“ผมจะไม่คัดค้านอะไรในเรื่องที่คุณตัดสินใจเรียบร้อยแล้ว”
ลี่เฉินซีรู้จักผู้หญิงคนนี้ดี เรื่องที่เธอตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าใครจะพูดอย่างไรก็ไม่มีประโยชน์ แม้ว่าตัวเองจะคัดค้านไปแล้วมีประโยชน์อันใด? เป็นแค่การตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ ไม่สู้คิดไตร่ตรองให้ดีว่าจะช่วยเธออย่างไรถึงจะได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดจะดีกว่า!
“แต่ว่า มีคำพูดบางคำที่ผมจะต้องพูดออกมา คุณเป็นเพียงแค่แม่บุญธรรมขอองเตียวเตียว นิสัยและการอบรมสั่งสอนของทุกคน นอกจากพัฒนาจนกลายเป็นนิสัยในภายหลังแล้ว ก็ยังมีอีกส่วนหนึ่งที่เป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด คุณสามารถเปลี่ยนเขาได้มากกว่าครึ่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเปลี่ยนได้ทั้งหมด เป็นไปได้อย่างมากว่าในอนาคตตอนใดตอนหนึ่ง อาจจะมีความจริงบางอย่างที่โหดร้ายจนทำให้คุณยากที่จะยอมรับมัน”
ลี่เฉินซีไม่ได้อยากจะบั่นทอนกำลังใจเธอ และไม่ได้มีความคิดเห็นอะไรต่อเด็กที่ชื่อเตียวเตียวคนนี้ เพียงแค่ความจริงก็อยู่ส่วนความจริง เขาจำเป็นต้องพูดให้ชัดเจน
ในอนาคตมีผลลัพธ์เพียงแค่สองอย่าง ซูย้าวเป็นแม่บุญธรรมที่ดี เตียวเตียวเติบโตเป็นผู้ใหญ่และอาจจะลืมความเจ็บปวดทุกข์ทรมานที่ได้พบในวัยเยาว์ไปจนหมดสิ้น สุขภาพจิตแข็งแรงเป็นคนดีคนหนึ่ง ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานโดยสร้างสิ่งที่เป็นของตัวเองขึ้นมา
แต่ก็มีความเป็นไปได้อีกอย่างหนึ่ง
นั่นก็คือสิ่งที่ทุกคนล้วนไม่อยากจะยอมรับและเผชิญหน้า เงามืดที่ฝังตัวลึกในจิตใจก็เหมือนกับเมฆดำที่ปกคลุม ไม่มีวันจางหายไปตลอดกาล เพียงแค่ยับยั้งเอาไว้ได้ชั่วคราว จะต้องมีวันใดวันหนึ่งที่มันเอ่อล้นจนระเบิดออกมา นิสัยบ้าคลั่งป่าเถื่อนสามารถกลืนกินทุกสิ่งได้
ก็เหมือนกับสิ่งที่สามีภรรยาคู่นั้นพูด กลายเป็นปีศาจที่มีชีวิตอยู่คนหนึ่ง
ถึงตอนนั้นคาดว่าจิตใจที่ตำหนิตัวเองของซูย้าวจะทำให้เธอเป็นทุกข์มากกว่าเดิม
และอาจจะเป็นไปได้ว่าสภาพการณ์แบบหลังไม่มีวันเกิดขึ้นตลอดกาล แต่ก็ไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้ เรื่องราวหลังจากนั้นไม่มีอะไรแน่นอนจริงๆ
ไม่สู้พูดในความจริงกับเธอก่อน เป็นการเตือนเธอล่วงหน้า
ดังนั้นจึงพูดได้ว่า เรื่องการรับเลี้ยงเตียวเตียวนั้น เดิมลี่เฉินซีไม่ค่อยเห็นด้วย เพียงแต่เธอดึงดันที่จะทำตามใจโดยไม่ฟังความเห็นของผู้อื่น เขาก็ไม่สามารถสั่นคลอนความตั้งใจของเธอได้ จึงทำได้เพียงแค่ยินยอมพร้อมใจ
“อีกอย่าง ยังมีอีกเรื่องหนึ่ง…”
ลี่เฉินซีมองไปทางเธอ ลากเสียงยาว สูดลมหายใจลึกก่อนจะเอ่ยว่า “จำเป็นต้องรับรองว่าเด็กคนนี้จะไม่ทำร้ายซีซี ไม่อย่างนั้นผมก็ไม่อาจวางใจได้!”
ซูย้าวมองไปทางเขา นัยน์ตาคู่งามหดตัวอย่างช้าๆ อำพรางสิ่งต่างๆเอาไว้มากมาย “ฉันเข้าใจค่ะ แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม ทุกครั้งที่ได้เห็นเตียวเตียว ฉันมักจะรู้สึกว่า…”
เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปาก เธอก็อธิบายออกมาได้ไม่ชัดเจนไปชั่วขณะ
พูดอย่างถูกต้องล่ะก็ ไม่รู้ว่าจะพูดอย่างไร
ทุกครั้งที่เห็นเตียวเตียว บางมุมของหัวใจมักจะอ่อนยวบลงโดยไม่ทันรู้ตัว เธอมองเด็กคนนี้ ไม่ใช่เอ็นดูและสงสารอย่างง่ายดายเช่นนั้น ราวกับว่าสวรรค์มอบภาระหน้าที่ความรับผิดชอบนี้ให้กับเธอ มักจะรู้สึกว่าเด็กคนนี้เป็นของเธอ
ความรู้สึกนั้นแปลกประหลาดมาก
ไม่มีเหตุผลใดๆจะพูด อาจจะเป็นเพราะเธอทำลูกหายไปคนหนึ่ง และมีฐานะเป็นแม่ มีความเป็นแม่อย่างท่วมท้นล่ะมั้ง!
เมื่อคิดถึงสิ่งเหล่านี้ ซูย้าวก็ส่ายศีรษะ “ช่างมันเถอะค่ะ ไม่มีอะไรหรอก ถึงอย่างไรฉันก็รับเลี้ยงแล้ว ไม่ว่าหลังจากนี้เขาจะกลายเป็นคนแบบไหน ฉันก็จะพยายามทำให้ดีที่สุด ไม่รู้สึกละอายใจตัวเองก็พอ!”
“หวังว่าคุณจะคิดอย่างนี้ไปตลอด” เขามองเธอ ยังคงมีความกังวลอยู่เล็กน้อย
ซูย้าวมองไปทางท้องทะเล แพขนตายาวไหวเล็กน้อย ในนัยน์ตางดงามสะท้อนความเสียใจและอาลัยของท้องทะเลสีน้ำเงินเข้ม พยายามสูดจมูกด้วยท่าทางน่ารักที่ทำให้คนอดไม่ได้ที่จะเกิดความรักและสงสารในใจ
ลี่เฉินซีโอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขนโดยไม่ได้ตั้งใจ เอ่ยเสียงทุ้มข้างหูเธอ “สามารถรับรู้ถึงสภาพจิตใจคนได้อย่างง่ายดายเป็นเรื่องที่ทรมานเป็นอย่างมาก หลายปีมานี้ทำให้คุณลำบากแล้ว!”
ช่วงเวลาที่เธอตกตะลึง เขาจุมพิตเธอด้วยความเสน่หาลงบนริมฝีปากเธอพอดี
จูบที่แผ่วเบาฉาบฉวย
แต่กลับเต็มไปด้วยความนุ่มนวลอ่อนโยน
“ผมจำได้ว่าเมื่อสิบกว่าปีก่อนมีเด็กผู้หญิงอายุไม่กี่ขวบคนหนึ่ง พูดกับผมว่าเธออ่านใจคนได้ขณะที่ยืนอยู่ใต้ต้นไม้ และสามารถรับรู้ถึงความลับใดๆก็ตามที่เก็บซ่อนเอาไว้ในใจของคนคนนั้นได้อย่างง่ายดาย สมองคนเธอบรรจุในสิ่งที่คนอื่นไม่มีวันได้รู้ และไร้หนทางที่จะจินตนาการออกถึงปราสาทแห่งความทรงจำ” เขาเอ่ยออกมาอย่างเอื่อยเฉื่อย เบนสายตาไปมองท้องทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา
ซูย้าวกลับตกตะลึงไปเล็กน้อย ถัดจากความรู้สึกที่หวั่นไหวอย่างช้าๆ ก็คล้ายกับว่าจะนึกบางอย่างออก และเด็กผู้หญิงที่เขาพูดถึงก็คือตัวเธอเอง
“ไม่ถูกต้อง!” เธอกลับเอ่ยพูดเช่นนี้
ลี่เฉินซีไม่สนใจว่าเธอจะพูดอะไร ยังคงเอ่ยพูดต่อไปว่า “ภายในปราสาทแห่งความทรงจำนั้นเก็บซ่อนเรื่องราวของคนดี และคนไม่ดีเอาไว้เยอะแยะมากมาย เรื่องของคนดีนั้นมีไม่เยอะ แต่การประพฤติตัวที่ชั่วร้ายของคนเลวนั้น เธออยากจะเปิดเผยมัน อยากจะลงโทษคนเลวตามกฎหมาย อยากจะล้างแค้นแทนคุณพ่อ…”
เขาพูดแล้วก็ก้มหน้า จึงสัมผัสได้ถึงความตกตะลึงในสายตาของซูย้าว เขาประคองไหล่ทั้งสองข้างของเธอแล้วเอ่ยว่า “แต่เธอก็รู้เช่นกันว่าเธอในตอนนั้นยังเด็กเกินไป ไม่ว่าจะพูดอะไร ทำอะไรล้วนไม่มีใครเชื่อเธอ เธอไม่มีเบื้องหลังและไม่มีที่พึ่ง สิ่งเดียวที่สามารถทำได้จึงมีเพียงแค่อดทน รอจนถึงวันใดวันหนึ่ง รอวันที่ตัวเองปีกของตัวเองแข็งแรงเต็มที่แล้ว ค่อยทำให้คนเลวเหล่านั้นได้รับบทลงโทษที่ควรได้รับ”
ซูย้าวสูดลมหายใจแรง คำพูดเหล่านี้เธอเคยพูดมาก่อนจริงๆ
สิบกว่าปีก่อน ในปีนั้นเธออายุ 9 ขวบ คุณพ่อได้ลาจากโลกใบนี้ไป เธอมองเห็นการเสียชีวิตจากยาพิษของคุณพ่อ รวมไปถึงใบหน้าโหดเหี้ยมของแม่เลี้ยงซัวฉ่ายลี่
มารดาอานโล๋ถูกซัวฉ่ายลี่ควบคุมเอาไว้ เหลือเพียงแค่เธอ เด็กอายุ 9 ขวบคนหนึ่ง ไม่ว่าจะพูดอะไร ทำอะไรก็ไม่มีใครเชื่อ เธอที่เจ็บปวดทุกข์ทรมานทั้งยังไม่รู้ว่าจะรับมืออย่างไรวิ่งไปที่ใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ยามเย็นอันโพล้เพล้ เธอพูดกับต้นไม้ใหญ่คนเดียว พูดหลายสิ่งหลายอย่าง…
แต่คำพูดพวกนี้น่าจะไม่มีใครได้รู้ถึงจะถูกต้อง!
“คุณ…คุณรู้ได้อย่างไรคะ” เธอถามออกมาด้วยความตกตะลึง
ยังไม่ทันจะสิ้นเสียง ก็ถูกตัวเธอโต้กลับในทันที และเปลี่ยนคำพูดว่า “ไม่สิ แม้ว่าคุณจะอยู่ตรงนั้น หรืออาจจะได้ยินคนอื่นพูดถึง แต่ว่านะลี่เฉินซี หรือว่าเป็นเพราะเหตุนี้ คุณถึงได้…”
“ไม่ผิด ใต้ต้นไม้ใหญ่ยามโพล้เพล้ในตอนนั้น ผมได้ยินสิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนั้นเอ่ยออกมาทั้งหมด เห็นเธอร้องไห้ด้วยความเจ็บปวดอยู่คนเดียวแล้วยังพยายามทำท่าทางเข้มแข็ง ผมถึงได้ปลอมแปลงพินัยกรรมหลังจากผ่านเรื่องนั้นไปสิบเอ็ดปีเพราะเหตุนี้”
เพียงเพราะต้องการช่วยเหลือเด็กผู้หญิงคนหนึ่งในตอนนั้น
ในชั่วพริบตา ซูย้าวเข้าใจแล้ว
ในตอนแรกที่เขาเลือกจะปลอมแปลงพินัยกรรมของคุณย่า ไม่ใช่เพราะว่าเขารักเธออย่างลึกซึ้ง เพียงแต่สามารถพูดได้ว่าเธอได้ทิ้งภาพความทรงจำอันลึกซึ้งเอาไว้ในใจเขาโดยไม่ได้ตั้งใจ
ถือเสียว่าทำตัวเป็นคนดีสักครั้งหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงได้เลือกให้เธอแต่งงานกับตัวเองโดยที่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ ให้ที่พึ่งพิงและอำนาจที่แท้จริงกับเธอ เพื่อให้เธอสามารถแก้แค้นแทนคุณพ่อที่เสียชีวิตไปได้
“ลี่เฉินซี คุณ…”
เธอสับสนไปชั่วขณะ คำพูดทั้งหมดมาถึงริมฝีปากแล้ว แต่ก็ไม่รู้ว่าควรจะพูดอะไร”
“ตอนแรกที่ปลอมแปลงพินัยกรรมและการแต่งงานที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหัน หากพูดว่าเพื่อช่วยเด็กผู้หญิงคนนั้นสักครั้งล่ะก็ เช่นนั้น เรื่องราวหลังจากนั้นทั้งหมดก็เป็นสิ่งที่เด็กผู้หญิงคนนั้นสอนผมให้รู้ว่าจะรักคนคนหนึ่งอย่างไร…”
เขาครุ่นคิดและเอ่ยแก้ว่า “ไม่ถูกต้อง น่าจะพูดว่าอะไรที่เรียกว่าความรัก เด็กผู้หญิงคนนั้นทำให้ผมได้สัมผัสรสชาติของความรักจริงๆ”
ความสุขและความทุกข์ล้วนได้สัมผัส ผ่านการหลบเลี่ยงอย่างไม่หยุดหย่อน ความทรงจำที่ทุกข์ทรมานและเศร้าใจ หัวใจแตกสลายจากความสูญเสีย ความเจ็บปวดที่สายเกินไปที่จะเสียใจ ถึงได้เข้าใจถึงความหมายที่แท้จริงของความรัก และก็เข้าใจเช่นกันว่าคนคนนี้สำคัญมากกับคุณแค่ไหน
“และคุณก็เป็นเด็กผู้หญิงคนนั้นเสียอย่างนั้น” เขามองเธอ นัยน์ตาลึกซึ้งยิ่งกว่าสีฟ้าครามของน้ำทะเล ลุ่มลึกวิบวับ ล้วนเป็นเพราะเธอ ประกายตาแบบนั้นสะกิดหัวใจเธอ
“ลี่เฉินซี คุณ…”
ซูย้าวไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะเอ่ยคำสารภาพรักที่ทำให้คนรู้สึกซาบซึ้งและประทับใจแบบนี้กับตัวเอง และไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะทำอะไรเพื่อตัวเอง เพื่อความรู้สึกในครั้งนั้น เพียงแต่นึกว่าสิ่งทั้งหมดที่เขาทำ ก็เป็นเพราะว่าตัวเองเป็นภรรยาเก่าของเขา เพราะลูกเท่านั้น
แต่ว่าตอนนี้…
แม้ว่าจะเป็นเพียงแค่ความฝันเพียงชั่ววูบหรือหลุมพราง เช่นนั้น ซูย้าวก็ยินยอมที่จะจมลึกอยู่ในนั้น
ในตอนนี้ เธอเชื่อว่าเขาตกหลุมรักเธอเข้าแล้วจริงๆ
รอยยิ้มชัดเจนบนใบหน้าของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าเธอยิ่งเจิดจ้ามากขึ้น นิ้วเรียวยาวราวกับแท่งหยกลูบแก้มเธอเบาๆ เอ่ยเสียงอ่อนโยนว่า “พวกเรารู้จักกันตั้งแต่เด็กแล้ว แต่ว่าผมไม่ได้ชอบคุณตั้งแต่เด็ก จากความสนใจไปถึงความใส่ใจ จากความผูกพันไปจนถึงการแต่งงาน จากภรรยาไปจนถึงภรรยาเก่า ซูย้าว ไม่ว่าหลังจากนี้จะเป็นอย่างไร ชั่วชีวิตนี้คุณสามารถเป็นของผมได้เพียงคนเดียว ผมก็เช่นกัน”
“ประโยคนี้ผมพูดแล้วทำได้! ไม่มีวันกลับคำไปตลอดกาล”
แม้จะมีคำพูดที่มากมายกว่านี้ก็ไม่สามารถบรรยายความในใจของซูย้าวในตอนนี้ออกมาได้ ราวกับว่ามีอะไรบางอย่างพังทลายลง เธอไม่มีเวลามาสนใจเรื่องหยุมหยิมเหล่านั้น เพียงแค่ทำตามเสียงหัวใจที่เต้นแรง กอดเขาเอาไว้อย่างไม่ลังเล กอดเอวเขาเอาไว้แน่นและหลับตาที่เปียกชื้นลง