ณ ห้องรับรองแขก ค่ำคืนอันมืดสนิท
แสงอ่อนๆจากโคมไฟสลัวส่องออกมารอบๆ เครื่องเพิ่มความชื้นที่อยู่ด้านข้างพ่นหมอกบางเบาออกมาพร้อมกับกลิ่นหอมอบอวล
จู่ๆก็มีแรงกดทับลงมาที่เตียงอย่างกะทันหัน
แขนเรียวยาวของชายหนุ่มหยิบผ้าห่มขึ้นมา เขาเหยียดมือออกไปกุมเอวเพรียวบางของเธอเอาไว้แล้วดึงตัวเธอเข้ามาไว้ในอ้อมแขน เขาสูดดมกลิ่นจากผมของเธอแล้วหลับตาลง จากนั้นพูดด้วยน้ำเสียงอันแหบแห้งว่า “ใส่ชุดนอนไม่สบายเลย”
ปากเขาเพิ่งจะพูดจบ มือที่เต็มไปด้วยกำลังมหาศาลก็ดึงเสื้อผ้าของเธอออก
พูดได้ว่านับตั้งแต่วินาทีที่ลี่เฉินซีผลักประตูเข้ามานั้นซูย้าวก็ตื่นขึ้นแล้ว
เธอมักจะนอนหลับไม่สนิท โดยเฉพาะอย่างยิ่งอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นเคยจึงทำให้เธอหลับยากขึ้นกว่าเดิม ตอนนี้ร่างกายของเธอแข็งทื่อราวกับเหล็ก ดวงตาของเธอเบิกกว้างมองไปที่ด้านข้างท่ามกลางความมืดมิด
ที่จริงซูย้าวก็ไม่ใช่ว่าไม่คิดจะปฏิเสธ แต่สิ่งที่เขาพูดมานั้นก็ถูก เขาคงไม่ปล่อยเธอไปแน่นอน เรื่องแบบนี้ไม่ช้าก็เร็วคงต้อง เผชิญหน้า แล้วเธอจะปฏิเสธมันไปเพื่ออะไรอีก?
แต่เมื่อถึงจุดนี้จริงๆเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหม่า เรือนร่างของเธอสั่นสะเทือนเล็กน้อยโดยที่ไม่อาจควบคุมได้
เหนือความคาดหมาย เขาเพียงแค่ถอดเสื้อผ้าของเธอออก จากนั้นก็เอนร่างของเขาพิงมาที่เธอ โอบกอดเธอเอาไว้โดยไม่ให้เธอมีทางหนีไปได้อีก
ซูย้าวตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ และหลังจากผ่านไปเนิ่นนานเมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มีการกระทำอื่นใดอีก ความรู้สึกตึงเครียดของเธอก็เริ่มผ่อนคลายลงทีละน้อย
บางทีเธออาจจะคิดมากไปเองก็ได้!
ผู้ชายอย่างเขาคงมีผู้หญิงมากมายรายล้อม หญิงสาวมากหน้าหลายตามีให้เขาเลือก เขาจะต้องการทำเรื่องแบบนี้กับเธอ โดยเฉพาะได้อย่างไร?
แต่การที่ถูกเขาโอบกอดไว้เช่นนี้สัมผัสได้ถึงอุณหภูมิร่างกายอันร้อนระอุของชายหนุ่ม และสัมผัสได้ถึงความน่ากลัวเหมือนอาวุธสังหารทำให้เธอรู้สึกไม่สบายเท่าไรนัก ดังนั้นเธอจึงอยากจะเปลี่ยนท่านอน หรือพูดให้ถูกก็คือต้องการอยากจะหนีไปจากเขาแล้วหามุมเงียบๆนอนคนเดียว
แต่ซูย้าวก็ไม่อยากจะตีหญ้าให้งูตื่น ดังนั้นเธอจึงอดทนรอจนกระทั่งฟังเสียงลมหายใจของชายหนุ่มสม่ำเสมอกัน เธอเดาว่าเขาคงจะนอนหลับไปแล้วจึงค่อยๆยกมือใหญ่ๆของเขาออกและพยายามจะขยับร่างออกไป แต่กลับถูกลี่เฉินซีกอดรัดเอาไว้แน่น ไม่เพียงแต่กอดเธอเอาไว้เท่านั้นแต่ในครั้งนี้เขาได้พลิกตัวและกดทับเธอเอาไว้ด้านล่าง
ท่ามกลางความมืด ดวงตาของชายหนุ่มยังคงเต็มไปด้วยความหนาวเหน็บ เขาจ้องมองเธอแล้วเอ่ยถามว่า “จะเริ่มตอนนี้?หรือจะนอนให้ผมกอดดีๆสักคืน?”
“คุณ……” ซูย้าวตกตะลึงเล็กน้อย เธอพูดติดๆขัดๆ นี่เขายังไม่หลับหรอกเหรอ?!
นิ้วเรียวยาวของเขาเลื่อนไปตามใบหน้าอันงดงามของเธออย่างช้าๆเบาๆแล้วพูดว่า “ถึงแม้ว่าสักวันก็คงต้องทำแน่ แต่ผมแค่เห็นว่าคุณเพิ่งจะเข้ามาอยู่ที่นี่ อยากให้คุณพักผ่อนสักสองสามวัน แต่ถ้าคุณอานไม่อยากจะพักผ่อนก็สามารถทำได้……”
เขายังไม่ทันจะพูดต่อ ซูย้าวก็ยกมือขึ้นมาปิดปากของเขาไว้แล้วพูดว่า “ฉันพักผ่อนค่ะ ฉันอยากพักผ่อน!”
ลี่เฉินซียิ้มขึ้นแล้วปัดมือของเธอออก “คุณอยากจะพักตอนนี้สายไปหรือเปล่า?”
ใบหน้าของซูย้าวตกตะลึง ท่ามกลางความมืดมิดนั้นเธอต้องเผชิญหน้ากับความมืดที่อยู่ตรงหน้าอีก แม้จะมองไม่เห็นใบหน้าของชายหนุ่มแต่ก็สามารถรู้สึกได้ว่าเขาพร้อมจะเปลี่ยนเป็นหมาป่าที่หิวโหยอยู่ตลอดเวลา จิตใต้สำนึกของเธอจึงเริ่มรู้สึกระมัดระวังขึ้นมาและตึงเครียดผสมผสานกัน
เธอส่ายหัวอย่างและพูดด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกักว่า “ไม่ ไม่สายไปนะคะ! ดึกมากแล้วล่ะ นอนเถอะค่ะพักผ่อน……”
ลี่เฉินซีมองดูท่าทางอันกระสับกระส่ายของเธอ และรู้ได้ว่าร่างของเธอสั่นเล็กน้อยตั้งแต่แรก มือใหญ่อันซุกซนของเขาค่อยๆเคลื่อนต่ำลงไป ดูเหมือนจะสัมผัสเข้ากับอะไรบางอย่าง ทันใดนั้นร่างกายของซูย้าวก็ตึงราวกับเชือกเธอเกร็งไปหมด
น้ำเสียงของเธอดูวิตกกังวลและตกใจ “ลี่เฉินซี คุณ……”
“ผมทำไมเหรอ?” เขายิ้มอย่างชั่วร้าย มือข้างหนึ่งของเขาขยับต่อไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าวนไปมา
ซูย้าวหน้าแดงก่ำจากการกระทำของเขา เธอกัดริมฝีปากและพยายามอดทนเอาไว้ เนื่องจากเธอไม่สามารถดินหนีไปจากเขาได้ จึงได้แต่หันศีรษะหนีไปอีกทางหนึ่งและซุกไปที่หมอนด้วยความเขินอาย
ลี่เฉินซียิ้มและปล่อยเธอไปอย่างจริงจัง
ที่จริงแล้วเป็นเพราะนี่คือครั้งแรกที่เธอย้ายเข้ามาอยู่ ถ้าจะก็ทำเรื่องแบบนั้นกับเธอคงจะทิ้งความรู้สึกไม่ดีเอาไว้ในใจเธอได้ หากเธอสงสัยว่าเขาเพียงต้องการเรื่องแบบนี้จึงได้ให้เธออยู่ข้างกายก็คงไม่ดีแน่
หนทางยังอีกยาวไกล
ดังนั้นเขาไม่รีบร้อน ได้แต่รอจังหวะ
เขานอนตะแคง มืออันหนาแน่นนั้นยื่นออกไปที่เอวเรียวงามของเธอก่อนจะพลิกเธอเข้ามาให้มาอยู่ในอ้อมแขนของเขา “ครั้งนี้ผมจะปล่อยไปก่อน รออีกสักสองสามวันให้คุณคุ้นเคยกับที่นี่แล้วค่อยดูว่าผมจะจัดการกับคุณอย่างไร!”
ดวงตาอันตื่นกลัวของซูย้าวเบิกกว้าง ลมหายใจดูผิดปกติไปช่างหงุดหงิดและอยากจะขัดขืน
แต่เธอจะพูดอะไรได้อีกทำอะไรได้อีกล่ะ?
ที่นี่คือบ้านของเขาและนี่ก็คือเตียงของเขา เธอ…… ไม่ต่างอะไรกับเนื้อปลาที่วางอยู่บนเขียงซึ่งรอเขาชำแหละเท่านั้น
แต่ว่าท้ายที่สุดแล้วเขาก็ไม่ได้ทำอะไรกับเธอ เพียงแค่โอบกอดเธอเอาไว้และหลับไป
เช้าวันต่อมา ซูย้าวยังคงหลับฝันแต่ถูกเสียงอันอ่อนนุ่มปลุกขึ้น “แม่คะ”
ซีซีเรียกเธอไม่หยุด อีกทั้งยังเอื้อมมือออกมาเขย่าที่แขนของเธอ “แม่คะ แปดโมงแล้วนะลุกได้แล้ว!”
เธอจึงค่อยๆรู้สึกตัวและลืมตาขึ้น ยังมีความง่วงและเหนื่อยล้าครอบงำของร่างกายเธออยู่ จากนั้นจึงยกมือขึ้นขยี้ตาแล้วรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติไป เธอใช้ผ้าห่มผืนเล็กนั้นคุมร่างกายของเธอเอาไว้ ก่อนจะรู้สึกได้ว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างๆลุกไปนานแล้ว ส่วนที่ร่างของเธอนั้นมีชุดนอนสวมใส่ไว้ให้ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้!
“แม่คะ มีอะไรเหรอ?” ซูย้าวเอียงคอมองดูเธอแล้วกระโดดขึ้นไปนั่งตรงขอบเตียง
ซูย้าวได้สติกลับคืนมา จากนั้นจึงค่อยๆคลายผ้าห่มออกแล้วมองไปที่เด็กน้อย “เรียกฉันว่าน้าไม่ได้หรือไง?”
เจ้าหนูน้อยมักจะเรียกเธอว่าแม่จนทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจ
ซีซียังยืนกรานความคิดเห็นของตัวเองว่า “ก็แม่เป็นแม่หนูนี่คะ จะให้เรียกว่าน้าทำไม? ตอนที่หนูเรียกน้าโม่ หนูก็ยังเรียกว่าแม่บุญธรรมเลย!”
ซูย้าว “……”
เธอรู้อยู่แล้วว่าจะอธิบายอะไรได้มากมายกับเด็กอายุเพียงไม่กี่ขวบ เฮ้อ เอาเถอะถือว่าเธอพูดมากไปเอง จะเรียกว่าอะไรก็ให้เรียกตามที่ต้องการไปเลย
ซูย้าวยกมือขึ้นหวีผมยาวของเธอก่อนจะลงจากเตียงและเข้าไปในห้องน้ำ
เดิมที่เธอต้องการจะอาบน้ำสักหน่อยจึงได้ปิดประตูบานเลื่อนลง แต่วินาทีต่อมาก็ถูกซีซีเปิดออก
ซูย้าวผงะลงทันใด เธอปิดมันอีกสองสามครั้ง ท้ายที่สุดแล้วเธอก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาแล้วพูดว่า “เจ้าหนูน้อย ช่วยทำตัวเป็นเด็กดีหน่อยได้มั้ย? เหมือนกับเด็กคนอื่นปกติทั่วไป……”
ที่จริงแล้วเธออยากจะพูดว่าหยุดทำตัวน่ารำคาญได้แล้ว! เธอจะอาบน้ำและต้องการพื้นที่ส่วนตัว! แต่ซีซีได้แต่เบะปากของเธอเล็กน้อยและก้มหน้าลงพูดว่า “ขอโทษค่ะแม่ หนูแค่อยากอยู่กับแม่อีกสักพัก”
ซีซีอยู่ข้างกายซูย้าวมาตั้งแต่แรกเกิดและเธอเป็นคนเลี้ยงดูมาด้วยตนเองเป็นเวลาถึงห้าปีเต็ม สองคนแม่ลูกไม่เคยแยกออกจากกันเลย จู่ๆก็ถูกแยกออกจากกันเป็นเวลาถึงสองปี ซีซีตื่นขึ้นมาร้องไห้กลางดึกอย่างนับครั้งไม่ถ้วน
และกว่าจะได้พบกันอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ดังนั้นเธอจึงไม่ยากแยกออกจากกัน
ซูย้าวจึงได้แต่ถอนหายใจออกมาอย่างอ่อนแรงแล้วสัมผัสไปที่ใบหน้าของเจ้าหนูน้อยพูดว่า “เป็นเด็กที่ขาดความรักจริงๆ”
ซีซี “……”
“เอาอย่างนี้นะ เดี๋ยวหนูออกไปรอข้างนอกสิบนาที รอให้หน้าอาบน้ำเสร็จก่อนหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้วค่อยเข้ามาโอเคไหม?” ซูย้าวอธิบายกับเธอ
ซีซีเองก็ไม่ใช่ว่าจะไร้เหตุผลเสียจนเกินไป เธอรีบพยักหน้าตอบตกลงแล้ววิ่งออกไปพร้อมกับชูนิ้วขึ้นสาบานว่า “เดี๋ยวหนูจะดูหน้าประตูให้แม่เองไม่ให้ใครเข้าไปเด็ดขาด!”
ซูย้าวทั้งอยากหัวเราะและร้องไห้ ในที่สุดเธอก็มีเวลาเป็นส่วนตัวแล้ว หลังจากที่ได้อาบน้ำเรียบร้อยจึงเปลี่ยนเสื้อผ้าเมื่อเดินออกมาอีกครั้งพบว่าซีซียังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูจริงๆ ตอนนี้เธอไม่ต่างอะไรกับยามผู้พิทักษ์ตัวน้อยเลย อีกทั้งเงยหน้ามองดูด้วยรอยยิ้ม
ในใจของเธออดไม่ได้ที่จะรู้สึกอ่อนโยนลงจึงก้มตัวลงไปนั่งยองๆข้างเด็กน้อยแล้วพูดว่า “เจ้าตัวเล็ก ทำไมวันนี้ไม่ไปโรงเรียนคะ?”
ดูจากอายุของเจ้าหนูน้อยน่าจะอยู่ชั้นประถมแล้วนี่ วันนี้ไม่ใช่วันหยุดสักหน่อย นี่เป็นเวลาถึงแปดโมงแล้วทำไมยังอยู่ที่บ้านอีก?
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมานะซีซีก็ได้แต่ก้มศีรษะลงไป
เห็นได้ชัดว่าเธอมีเรื่องหนักใจแน่ๆ มือน้อยของซีซีดึงที่ซิปเสื้อของเธอลากไปมาแล้วพูดว่า “อีกไม่กี่วันจะมีงานศิลปะที่โรงเรียน คุณครูให้พวกเราทำชุดด้วยตัวเอง เด็กคนอื่นๆก็ให้คุณแม่ช่วยทำกันทั้งนั้นมันสวยมากๆเลยแต่ว่าหนู……”
“ทำไมเหรอ?” ซูย้าวถามกลับและพูดว่า “พ่อไม่ได้ทำให้เหรอคะ?”
ซีซีถอนหายใจออกมา “ก็ทำแล้วล่ะค่ะ แต่ว่าพ่อทำได้แบบว่า…… อธิบายยากมากเลย!”
ซูย้าวชะงักไปชั่วครู่ ดูสิ เจ้าเด็กคนนี้ใช้สำนวนได้ยอดเยี่ยมจริงๆ