ตอนที่ 668 พี่หลางฝ่ายกองหนุนมาแล้ว
เมื่อเจอกับคำใส่ร้ายของหลุ่ยจือ เสี่ยวเชี่ยนจึงจะเปิดเสียงที่อัดไว้
“ฉันอยากรับว่าวันนี้ฉันไปบ้านพวกเขามา แต่วัตถุประสงค์ของฉันคืออันนี้ ฉันเป็นจิตแพทย์ที่กำลังรักษาน้องผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ น้องคนนี้จำเป็นต้องได้รับคำขอโทษของเย่ต้าเชียน ฉันจึงได้เตรียมที่อัดเสียงไปด้วย ฉันคิดว่าถ้าเขาไม่อยากไปขอโทษต่อหน้า อัดเสียงก็เป็นการช่วยเวยเวยได้เหมือนกัน แต่พวกคุณฟังดูสิคะ…”
ที่อัดเสียงของประธานเชี่ยนอัดไว้แค่ส่วนที่เป็นประโยชน์กับตัวเอง ในนั้นมีเสียงก่นด่าของหลุ่ยจือกับเย่ต้าเชียน อีกทั้งเสี่ยวเชี่ยนยังแสร้งทำเป็นเหมือนถูกทำร้ายด้วย ถึงสองคนนั้นจะไม่ได้แตะเนื้อต้องตัวเสี่ยวเชี่ยน แต่ข้อดีของเครื่องอัดเสียงก็คือไม่มีภาพ ดังนั้นพอตำรวจได้ฟัง ตราชั่งที่อยู่ในใจก็เอนเอียงมาทางเสี่ยวเชี่ยน
ตอนนี้หลุ่ยจืออึ้งจนพูดไม่ออก
วิธีที่เธอกับเย่ต้าเชียนใช้นั้นกลายเป็นเกมของเด็กๆเมื่ออยู่ต่อหน้าเสี่ยวเชี่ยน หากคิดจะหาช่องโหว่ของเสี่ยวเชี่ยนเป็นไปได้ยากมาก!
ใครจะไปคิดว่าเสี่ยวเชี่ยนจะวางแผนได้แนบเนียนขนาดนี้ ไร้ที่ติไม่มีทางให้ตอบโต้
เสี่ยวเชี่ยนที่แสนเพอร์เฟคทำให้หลุ่ยจือถึงกับตรรกะเพี้ยน
“มันแช่งให้พวกเราโดนสวรรค์ลงโทษ! มันนั่นแหละที่สะกดจิตหมา! หมาถึงได้ไปกัดเหล่าเย่…ตรงเป้า!”
ตอนที่เย่ต้าเชียนถูกส่งตัวไปรักษา หมอตกใจเป็นอย่างมาก
ถึงจะเคยมีเรื่องหมาจรจัดทำร้ายคนเกิดขึ้นบ้างเป็นครั้งคราว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่เจอหมากัด…ตรงนั้นของคนจนขาด!
ตำรวจฟังถึงตรงนี้ก็อดไม่ได้ที่จะรีบหุบขา โหย กัดตรงนั้นขาดมันจะเจ็บขนาดไหนวะเนี่ย หรือนี่จะเป็นการลงโทษปล่อยให้หมากินตรงนั้นแบบที่เขาลือกัน?
เมื่อเจอกับการใส่ร้ายของหลุ่ยจือ เสี่ยวเชี่ยนทำหน้าไร้เดียงสาสุดๆ
“ถ้าการไปช่วยคนเจ็บจะทำให้ฉันถูกใส่ร้าย แบบนั้นฉันก็น่าสงสารนะ ทุกท่านไปลองถามจิตแพทย์หรือหมอประสาทดูก็ได้นะคะว่าการรักษาเด็กผู้หญิงที่เคยถูกคุกคามมันจำเป็นต้องใช้คำขอโทษของผู้ต้องหาหรือเปล่า การรักษาของฉันไม่ผิดแน่ ส่วนเรื่องสะกดจิตหมา…คุณป้าพูดจาใส่ร้าย ฉันเรียนด้านจิตวิทยามาตั้งหลายปี สะกดจิตคนมาไม่น้อย แต่ฉันยังไม่เคยลองกับหมาเลยนะคะ อย่าแต่ฉันเลยค่ะ จิตแพทย์เก่งๆบนโลกนี้ก็ทำไม่ได้หรอก—ถ้าวันไหนป้าเจอคนที่สะกดจิตหมาได้ช่วยบอกฉันด้วยนะคะ!”
เสี่ยวเชี่ยนพูดจริงบ้างเท็จบ้าง แต่90%เป็นความจริง มีแคส่วนเล็กๆเท่านั้นที่โกหก ไม่มีใครจับได้ จากเรื่องร้ายก็กลับกลายเป็นดีได้
เสี่ยวเชี่ยนเบี่ยงเบนความสนใจของหลุ่ยจือไปที่เรื่องสะกดจิตได้สำเร็จ สะกดจิตหมาเป็นอะไรที่เพ้อเจ้อมาก
เรื่องเพ้อเจ้อไร้ขอบเขตแบบนี้แม้แต่ตำรวจยังทนฟังไม่ได้ หลุ่ยจือพูดจาเกินจริง
ถ้าเป็นจริงอย่างตรรกะของหลุ่ยจือ เสี่ยวเชี่ยนสะกดจิตสัตว์ให้ไปทำร้ายคนได้ แบบนั้นโลกไม่ยิ่งวุ่นวายเหรอ?
“แล้วทำไมแกยังอยู่แถวนั้น คนเห็นเยอะแยะ!” หลุ่ยจือยังไม่ยอม
“พอออกมาแล้วฉันเห็นร้านไก่ทอดก็เลยซื้อไก่ไปนั่งกินข้างทาง คนมันหิวก็น่าจะเข้าใจได้ไหม? พี่ตำรวจคะ กินไก่ทอดผิดกฎหมายด้วยเหรอคะ?”
ตำรวจส่ายหน้า เสี่ยวเชี่ยนจึงพูดต่อ
“ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคนถูกกัดคือเขา ตอนเขาถูกกัดฉันอยู่ห่างออกไปตั้งไกล พอได้ยินเสียงก็เลยวิ่งไปดูแถมยังช่วยปฐมพยาบาลด้วย คนแถวนั้นเป็นพยานได้หมด สุดท้ายเป็นฉันกับหมอคลินิกที่ช่วยเขาไว้จนกระทั่งรถพยาบาลมา มีคนเห็นเยอะแยะ”
“เหล่าเย่บอกว่าแกขู่เขาว่าสวรรค์จะลงโทษ ตอนอยู่บ้านฉันแกก็พูด แล้วมันจะมีเรื่องบังเอิญแบบนั้นได้ยังไง”
“คุณพระช่วย ป้าคะ ทำไมใส่ร้ายคนเก่งแบบนี้? ฉันเป็นจิตแพทย์นะคะ ฉันจะพูดแบบนั้นได้ยังไง?”
“แกพูด!”
“มีใครเห็นบ้าง?”
“ฉัน แล้วก็เหล่าเย่ พวกเราได้ยินทั้งหมด!”
“คนของตัวเองเป็นพยานได้ด้วยเหรอ?”
หลักฐานไม่พอ ประโยคนี้ที่หลุ่ยจือกับสัตว์เดรัจฉานใช้รังแกคนอื่นได้ถูกเสี่ยวเชี่ยนใช้คืนแบบไม่เพี้ยนไปเลยสักคำ แต่เสี่ยวเชี่ยนทำได้ดูมีระดับมากกว่าเยอะ
เมื่อเจอกับหลุ่ยจือที่กัดแบบไม่ปล่อยเหมือนหมาบ้า เสี่ยวเชี่ยนก็ทำได้แค่ถอนหายใจ แล้วพูดกับตำรวจอย่างจนปัญญา
“พี่ตำรวจคะ ฉันเข้าใจความรู้สึกของเขานะคะ หากมองในมุมจิตวิทยา ฉันเข้าใจว่าเรื่องอุบัติเห็นสะเทือนใจแบบนี้มันส่งผลต่อจิตใจของคนเราแค่ไหน เขาต้องการหาคนมารับผิดชอบซึ่งก็เป็นเรื่องปกติค่ะ แต่จะมาใส่ร้ายฉันไม่ได้นะคะ ฉันพูดความจริงทั้งหมดไปแล้ว จนปัญญาจริงๆค่ะ”
“ป้าครับใจเย็นๆก่อนนะ” ตำรวจเองก็ทนฟังไม่ไหว นี่มันทำคุณบูชาโทษชัดๆ น่าสงสารน้องผู้หญิงคนนี้จริงๆ
“ใจเย็นไม่ได้! ฉันจะไปหาหลักฐาน มันต้องเจอแน่ๆ!ทำไมเสียงที่อัดถึงไม่มีตอนแกด่าล่ะ ฉันจะเอามาหาดู มันต้องมีสิ!”
หลุ่ยจือคิดจะแย่งปากกาอัดเสียงจากเสี่ยวเชี่ยน แต่เสี่ยวเชี่ยนกลับยื่นมันให้ตำรวจ “เขาน่าสงสารนะคะ สมองเพี้ยนไปหมดแล้ว หรือจะลองหาดูช่วยเขาหน่อยไหมคะ?”
ตำรวจโบกมือ “ไม่ต้องหรอก หลักฐานนี้มันไม่มีประโยชน์อะไร อย่าว่าแต่คุณไม่ได้พูดเลย ต่อให้พูดก็ไม่ได้มีผลอะไร คนเราเวลาทะเลาะกันมันต้องมีพูดให้อีกฝ่ายโมโหอยู่แล้ว ถ้าไม่มีหลักฐานที่ชัดเจนก็ยืนยันไม่ได้หรอกว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับคุณ”
หลุ่ยจือคิดจะเอาคำพูดที่เสี่ยวเชี่ยนแช่งเย่ต้าเชียนให้ถูกสวรรค์ลงโทษเป็นหลักฐาน กฎหมายไม่มีทางสนับสนุน แบบนี้เรียกว่าหลักฐานไม่พอ
คดีแบบนี้ไม่มีความจำเป็นต้องสืบสวนเลยด้วยซ้ำ ตำรวจก็พอดูออกแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น ก็แค่หมาจรจัดกัดคน ญาติเหยื่อโกรธไม่รู้จะไประบายที่ไหนก็เลยหาใครสักคนเป็นตัวรับเคราะห์ อีกทั้งยังให้เหตุผลประหลาด บอกว่าเสี่ยวเชี่ยนสะกดจิตหมา เหอๆ
เรื่องหมาจรจัดกัดคนเคยมีเกิดขึ้นบ้างแล้ว แต่ไม่มีใครดวงซวยเหมือนเย่ต้าเชียนที่ถูกกัดตรงจุดยุทธศาสตร์
เรื่องแบบนี้หาคนมารับผิดชอบยาก เพราะหาเจ้าของหมาไม่เจอ ผลักความรับผิดชอบให้เสี่ยวเชี่ยน แต่ก็ไม่เป็นผล
มีตำรวจคนหนึ่งเดินเข้ามา แล้วกระซิบข้างหูตำรวจที่กำลังรับเรื่องอยู่ ตำรวจคนนั้นเลยหันไปพูดกับเสี่ยวเชี่ยน “คุณไปได้แล้วครับ แฟนคุณมารับแล้ว”
“มันไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น!” หลุ่ยจือจะพุ่งเข้าไปจับเสี่ยวเชี่ยนเหมือนคนบ้า แต่ถูกตำรวจห้ามไว้
ประตูเปิดออก อวี๋หมิงหลางที่อยู่ในชุดลำลองยืนพิงประตูแล้วอ้าแขนออกให้เสี่ยวเชี่ยน
เสี่ยวเชี่ยนโผเข้าไปในอ้อมกอดเขาเหมือนผีเสื้อตัวน้อยๆ อวี๋หมิงหลางก้มจุ๊บปากเธอหนึ่งที
“ทำไมมาเล่นซนถึงที่นี่? ไม่เห็นน่าสนุกเลย”
“เห้อ อย่าให้พูดเลย วันนี้อุตส่าห์ไปช่วยคนแท้ๆแต่กลับถูกญาติเหยื่อใส่ร้าย เอาแต่บอกว่าฉันสะกดจิตหมา ไม่รู้จะทำไงแล้วเนี่ย” เสี่ยวเชี่ยนทำหน้าน้อยใจซุกเข้ากับแผงอกอวี๋หมิงหลาง
ท่าทางแบบนี้เหมือนเย่ต้าเชียนกับหลุ่ยจือก่อนหน้านี้ เพียงแต่บทบาทสลับกัน ตอนนี้กลายเป็นเสี่ยวเชี่ยนเลียนแบบทำบ้าง
“คุณป้าครับ ถึงผมจะรู้สึกสงสารในสิ่งที่คุณป้าต้องเจอ แต่ถ้ายังจะใส่ร้ายแฟนผมไปเรื่อยๆจนส่งผลต่อหน้าที่การงานการใช้ชีวิตของเธอ ผมฟ้องได้นะครับ ลืมบอกไปว่า ผมจบด้านกฎหมายมา หลักฐานสำคัญที่สุด ถึงพวกเราจะไม่เอาเรื่องกับพฤติกรรมของพวกป้าในวันนี้ แต่ทางตำรวจมีบันทึกประจำวันอยู่ ต่อไปถ้ายังกล้าเพ้อเจ้ออีกผมจะฟ้อง! ใช่ไหมจ๊ะที่รัก?”
อวี๋หมิงหลางก้มหน้ามองเสี่ยวเชี่ยน เสี่ยวเชี่ยนเห็นเขาพูดจาหนุนหลังให้แบบนี้ก็รู้สึกอบอุ่นหัวใจ