บทที่ 239 ความสัมพันธ์ของพวกคุณคืออะไร?
หนึ่งสัปดาห์ต่อมา เกี่ยวกับการดำเนินคดีสิทธิ์การดูแลเด็กที่หย่าร้างได้เข้าสู่ขั้นตอนที่ร้อนแรงในเวลานี้
บรรยากาศในห้องพิจารณาคดีค่อนข้างตึงเครียด คิ้วขมวดของประธานกรรมการไม่คลายลงเลยตั้งแต่เริ่ม นี่เป็นคำถามง่ายๆเกี่ยวกับปัญหาสิทธิ์การดูแลเด็ก เกี่ยวกับดีหย่าร้างที่ปกติมีจำนวนน้อย แต่ฐานะทางสังคมของทั้งสองฝ่ายและความสนใจจากคนภายนอกที่มองมา
แม้แต่ทนายว่าความของทั้งสองฝ่าย ต่างก็เชิญนักกฎหมายมือทองหน้าใหม่ที่โดดเด่นที่สุดของประเทศสองท่าน พวกเขามีชื่อเสียงว่า พวกเขาไม่เคยว่าความแพ้ ไม่มีใครยินยอมจะทำคดีนี้ และทำลายชื่อเสียงของตัวเอง มีการประลองฝีมือกันมานานแล้วอย่างลับๆ คล้ายจะอยู่ในสภาวะสถานการณ์ตึงเครียดทีเดียว
“นี่คือข้อมูลของโจทย์ฝ่ายผมให้ไว้”
ทนายฝ่ายจำเลยของอีกฝ่ายได้ยื่นเรื่องต่อศาลอย่างกะทันหัน ประธานผู้พิพากษาได้พลิกอ่านเรื่องนี้ จากนั้นจึงส่งให้โจทก์อ่านผ่านตา
เป็นใบรับรองแพทย์กรณีของซูย้าวเองซึ่งแสดงให้เห็นว่าเป็นความจริงที่เธอตั้งครรภ์ได้สี่เดือนแล้ว
“ตามที่ทราบมา โจทก์นางสาวซูย้าวป่วยพิการสูญเสียความสามารถในการพูด พูดไม่ได้ ไม่สามารถส่งเสียง ใช้คำพูดธรรมดาสามัญมาพูดคือ เป็นคนใบ้ และตอนนี้ได้ตั้งครรภ์อีกครั้ง ด้วยสภาพร่างกายเช่นนี้ จะเลี้ยงเด็กผู้ชายอายุสามขวบได้อย่างไรกัน?”
ฝีปากของทนายนับว่าดีมาก การเผชิญหน้าในศาลต้องใช้ภาษาโดยนัย อธิบายข้อดีทั้งหมดของฝ่ายตัวเอง ชายหนุ่มยังกล่าวอีกว่า “และเด็กอายุสามขวบไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความรักความอบอุ่นของมารดาเลยตั้งแต่อายุยังน้อย แม้แต่การดูแลของคุณแม่ที่ตั้งครรภ์ ตลอดจนในอนาคตเราต้องคำนึงถึงทุกด้านเสมอ เหตุที่จะเกิดภัยมีแม่พิการทางการสื่อสาร ความกดดันในชีวิตแบบนี้สามารถนำไปวางไว้บนชีวิตเด็กคนหนึ่งหรือ? ผมขอให้ผู้พิพากษาประธานคณะลูกขุน โปรดพิจารณาสักนิดเพื่อเด็กคนนี้ให้มากขึ้นด้วย!” จากนั้นทนายคนเดิมก็เดินไปทางคณะลูกขุน ก่อนพูดอีกครั้งว่า “เด็กน้อยลี่เจิ้ง เขาเกิดมาในครอบครัวที่ยอดเยี่ยม มีพ่อที่แข็งแรง คุณย่าที่มีการศึกษาดีงาม และโจทย์ของผมก็ได้ให้สัญญาว่า จะทำให้เด็กได้รับการศึกษาและมีสภาพความเป็นอยู่ที่ดีที่สุด ในอนาคตเขาจะกลายเป็นทายาทของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป อนาคตและเส้นทางที่ดีพ่อแม่ทุกคนไม่อยากให้ลูกๆหรือ? ถ้าอย่างนั้น พวกเรามีสิทธิ์อะไรมาลิดรอนทั้งหมดนี้ออกไป?”
นี่อาจกล่าวได้ว่าพูดอย่างน้ำไหลไฟดับ เพียงไม่กี่คำ ทุกคนที่มาร่วมประชุมรวมทั้งประธานผู้พิพากษาต่างก็รู้สึกหวั่นไหวหลายคนกระซิบกระซาบและพูดคุยหารือกันด้วยน้ำเสียงที่ต่ำ
ซูย้าวนั่งอยู่ตรงนั่น เหงื่อกาฬไหลออกเต็มฝ่ามือเพราะความประหม่า รูปแบบขณะนี้ ตกไปอยู่ข้างลี่เฉินซีโดยสมบูรณ์
นอกเวที เจี่ยงเวินอี๋มองไปยังทุกคนในที่เกิดเหตุด้วยใบหน้าที่มีความสุข เมื่อผ่านซูย้าว ก็ยิ้มด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน จงใจเปิดเผยความรู้สึกดูถูกที่ไม่ยอมเจียมตัว
ลี่เฉินซีที่นั่งอยู่ตรงข้ามขมวดคิ้วรูปดาบของตัวเองแน่น มองไปยังผู้หญิงที่นั่งอยู่อีกด้านหนึ่งอย่างเย็นชา ใบหน้าหล่อเหลาไม่แสดงสีหน้าใด
ทนายของซูย้าวที่นี่เป็นผู้หญิง หลินเวยเงยหน้ามองเธอ หลังจากได้รับการยินยอมจากซูย้าวแล้ว เธอลุกขึ้นโดยไม่เร่งรีบ ก่อนจะหันไปแสดงความนับถือต่อประธานผู้พิพากษา “ดิฉันสามารถถามคำถามจำเลยสักข้อสองข้อได้หรือไม่?”
ประธานผู้พิพากษาพยักหน้า
หลินเวยก้าวไปข้างหน้า ความสงบจากตัวเธอราวกับไม่ถูกความตึงเครียดภายในศาลรบกวน ทัศนคติที่สงบเยือกเย็นไม่สะทกสะท้าน และท่าทางที่ละเอียดรอบคอบ ราวกับไม่มีอะไรมาสั่นคลอนเธอได้
“คุณลี่ คุณคือผู้บริหารของบริษัทลี่ซื่อกรุ๊ปใช่หรือไม่คะ”หลินเวยถาม
ลี่เฉินซีที่นั่งอยู่บนแท่นพยานพยักหน้าเบาๆ “ใช่ครับ”
“บริษัทลี่ซื่อกรุ๊ป ในวงการการเงินในประเทศทุกคนในชั้นศาลต่างก็รู้ดี?” เมื่อหลินเวยพูดเช่นนี้ ผู้ช่วยทนายความของเธอก็ได้แสดงความสำเร็จที่ยิ่งใหญ่ของตระกูลลี่บนหน้าจอขนาดใหญ่ อาคารสำนักงานที่สูงที่สุด ในเมือง มีความงดงามอย่างยิ่งซึ่งอยู่ร่วมกับแรงผลักดันและความแข็งแกร่ง
เกี่ยวกับเรื่องนี้ลี่เฉินซีไม่มีคำตอบ
เกี่ยวกับความแข็งแกร่งของตระกูลลี่นั้น สามารถกล่าวได้อย่างชัดเจนสำหรับทุกคนและเขาไม่จำเป็นต้องทำสิ่งอันเกินความจำเป็น
เมื่อเห็นปฏิกิริยาของทุกคนบนเวที หลินเวยยกริมฝีปากล่างของเธอเล็กน้อย ก่อนถามต่อไปว่า “ถ้าอย่างนั้น คนอย่างคุณลี่ ควรให้ความสำคัญกับชื่อเสียงและภาพลักษณ์ของเขาใช่ไหมคะ?””
“… …ใช่!” ลี่เฉินซีขมวดคิ้ว เขามีลางสังหรณ์ที่ไม่ดี
แน่นอนว่าดวงตาของหลินเวยเป็นประกายทันที ก่อจะถามอีกครั้งว่า “แล้วคุณจะอธิบายเรื่องอื้อฉาวต่างๆระหว่างคุณลี่และ คุณหานฉ่ายหลิงได้อย่างไรคะ?”
เมื่อพูดจบ สิ่งที่ปรากฏบนหน้าจอขนาดใหญ่ล้วนเป็นรายงานก่อนหน้านี้เกี่ยวกับลี่เฉินซีและหานฉ่ายหลิง เรื่องอื้อฉาวนี้พอที่จะพูดได้ว่า ใครต่างก็รู้ มีภาพถ่ายของการกอดกันจับมือกันแบบเต็มตาและในweibo ยังมีหัวข้อเกี่ยวกับการสนับสนุนทั้งสองคนให้อยู่ด้วยกันอีกด้วย
เรียกได้ว่า มีอยู่ทุกหนทุกแห่ง
บทความใหญ่ออกอากาศหมุนวน ทำให้ผู้คนได้รับสถานภาพที่ดูมากมาย
เมื่อได้ดูข่าวที่เคยได้รายงานออกไป คิ้วของลี่เฉินซีขมวดแน่น ใบหน้ามืดครึ้ม และไม่ต้องสงสัยเลยว่าทำไม
“เรื่องอื้อฉาวระหว่างคุณลี่กับคุณหานฉ่ายหลิง สามารถสืบสาวได้เมื่อประมาณปีที่แล้ว และมีการเปิดเผยเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ปีที่แล้ว อย่างต่อเนื่อง และยังไม่ตัดขาด ดิฉันพูดถูกไหมคะ?”หลินเวยถาม
ใบหน้าของลี่เฉินซีบูดบึ้ง ก่อนตอบอย่างช่วยไม่ได้ “ใช่”
“และได้ยินมาว่า คุณหานฉ่ายหลิงเป็นแฟนเก่าคุณลี่ด้วย เป็นเรื่องจริงไหมคะ?”
“ใช่”
หลินเวยเผยรอยยิ้มที่สบายๆ บนใบหน้า คำพูดที่เฉียบคมของเธอราวมีดที่แผดเสียงกรีดร้องใส่เขาอีกครั้ง——
“ในฐานะคนที่แต่งงานแล้ว มีเรื่องซุบซิบกับแฟนเก่าบ่อยครั้งในระหว่างที่แต่งงาน คุณยอมรับความจริงไหมที่ว่าคุณนอกกายและนอกใจ?”
ทันทีที่คำถามนี้ถูกพูดออกมา เจี่ยงเวินอี๋ราวกับขาดอากาศหายใจ!
ทนายความของจำเลยดูท่าทางแข็งค้าง บรรยากาศเริ่มตึงเครียดขึ้น
ลี่เฉินซีมองไปยังซูย้าวซึ่งกำลังนั่งอยู่ล่างแท่น ดวงตาที่เย็นชาของเขาหรี่ลง เขาพูดประโยคด้วยเสียงอันเบา แต่ทุกเสียงของทุกคำราวกับว่าพูดกับใครบางคนโดยเฉพาะ
“ผมยอมรับเรื่องอื้อฉาว แต่เรื่องนอกใจ ผมไม่ยอมรับ”
สีหน้าของหลินเวยเย็นชา “แล้วคุณลี่จะอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับคุณหานฉ่ายหลิงอย่างไร?”
“เพื่อนทั่วไป”เขาพูด
หลินเวยยิ้มและพูดกับประธานผู้พิพากษาว่า “ฉันหมดคำถามแล้วค่ะ!”
ขณะที่ลี่เฉินซีเดินออกจากแท่นพยาน หลินเวยก็มีเวลาที่จะสรุปคำพูด เธอค่อยๆเดินบนแท่น ก่อนจะเปล่งคำพูดออกมาช้าๆ—-
“ทุกคนก็คงเห็นแล้ว และได้ยิน คุณลี่ไม่สามารถอธิบายความสัมพันธ์ระหว่างตนเองและนางสาวหานฉ่ายหลิงได้อย่างชัดเจน อาจเป็นไปได้ว่าข้อมูลที่สื่อรายงานไม่สามารถรวบรวมเป็นหลักฐานได้อย่างละเอียด แต่ทุกคนควรเข้าใจความจริงที่ว่าไม่มีลม ก็คงไม่มีคลื่น”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ หลินเวยสูดหายใจเข้าลึก ก่อนมองไปที่ซูย้าว เผยความเสียใจในการเป็นผู้หญิงและความเห็นอกเห็นใจเล็กน้อยในสายตาของเธอ
“เรื่องอื้อฉาวเหล่านี้เกิดขึ้นมามากว่าหนึ่งปี เกือบจะสองปีแล้ว โจทก์ของฉันนางสาวซูย้าวในช่วงเวลาที่แต่งงานกับนายลี่เฉินซี รวมระยะเวลาไม่ถึงสี่ปี สามารถจินตนาการได้ว่า ช่วงเวลาเหล่านี้เธอต้องทรมานจิตใจขนาดไหน!”
“ท่านประธานศาลพิพากษาและคณะลูกขุนทุกท่าน ในสถานการณ์ข้างต้นดิฉันขอให้ทุกท่านพิจารณาถึงสิทธิ์การดูแลลี่เจิ้งอีกครั้งด้วยค่ะ”
“เด็กคนหนึ่ง ถ้าหากอาศัยอยู่กับพ่อที่มีแต่เรื่องอื้อฉาวไม่รู้จบ และงานยุ่งทั้งวัน อาจมีแม่เลี้ยงอีกนับไม่ถ้วนในอนาคต
ร่างกายและจิตใจของเด็กคนนี้ จะต้องทนทุกข์ทรมานกับความเจ็บปวดและเสียใจอย่างไร? สิ่งเหล่านี้ควรค่าแก่การคิดพิจารณาของเราหรือไม่?”
เมื่อพูดจบหลินเวยก็หันไปมองคณะลูกขุนบนเวทีพร้อมกับยิ้มอย่างสุภาพ ก่อนหันกลับมาและก้าวลงไป
ในกลุ่มผู้ชม เจี่ยงเวินอี๋บีบมือแน่นอย่างทำอะไรไม่ถูก ใบหน้าของเธอแสดงความสูญเสียและความขุ่นเคืองไม่รู้จบ
ซูย้าวคนนี้ เคยคิดว่าเธอคงจะอับจนหนทางหลังจากการหย่าร้าง ไม่คาดคิดว่าเพื่อสิทธิ์การดูแลลูกจะฟ้องศาลจนมาถึงจุดนี้ได้ และสิ่งที่สำคัญที่สุด แม้แต่ หลินเวยนักกฎหมายมือทองระดับแถวหน้าของจีนก็อยู่ที่นี่!
ผู้หญิงคนนี้ดูท่าไม่ได้จัดการได้ง่ายๆ