ตอนที่ 679 ประธานเชี่ยนก็คือซานไต้หวาง
สุ่ยเซียนที่ถูกเสี่ยวเชี่ยนแทงซ้ำพอได้ยินว่าเสี่ยวเชี่ยนบอกว่าตัวเองเป็นพี่…ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป
“ฉันหาเรื่องตรงไหน! ฉันกำลังเศร้านะ!”
“เศร้ากับผีสิ! ส่งข้อความไปบอกคิดว่าเป็นนางเอกงั้นสิ ก็แค่อยากจะหนีปัญหาไม่ใช่เหรอ? ถ้าเธออยากจะเลิกจริงๆตอนนี้ก็ออกจากบ้านฉันไปได้เลย แล้วรีบไปเผชิญหน้ากับเขา ถามเขาว่ามีทางแก้ทางไหนได้บ้าง ถ้าเขาไม่มีไอเดียดีๆงั้นก็ตบสักฉาดก่อนเลิก เธอเล่นส่งข้อความแล้วหนีปัญหาแบบนี้ได้ยังไง เธอเป็นว่าที่ท่านประธานนะ ฉันล่ะโกรธแทนลูกน้องเธอจริงๆ เธอเป็นแบบนี้แล้วจะดูแลกิจการได้ยังไง?”
“พ่อบอกว่าต่อไปกิจการเป็นของพวกเราสองคน ถ้าฉันไม่ไหวก็ให้เธอทำแทน”
“ทำตัวให้มีอนาคตหน่อย! พ่อบุญธรรมหมายถึงเธอกินเนื้อแล้วให้ฉันดื่มซุป เขาแค่พูดเพื่อความสบายใจเธอก็คิดจริงเหรอ? ของขวัญแต่งงานที่ให้ฉันก็เพราะอยากให้ฉันทำงานให้กับพวกเธอ ให้ฉันไปเป็นที่ปรึกษาก็ยังพอทน แต่อย่าคิดจะให้ฉันไปยุ่งเรื่องงานบริหารของพวกเธอเป็นอันขาด แค่งานฉันก็ยุ่งจะตายอยู่แล้ว”
“ฉันเพิ่งพบว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไร้เยื่อใยมาก เมื่อกี้เธอยังบอกว่าเราเป็นพี่น้องกันอยู่เลย พอให้ช่วยหน่อยเธอก็ถอยแล้ว!”
“เธอต่างหากที่จัดลำดับความสำคัญผิด พ่อเธอไม่ไหวก็ยังมีจูขี้บ่น จูขี้บ่นไม่ไหวถึงจะเป็นฉัน ผู้ชายสองคนของเธอยังไม่ล้มลงเธอจะมาหวังกับฉันทำไม!”
“ตอนนี้พ่อบอกว่าจะไม่ยุ่งเรื่องการตัดสินใจของฉัน ต่อไปให้ฉันตัดสินใจเอาเอง นี่เต๋อซีก็เลิกกับฉันแล้ว ฉันก็เหลือแค่เธอนะ! แต่เธอไม่เพียงแต่จะไม่ปลอบใจฉัน ยังทำร้ายจิตใจฉันด้วย!”
“คำพูดนี้ไว้รอเธอเลิกกันจริงๆแล้วค่อยมาพูดกับฉัน ฉันไม่อยากคุยกับผู้หญิงที่คิดเป็นตุเป็นตะไปเอง จำไว้ให้ดีนะ ถ้าถึงวันที่ทุกคนทิ้งเธอไปแล้วจริงๆล่ะก็ฉันเฉินเสี่ยวเชี่ยนจะอยู่เป็นกองหนุนให้เธออย่างแน่นอน แต่ตราบใดที่เธอยังมีคนเก่งๆอยู่ข้างกายก็อย่ามาวุ่นวายกับฉัน ไม่เห็นเหรอว่าตอนนี้ฉันงานยุ่งมาก?”
เสี่ยวเชี่ยนกวาดตามองรอบบ้านที่ถูกอวี๋หมิงหลางทำไว้เละเทะแล้วก็ถอนหายใจ เธอเปิดดูหนังสือที่สุ่ยเซียนซื้อมาให้ หน้าแรกเขียนไว้เป็นภาษาอังกฤษว่า ห้ามปูพื้นสีเขียวเป็นอันขาด เพราะยากที่จะหาเฟอร์นิเจอร์ที่เข้ากันได้
พอเห็นพื้นบ้านที่เป็นสีเขียวแล้วเสี่ยวเชี่ยนก็จนใจ
เธอยุ่งมากจริงๆนะ…
สุ่ยเซียนรู้สึกเคว้ง แต่เธอพบว่าเชี่ยนเอ๋อเก่งมากจริงๆ หลังจากที่เชี่ยนเอ๋อตอกกลับเธอ สิ่งที่อัดอั้นอยู่ในใจมาหลายวันเหมือนได้ถูกระบายออก เชี่ยนเอ๋อบอกว่ารอเธอเลิกกันแล้วจริงๆถึงจะมาช่วยเธอ แต่ตอนนี้ไม่อยากยุ่งด้วย…
นี่ตอนนี้ยังไม่ถือว่าเลิกกันอีกเหรอ? พอนึกถึงตรงนี้ทำไมในใจถึงรู้สึกโล่งอกล่ะ?
ที่ด้านนอกประตู บอดี้การ์ดอาเหม็ดดึงหูฟังขนาดเล็กออก นั่นคือเครื่องดักฟัง เขาได้ยินบทสนทนาระหว่างสุ่ยเซียนกับเสี่ยวเชี่ยนอย่างชัดเจน
ทังต้าเย่ให้ของขวัญแต่งงานอะไรกับเสี่ยวเชี่ยนกันแน่ แล้วเรื่องที่เฉินเสี่ยวเชี่ยนพูดกับทังสุ่ยเซียนมันหมายความว่ายังไง?
ในสายตาของผู้ชายที่ประวัติไม่ธรรมดาคนนี้กำลังคิดหนัก เขาไม่รู้ว่าเฉินเสี่ยวเชี่ยนคนที่อยู่เบื้องหลังตระกูลทังคนนี้จะส่งผลอย่างไรต่อแผนการของเขาบ้าง แต่สัญชาตญาณบอกเขาว่า ผู้หญิงคนนี้ไม่ธรรมดา
เสี่ยวเชี่ยนพูดไม่กี่ประโยคก็สงบสติอารมณ์ของสุ่ยเซียนได้ เธอไม่เป็นห่วงเรื่องความรักของสุ่ยเซียน ตอนนี้เรื่องที่เธอคิดอยู่ก็คือเรื่อง ‘บอดี้การ์ด’ของสุ่ยเซียน การที่เขามาเป็นบอดี้การ์ดตกลงว่ามันดีหรือไม่ดีกับสุ่ยเซียน? จุดประสงค์ที่แท้จริงของเขาคืออะไร ประธานเชี่ยนยังคงต้องสังเกตการณ์ต่อไป
เสี่ยวเชี่ยนออกไปกินข้าวกับสุ่ยเซียน ถึงสุ่ยเซียนจะเป็นลูกสาวเศรษฐี เป็นว่าที่บอสใหญ่ แต่เรื่องกินข้าวนั้นชอบกินแบบง่ายๆ ร้านที่เลือกก็เป็นร้านที่คนทั่วไปกินกัน
เสี่ยวเชี่ยนเห็นเธอกินอย่างเอร็ดอร่อย “อร่อยขนาดนั้นเลยเหรอ?”
“พอโรคเบื่ออาหารหายกินอะไรก็อร่อย” โรคเบื่ออาหารของสุ่ยเซียนได้เสี่ยวเชี่ยนเป็นคนรักษา พ่อให้เธอหยุดสองวัน เวลาอยู่กับเสี่ยวเชี่ยนเธอสามารถทำตัวเป็นผู้หญิงทั่วไปได้ ไม่มีเรื่องกวนใจ กินข้าวก็อร่อย
“เธอกินอร่อยเพราะโรคเบื่ออาหารหายแล้วหรือเพราะฉันบอกว่าเธอไม่ได้เลิกกันจริงๆเลยกินอร่อย?” สมกับเป็นประธานเชี่ยน นัดเดียวจอด
“แค่กๆ!” สุ่ยเซียนสำลัก
เสี่ยวเชี่ยนแกล้งเธอพอแล้วจึงวกกลับเข้าประเด็น
“โรคจิตเวชถ้าควบคุมได้ดีก็จะกลายเป็นแรงผลักดันให้เรา อย่างเช่นถ้าคุมโรคซึมเศร้าได้ก็จะยิ่งเข้าใจชีวิต เผชิญหน้ากับปัญหาต่างๆได้ คนที่เป็นโรคไบโพลาร์ส่วนใหญ่จะเป็นพวกเจ้านายจอมเผด็จการ โรคเบื่ออาหารถ้าหายดีแล้วต่อไปจะทำให้เธอรับรสอร่อยของอาหารได้ เลิกกันไม่สำเร็จบางทีอาจทำให้ได้เห็นปัญหาในอีกด้าน ถ้าแก้ไขได้ไม่แน่จะยิ่งทำให้ความสัมพันธ์ดีมากขึ้นกว่าเดิมนะ”
เรื่องทุกอย่างบนโลกนี้ล้วนมีสองด้าน ทุกอย่างล้วนมีด้านดี โรคจิตเวชก็เช่นกัน
ประโยคสุดท้ายกินใจสุ่ยเซียนที่สุด รู้สึกกดดันเล็กน้อยแต่ก็แอบมีความหวัง เธอสบตาเสี่ยวเชี่ยน ไม่อยากให้ผู้หญิงที่อ่านใจออกคนนี้แฉต่อจึงทำเป็นเปลี่ยนเรื่อง
“จริงสิ น้องผู้หญิงที่อยู่กับเธอทำไมไม่พามาให้รู้จักล่ะ?”
สุ่ยเซียนรู้ว่าญาติของอวี๋หมิงหลางมาอาศัยอยู่กับเสี่ยวเชี่ยนด้วย
“ช่วงนี้เขามีธุระน่ะ” เสี่ยวเชี่ยนยิ้มแบบมีเลศนัย เธอเอามือดันแว่น
“สีหน้าเธอบอกฉันว่า เธอเสนอไอเดียชั่วร้ายให้ใครสักคนไปอีกแล้ว” สุ่ยเซียนรู้จักเสี่ยวเชี่ยนมาหลายปีย่อมมองออก
แค่ประธานเชี่ยนเสนอแผนชั่วร้ายอะไรออกไปเธอก็จะยิ้มเจ้าเล่ห์ จากนั้นก็ดันแว่นตา
“ชัดเจนขนาดนั้นเลย?” เสี่ยวเชี่ยนเสนอไอเดียเด็ดให้หลิวเหมยไปจริงๆ
สุ่ยเซียนเลียนแบบท่าดันแว่นตา เสี่ยวเชี่ยนถึงกับกลุ้ม
“ฉันว่าเดี๋ยวฉันหาเวลาไปทำเลสิคดีกว่า ใส่แว่นแล้วพวกเธอเดาทางฉันออก”
“ฉันคิดว่าอวี๋หมิงหลางไม่มีทางให้เธอทำ”
เรื่องที่สุ่ยเซียนเดาได้ อวี๋หมิงหลางก็ย่อมเดาได้ การได้ดูประธานเชี่ยนแกล้งคนอื่นเป็นเรื่องสนุกมาก
“คำพูดเขาไม่มีผลหรอก จดทะเบียนไปแล้วเขาก็เป็นคนของฉัน ฉันว่ายังไงก็ต้องตามนั้น”
สุ่ยเซียนหัวเราะ “ทำไมฉันถึงรู้สึกว่าเธอเหมือนกับซานไต้หวาง[1]เลย แล้วเขาเป็นผู้ชายที่ถูกเธอลักพาตัวมา”
“ถูกฉันจับลักพาตัวก็แสดงว่ามีค่า ไม่งั้นทำไมฉันไม่ไปจับคนอื่น?” เสี่ยวเชี่ยนพูดอย่างภูมิใจ
ขณะที่ทั้งสองคนกำลังคุยกันอยู่นั้น ด้านนอกก็เกิดการถกเถียงกัน
‘บอดี้การ์ด’ของสุ่ยเซียนทะเลาะกับพนักงานร้าน
สุ่ยเซียนลุกออกไปดูเหตุการณ์
“เกิดอะไรขึ้น?” สุ่ยเซียนถามบอดี้การ์ด
“พนักงานจะแบ่งโต๊ะให้ลูกค้าคนอื่น ผมกำลังเจรจาครับ” บอดี้การ์ดอาเหม็ดตอบ
พนักงานแทบอยากร้องไห้ พี่ชาย นั่นเรียกเจรจาเหรอ แถวบ้านเรียกข่มขู่
สุ่ยเซียนกับประธานเชี่ยนมากินค่อนข้างช้า ห้องส่วนตัวถูกจองไปหมดแล้ว เหลือแค่ห้องใหญ่ที่มีสองโต๊ะ
“อย่าทำให้พนักงานเดือดร้อนเลย พวกเราก็ไม่ใช่คนสูงส่งอะไร โต๊ะอื่นเต็มก็ให้เข้ามาเถอะ” สุ่ยเซียนเตือนบอดี้การ์ดว่าออกมาข้างนอกต้องถ่อมตัวเข้าไว้ พนักงานมองสุ่ยเซียนอย่างขอบคุณ
ข้างพนักงานมีผู้หญิงวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐานยืนอยู่ มีคนหนึ่งสวมแว่นกรอบดำ เสี่ยวเชี่ยนเห็นแล้วก็รู้สึกว่าทำไมหน้าคุ้นๆ?
อ๋อ นึกออกแล้ว!
[1] ซานไต้หวาง วรรณกรรมเยาวชนของญี่ปุ่นที่มีตัวเอกเป็นผู้ชายที่ใช้ชีวิตร่วมกับหมีดำ