร่ก็ยอม ชีวิตนี้มีแฟนแบบนี้ได้สักคน ก็ไม่ขออะไรอีกแล้ว!”
รอบๆต่างมีคำวิภาวิจารณ์ต่องๆนานา เจี่ยงเวินอี๋ฝืนใจยิ้มขึ้นสองที ยกเหล้าที่อยู่ในมือ เงยหน้าแล้วดื่มจนหมด
เธอก็ไม่เข้าใจว่าที่ลูกชายทำแบบนี้เพื่ออะไรกันแน่ บริษัทลี่ซื่อมีเงินก็จริง ไม่แคร์กับเงินพันล้านแค่นี้หรอก แต่มีใครบ้างที่ไม่อยากเห็นเงินเข้ากระเป๋าตัวเองล่ะ?แน่นอนว่ายิ่งเยอะก็ยิ่งดี โครงการดีๆแบบนี้ ยกให้บริษัทหานซื่อไปเฉยๆทำไมกัน!
ซูย้าวยืนอยู่อย่างเงียบๆในฝูนชน รู้สึกว่าในขณะนี้เลือดในร่างกายแข็วตัวไปหมด ข้อทุกข้อเหมือนเป็นสนิม ไม่มีการตอบสนองเป็นเวลานาน ได้ยินแต่เสียงซุบซิบข้างหู มองชายหญิงที่ยืนอยู่บนเวทีไกล
หัวใจทั้งดวง ถูกบีบจนแตกสลาย
โครงการCCU คือเธออดหลับอดนอนเป็นเวลานาน ไม่ถึงขั้นเอาเป็นเอาตายจนกระอักเลือด แต่ก็ทุ่มเทแรงกายและแรงใจ และที่สำคัญ โครงการนี้ เธอทำขึ้นสำหรับบริษัทลี่ซื่อโดยเฉพาะ !
หรือพูดอีกอย่าง ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เธอจะทุ่มเทขนาดนี้เพื่ออะไร!
ลี่เฉินซี เป็นเพราะคุณรู้ว่าเธอคือคุณS เป็นคนสร้างCCUกับมือ เลยถึงได้‘ใจกว้าง’ยกให้คนอื่นไปอย่างง่ายๆแบบนี้ใช่มั้ย?
ใช้มีดทิ่มแทงที่หัวใจของเธอ ยังยิ้มเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วยังถามเธอว่าเจ็บมั้ย?
ผู้ชายบนเวทียืนสูงสง่าเปิดเผย สายตากวาดไปรอบๆงาน หางตาจ้องมองเงาของสาวสวยคนนึง ดวงตาที่ปกปิดความลับยิ่งดูลึก
ทันใดนั้น ซูย้าวเงยหน้าขึ้นแล้วสายตาชนกับเขาที่อยู่บนเวทีอย่างไม่ตั้งใจ
วินาทีที่ประสานสายตากัน เธอก็เหมือนจะเข้าใจได้แล้ว
ซูย้าวจู่ๆก็รู้สึกหายใจไม่ออก ขาดสติมึนงงไปนานสักพัก ถึงสูดหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นมุมปากของเธอก็ยกขึ้นอย่างเย็นชา
เธอคงลืมไปว่าเขาคือใคร เขาเป็นลี่เฉินซี ด้วยความสามารถของตัวเอง ก็สามารถทำให้บริษัทลี่ซื่อกลายเป็นบริษัทอันดับหนึ่งของบริษัทชั้นนำที่มีเป็นร้อยของโลก การวางแผนสั่งการและการควบคุมของเขาดีเยี่ยม แล้วยังจะต้องการความช่วยเหลือจากผู้หญิงได้ยังไง?
แถมผู้หญิงคนนี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น ก็คือเธอ
คนใบ้คนนึง
ซูย้าวยิ้ม รอยยิ้มที่ควบคุมไม่ได้ไม่จางหายไปสักที เธอค่อยๆหันตัวแล้วเดินออกไปจากห้องรับรอง
ลี่เฉินซียืนอยู่บนเวที สายตาตามเงาหลังของเธอไป ไม่ยอมห่างจนเธอเดินออกจากห้องงานเลี้ยง
ระเบียงทางเดินที่เงียบสงบ ไม่ค่อยมีคนเดินผ่านไปมา จนสุดท้ายซูย้าวควบคุมไม่ไหว ทั้งที่ยิ้มๆอยู่ตาก็เริ่มแดงขึ้น
สุดท้ายแล้ว ก็คือเขาไม่รักเธอ แม้แต่ความเคารพขั้นพื้นฐานที่ควรมีก็ขี้เกียจจะให้เธอ
ไม่รู้จะอยู่ที่นี่ต่อเพื่ออะไร ซูย้าวออกจากโรงแรม กลางคืนลมเย็น ได้เดินเล่นสักพัก อาจจะเป็นการดี!
เธอคิดแบบนี้ แต่ยังไม่รอให้เธอได้ทำ โรลส์รอยซ์สีดำคันนึงก็ได้ขับมา
หวางอี้จอดรถไว้ข้างทาง จากนั้นก็ลงจากรถ “คุณผู้หญิง จะกลับบ้านหรอครับ?ให้ผมไปส่งเถอะครับ!”
ซูย้าวพยักหน้า หวางอี้รีบเปิดประตูรถเบาะนั่งหลังออก ตอนที่เธอกำลังจะเข้าไปนั้น กลับถูกคนใช้แรงจับแขนไว้
พอหันมา แล้วมองลู่ส้าวหลิงที่อยู่ตรงหน้าอย่างตกใจอึ้ง สายตาของซูย้าวดูประหลาดใจ
“ซูย้าว ผมมีธุระอยากจะคุยกับคุณหน่อย ?สะดวกมั้ยครับ?”
ลู่ส้าวหลิงถามคือถาม แต่การกระทำกลับไม่ปล่อยให้เธอมีโอกาสปฏิเสธเลย ดึงซูย้าวไปที่รถคันหลังโดยตรง