แสงไฟที่สวยงามเพิ่งสว่างขึ้นมา วิวยามค่ำคืนกำลังเจิดจรัสขึ้นมา
ในห้องของโรงแรมหรู หานฉ่ายหลิงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา ท่าทีสั่นไหวอยู่ไม่สุข ดวงตาที่โหดเหี้ยมแฝงไว้ด้วยความมืดครึ้ม แต่บนใบหน้ากลับมีแววเศร้าหมองที่ไม่รู้ว่ามีขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“เธอว่า ที่ฉันทำแบบนี้……มันจะโหดร้ายเกินไปหรือเปล่า? ทั้งๆ ที่ฉันก็หมั้นกับเฉินซีแล้ว แล้วเราจะแต่งงานกันนั้น ก็เป็นเรื่องที่ไม่ช้าก็เร็วอยู่แล้ว……”
เธอนึกถึงเมื่อกี้ที่ลี่เฉินซีพูดกับเธอในโทรศัพท์ ที่กำชับให้ตัวเองไปสั่งตัดชุดแต่งงาน ถ้าหากว่าไม่อยากจะแต่งงานกับตัวเองสักนิดเลย แล้วทำไมจะต้องทำอะไรที่ไม่จำเป็นด้วยล่ะ?
“ประธานหาน คุณรู้ไหมว่าทำไมตั้งแต่โบราณมา ถึงได้ส่งเสริมให้ผู้ชายเป็นใหญ่ส่วนผู้หญิงต้องด้อยกว่า ผู้หญิงทำได้แค่รักษาธรรมเนียมประเพณีอยู่แต่บ้านส่งเสริมสามีสั่งสอนลูก แต่ผู้ชายกลับสามารถทำงานใหญ่ ออกไปรบเข่นฆ่าศัตรู แล้วสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ได้?”
ที่ข้างกายของเธอมีเสียงของผู้หญิงดังลอยมา หานฉ่ายหลิงเงยหน้าขึ้นมา แล้วมองไปทางกัวหลิน
ใช่แล้ว คือกัวหลินนั่นเอง
เมื่อไม่นานก่อนหน้านี้เธอเพิ่งโดนปล่อยตัวออกมาจากสถานกักกันของเมืองA จากคดีไฟไหม้โรงพยาบาลจงซิน หลังจากที่ผ่านการตรวจสอบมาแล้ว และเพราะว่าหลักฐานไม่เพียงพอ ในที่สุดกัวหลินจึงโดนปล่อยตัวออกมา
ในฐานะที่เป็นเลขาที่อยู่ข้างกายและเป็นบุคคลที่เชื่อถือได้ของหานฉ่ายหลิง เรื่องที่มาดูงานที่ปารีสแบบนี้ แน่นอนว่าหานฉ่ายหลิงจะต้องพาเธอมาด้วยอยู่แล้ว
“ตกลงเธออยากจะพูดอะไรกันแน่?” หานฉ่ายหลิงรู้สึกไม่เข้าใจอยู่เล็กน้อย อยู่ๆ ก็พูดไปเยอะแยะ อย่างกับว่าอ้อมไปเป็นวงใหญ่
กัวหลินพูดขึ้นว่า “ที่จริงเหตุผลนั้นง่ายมาก ก็แค่พวกผู้หญิงไม่อยากจะมาแบกรับก็เท่านั้น!”
หลังจากที่หยุดไปครู่หนึ่ง เธอก็รีบพูดต่อว่า “เพราะว่าผู้หญิงมักจะชอบทำผิดอย่างหนึ่งเสมอ นั่นก็คือความใจอ่อนของผู้หญิงยังไงล่ะ!”
พอพูดจบแล้ว หานฉ่ายหลิงก็รู้ความหมายในคำพูดของกัวหลินขึ้นมาทันที
“ฉันไม่ได้ใจอ่อนแล้ว แต่ว่ายังไงนั่นก็เป็นชีวิตคนชีวิตหนึ่งนะ ถึงแม้ว่าพอเธอกลับประเทศมาปุ๊บ เฉินซีก็เปลี่ยนไปทันทีเลย แต่ว่า…… เรื่องที่พวกเราหมั้นกันแล้วก็เป็นความจริงเหมือนกัน!” หานฉ่ายหลิงโต้กลับ
จากนั้น อารมณ์ของหานฉ่ายหลิงก็ไม่ค่อยมั่นคงมากนัก แล้วก็ลุกขึ้นยืน แล้วพูดขึ้นอีกว่า “ฉันแค่อยากจะได้ผู้ชายคนหนึ่ง แต่ไม่ได้อยากจะฆ่าเอาชีวิตใคร เพราะฉะนั้นหรือไม่พวกเราก็……”
คำพูดยังไม่ทันได้พูดจบ ก็โดนเสียงของกัวหลินขัดขึ้นว่า “คุณคิดว่าครั้งนี้ประธานลี่ไปออสเตรเลียแล้วจริงๆ เหรอ?”
แววตาของหานฉ่ายหลิงกระตุกเล็กน้อย “เขา……”
“ที่จริง ไม่จำเป็นจะต้องมีการโทรศัพท์สายเมื่อกี้ ไม่จำเป็นจะต้องให้ฉันช่วยคุณตรวจหาตำแหน่ง คุณเองก็น่าจะรู้แล้วว่า ประธานลี่ไปไหน แล้วตอนนี้เวลานี้ กำลังเร่งรีบทำอะไรอยู่บ้าง!” ในพูดคำของกัวหลินแฝงไว้ด้วยคำพูดทั้งนั้น แต่ว่าทุกคำทุกประโยชน์ หานฉ่ายหลิงล้วนฟังเข้าใจทั้งนั้น
จ้องมองดูสายตาที่ว้าวุ่นของหญิงสาวแล้ว กัวหลินก็พูดขึ้นมาอีกครั้งว่า “มาจนถึงขั้นนี้แล้ว ถ้าจะไม่ดำเนินการต่อไป สำหรับคุณแล้ว มันจะไม่มีผลดีอะไรเลย!”
“แต่ว่า……”
“ไม่มีแต่ว่าค่ะ! ประธานหาน ก่อนหน้านี้คุณเคยช่วยเจี่ยงเวินอี๋และช่วยลี่เจิ้งไว้ แต่ว่าทุกอย่างนี้ กลับแลกมาแค่การที่คุณได้หมั้นกับเขาครั้งเดียว การตอบแทนบุญคุณนั้นไม่มีทางมาทดแทนความรักได้ สิ่งเดียวที่จะทำให้เขากลับมารักคุณได้อีกครั้งนั้น ก็มีแค่กำจัดผู้หญิงคนนั้นทิ้งไปซะ!”
กัวหลินพูดอย่างมีหลักการ ที่พูดมาเยอะขนาดนี้ ก็เพียงแค่อยากจะตักเตือนหานฉ่ายหลิง ว่าอย่าไม่สามารถมีเมตตาและอย่าใจอ่อนเด็ดขาด ซึ่งจะสูญเสียโอกาสครั้งนี้ไปไม่ได้เด็ดขาด!
“ก็แค่ชีวิตคนคนหนึ่งเท่านั้น แล้วคุณก็ไม่ได้เป็นคนลงมือเอง พวกเราก็แค่จ่ายเงินไปเท่านั้น ชีวิตคนมันก็อ่อนแอตั้งแต่แรกอยู่แล้ว บนโลกใบนี้ ทุกวันต้องมีสูญเสียชีวิตไปตั้งเท่าไหร่กัน? ทำไมจะต้องมาสนใจกับจุดนี้ด้วยล่ะ?”
กัวหลินพูดไป ก็ยื่นมือมากดหัวไหล่ของหานฉ่ายหลิงเอาไว้ แล้วก็ให้เธอกลับลงไปนั่งบนโซฟาใหม่อีกครั้ง “ขอแค่ผ่านด่านนี้ไปได้ หลังจากที่ลี่เฉินซีเสียใจเสร็จแล้ว ก็จะหันความสนใจทั้งหมดมาอยู่ที่ตัวคุณ แล้วต่อไปจากนี้ พวกคุณจะได้อยู่คู่ฟ้าดินสลาย ไปจนแก่จนเฒ่าด้วยกัน!”
เธอโน้มตัวลงมาอยู่ข้างๆ หูหานฉ่ายหลิง “หรือว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่คุณต้องการมาตลอดเหรอ?”
“ใช่ นี่เป็นสิ่งที่ฉันต้องการ เพียงแต่ว่าถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมาล่ะ? ผู้หญิงคนนั้น ทุกครั้งก็สามารถหนีกลับมาจากความตายได้ ดวงแข็งซะขนาดนั้น!”
หานฉ่ายหลิงรู้สึกเป็นกังวลเล็กน้อย ถ้าเกิดว่าเรื่องราวเปิดเผยขึ้นมา ถ้าหากว่าสืบค้นข้อสงสัยอะไรที่เกี่ยวข้องกับตัวเองได้ ถ้าอย่างงั้น ความสัมพันธ์ของเธอกับลี่เฉินซีที่กว่าจะมีมาได้ ก็จะต้องหมดสิ้นไปจริงๆ แล้ว!
กัวหลินกลับพูดขึ้นว่า “วางใจเถอะ ครั้งนี้จะต้องไม่มีทางทำให้เรื่องมันแดงขึ้นมาแน่ ถ้าหากว่ามีอะไรผิดพลาดขึ้นมาจริงๆ ละก็ ฉันก็มีวิธีที่จะทำให้ประธานลี่ไม่มีทางสืบเสาะมาถึงตัวคุณแน่นอน!”
“จริงๆ เหรอ?”
“คุณยังไม่เชื่อใจฉันอีกเหรอ? วางใจเถอะ! ฉันเป็นคนที่อยากจะให้คุณและประธานลี่ได้แต่งงานกันที่สุดบนโลกใบนี้แล้ว ไม่ว่าจะเป็นตอนไหน หรือว่าที่ไหน ฉันก็จะสนับสนุนคุณ!” กัวหลินรับประกัน
ไม่ใช่ว่าหานฉ่ายหลิงจะไม่เชื่อกัวหลิน และก็ไม่ใช่เพราะว่าไม่มีทางจิตใจโหดเหี้ยมได้ แต่ว่าไม่รู้ว่าทำไม ในใจของเธอมักจะรู้สึกอยู่ไม่สุข เหมือนกับว่ากำลังจะมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น……
“และอีกอย่าง ถ้าหากครั้งนี้ล้มเหลวไป พวกเราก็ยังมีโอกาสอีก ลืมไปแล้วเหรอ? ในมือของคุณก็ยังมีท่าไม้ตายอีกไม่ใช่เหรอ?” กัวหลินหัวเราะทีหนึ่ง แล้วกวาดตามองไปที่เอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ
สายตาของหานฉ่ายหลิงสบเข้ากับของเธอ แล้วก็สังเกตเห็นถึงเอกสารนี้แล้ว
ตัวหนังสือที่อยู่ข้างล่างสุดไม่กี่ตัว โม่หว่านหว่าน
ใช่ซิ ทำไมเธอถึงลืมไปได้นะ? ในมือของเธอยังกำไพ่ตายที่สำคัญที่สุดเอาไว้ใบหนึ่งนี่ ในช่วงที่จำเป็นนั้น จะต้องทำให้ซูย้าวยอมวางอาวุธลงแล้วมอบตัวได้แน่
……
ในห้องของบ้านผุพังในที่บางแห่ง พวกผู้ชายหลายคนที่อยู่ข้างนอกกำลังดื่มเหล้าอยู่ เอะอะโวยวายเสียงดังกันมากๆ
ซูย้าวและอานซินเออร์อยู่ในห้อง ทั้งมือทั้งเท้าต่างก็โดนมัดไว้ และยากที่จะขยับตัวได้ แต่จากที่คนพวกนี้คุยกันสามารถฟังออกได้ว่า คนพวกนี้กำลังรออะไรอยู่ เหมือนกับว่าจะเอาทั้งสองคนขายไปที่เม็กซิโก
ขายเหรอ?
นั่นมันผิดกฎหมายไม่ใช่เหรอ?
แต่ก็ถูก ลักพาตัวก็ผิดกฎหมายนี่ แต่คนพวกนี้ก็ยังทำ แล้วจะมาเกรงกลัวการค้ามนุษย์เหรอ?
ซูย้าวจ้องมองอานซินเออร์ ทั้งสองคนต่างก็สื่อสารกันทางสายตา ไม่กล้าออกเสียงพูดคุย กลัวว่าจะทำให้คนข้างนอกแตกตื่นแล้วพุ่งเข้ามา แล้วก็ทำเรื่องอุกอาจอะไรขึ้นมาอีก
“ไอ้สาม เข้าไปป้อนน้ำให้ยัยสองสาวนั่นหน่อยซิ!”
ที่ข้างนอกอยู่ๆ ก็มีคนสั่งขึ้น ฟังจากเสียงก็คือผู้ชายคนที่‘ช่วย’พวกเธอสองคนไว้เมื่อก่อนหน้านี้
“อีกเดี๋ยวผู้ซื้อก็จะมาถึงแล้ว จำเป็นจะต้องวุ่นวายขนาดนี้ด้วยเหรอ?”
“ให้แกไปแกก็ไปเถอะ! จะมาพูดจาไร้สาระเยอะขนาดนี้ทำไม!” ผู้ชายด่าขึ้นมาประโยคหนึ่งอย่างหยาบคาย
จากนั้น ข้างๆ ก็มีเสียงอื่นๆ ดังขึ้นมาอีก “ไม่เคยได้ยินเหรอว่า ผู้หญิงนั้นทำมาจากน้ำ? ไม่ได้กินยังอยู่ได้ แต่ไม่ได้ดื่มน้ำนั้นอยู่ไม่ได้! พี่ใหญ่เข้าใจผู้หญิงมากที่สุดแล้ว! ฮา ฮา……”
“ได้ ได้ พี่ใหญ่ว่าอะไรก็ถูกทั้งนั้น!”
ผู้ชายคนที่ชื่อไอ้สามคนนั้นยึกยักไปครู่หนึ่ง แล้วก็เตะประตูเดินเข้ามา ในมือถือขวดน้ำเปล่าไว้สองขวด แล้วบิดฝาออกตรงหน้าทั้งสองคน
จากนั้นก็เทใส่หัวของซูย้าวและอานซินเออร์ตรงๆ จ้องมองดูสภาพน่าอนาถของทั้งสองคน แล้วก็หัวเราะเสียงดังขึ้นมา
หัวเราะไปไม่กี่วินาที ที่ข้างหลังก็มีพลังแรงพุ่งเข้ามา แล้วไอ้สามก็ล้มลงไปกับพื้น จ้องมองผู้ชายอย่างหวาดกลัว แล้วร้องคำหนึ่งขึ้น “พี่ใหญ่……”
“ฉันให้แกมาป้อนน้ำพวกเธอสองคน!” ผู้ชายตะคอกเสียงต่ำ จากนั้นก็รับน้ำเปล่ามาจากมือคนอื่นอีกขวดหนึ่ง บิดฝาออกแล้วยื่นให้กับอานซินเออร์และซูย้าว “ดื่มน้ำหน่อยเถอะ!”
อานซินเออร์ไม่ได้สนใจ หันหน้าไปอีกทางแสดงให้เห็นว่าไม่ดื่ม
ซูย้าวเองก็ไม่ดื่ม เพียงแต่พูดว่า “ใครจ้างให้พวกคุณมาทำแบบนี้? จ่ายเงินไปเท่าไหร่?”
“ทำไม? คุณอยากจะออกเงินให้พวกเราปล่อยคุณเหรอ?” ผู้ชายนั่งลงมาจ้องมองซูย้าว
“ถ้าฉันออกเงิน คุณจะปล่อยฉันหรือเปล่าล่ะ?” ซูย้าวถามกลับ
ผู้ชายหัวเราะทีหนึ่ง “คนที่ทำงานแบบนี้มีกฎกันทั้งนั้น จะทำลายกฎไม่ได้ คุณว่าถูกไหมล่ะ?”
“ก็ถูก!” ซูย้าวคลี่ริมฝีปากออก รอยยิ้มเฉียบเย็น “ในเมื่อสำหรับคนที่มือเต็มไปด้วยเลือดอย่างคุณมาพูดนั้น การฆ่าคน เป็นเรื่องที่ง่ายที่สุดแล้ว!”
ผู้ชายจ้องมองดูเธอ “คุณพูดผิดแล้ว ผมไม่ฆ่าคุณหรอก เพียงแต่ว่าจะขายพวกคุณไปพร้อมกันเท่านั้น! สำหรับต่อไปพวกคุณจะเป็นหรือตาย ก็ไม่เกี่ยวกับผม!”
“อ๋อ”
ซูย้าวตอบกลับไปอย่างเรียบเฉยคำหนึ่ง
ผู้ชายมองสบตากับแววตาของเธอไปครู่หนึ่ง ดวงตาสวยงามที่เรียบเฉยไร้ซึ่งคลื่นกระทบใดๆ แม้แต่แววตื่นตระหนกเสี้ยวเดียวก็หาไม่เจอ เขาทำงานสายนี้มานาน เรื่องขาดคุณธรรมก็ทำมาไม่น้อย เคยผ่านมือมาทั้งผู้ชายผู้หญิงเด็กและคนชรานับไม่ถ้วน คนทุกคนตอนที่ต้องเผชิญหน้ากับความตายหรือว่าโชคชะตาที่โหดร้ายนั้น ต่างก็ตื่นตระหนกตกใจ อ้อนวอนขอร้อง หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง
มีเพียงแต่ซูย้าว
ที่นอกเหนือความคาดหมายของเขา
“คุณไม่กลัวเลยเหรอ? คนที่จะมาซื้อพวกคุณนั้น ไม่ใช่คนดีอะไรหรอกนะ ต่อไปสิ่งที่พวกคุณจะเจอ จะน่ากลัวและอันตรายกว่าที่นี่อีกเยอะเลย จะต้องนอนกับคนสิบกว่าคนทุกวัน ทุกๆ วันทุกๆ คืน ในที่สุดจะโดนทรมานจนร่างกายของคุณรับไม่ไหว จากนั้นก็จะโดนพวกเขาเอาไปใช้ทำธุรกิจ แล้วสุดท้ายก็จะโดนฆ่าทิ้ง แล้วเอาร่างไปทิ้งในที่รกร้าง……”
ผู้ชายตั้งใจอธิบายสิ่งที่พวกเธออาจจะได้เจอในวันข้างหน้า ถึงแม้ว่าจะพูดอย่างไม่แตกต่างมากนัก แต่ความจริงอาจจะโหดร้ายกว่านี้อีกหลายเท่าก็ไม่แน่
ดวงตาที่แน่นิ่งของซูย้าว สีหน้าอ่อนโยนเหมือนอย่างปกติ เพียงแต่ว่าที่ริมฝีปากมีรอยยิ้มเพิ่มขึ้นมาเสี้ยวหนึ่ง แฝงไว้ด้วยความดูถูกและความเยาะเย้ยอยู่บ้าง “กลัวเหรอ? ฉันไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ไม่มีอะไรให้ละอายใจ แล้วจะต้องกลัวทำไม?”