“คุณหมายความว่า ตอนนี้อู๋หยาน กำลังตามสืบเรื่องของลี่เฉินซีอยู่?” ท่าทีของซูย้าวแข็งทื่อขึ้นมาทันที น้ำเสียงที่ถามออกมาเต็มไปด้วยความประหลาดใจ
ทำไมก่อนหน้านี้เธอถึงคิดไม่ถึงเลยนะ!?
ที่ดินของอู๋ซินฉวูที่ลี่เฉินซีกำลังถูกใจอยู่ตอนนี้ เป็นชื่อของเจียงจี้ฉี ถ้าไม่เกิดเรื่องวุ่นวายพวกนี้ขึ้น ทั้งสองคงเซ็นสัญญากันเรียบร้อยไปนานแล้ว ลี่เฉินซีเองก็คงไม่ต้องรีบบึ่งจากเมือง A มาที่นี่แบบนี้
หรือว่า ที่อู๋หยาน กำลังวกไปวนมาอยู่ เป็นเพราะเป้าหมายของเธอก็คือลี่เฉินซี!?
นี่เป็นเพียงการคาดเดาของเธอเท่านั้น ถึงแม้มันจะดูบ้าบิ่นไปบ้าง แต่ก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ เพียงแต่ว่าระหว่าง อู๋หยานกับลี่เฉินซี ทั้งคู่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องกันมาก่อนงั้นเหรอ?
เพื่อชายหนุ่มที่ไม่เคยมีส่วนเกี่ยวข้องอะไรกัน ถึงกับต้องลงมือขนาดนี้ ถ้าอย่างนั้นผู้หญิงคนนี้ สรุปแล้วเธอคิดจะทำอะไรกันแน่?
เจียงจี้ฉีก็ขมวดคิ้วแน่นเหมือนกัน “คือแบบนี้นะ จากที่ผมรู้คือ เธอแทบจะไม่รู้จักคุณชายลี่เลยสักนิด”
ถึงแม้อู๋หยาน จะได้ชื่อว่ามาจากตระกูลอู๋ เป็นหญิงสาวที่ทรงอิทธิพลและมีชื่อเสียง แต่ก็ไม่เคยเข้าร่วมงานธุรกิจเลยสักครั้ง ดังนั้นเธอจึงค่อนข้างต่างกับเจียงจี้เซิง ที่มีการเจรจาและพบปะกับลี่เฉินซีอยู่ตลอด
“แต่ถึงยังไงผมก็ยังมีเรื่องสงสัยอยู่นิดหน่อย เมื่อก่อนเธอเป็นคนแพ้ถั่ว แต่เย็นวันนั้น เธอกลับออกตัวสั่งไอศกรีมโรยถั่วมากิน แถมกินเข้าไปแล้วยังไม่เป็นอะไรเลยด้วย……” เจียงจี้ฉีกระซิบเสียงเบา พร้อมกับพูดสิ่งที่คาใจออกมา
แต่ถึงอย่างไรก็ตาม เจียงจี้ฉีก็ไม่ได้สนใจ อู๋หยานมากขนาดนั้น เพราะงั้น เรื่องนี้เขาเลยไม่ค่อยจะใส่ใจสักเท่าไร
ทว่าซูย้าวกลับรับฟังความผิดปกติเหล่านั้นอย่างละเอียด ส่งผลให้ความน่าสงสัยในตัว อู๋หยานยิ่งเพิ่มมากขึ้น
จริง ๆ แล้วคืนนั้นในงานจัดเลี้ยงที่มีชื่อเสียงงานหนึ่ง อยู่ ๆ อู๋หยานก็เรียกชื่อซูย้าวออกมาตรง ๆ สำหรับคนที่เจอกันครั้งแรก จะสามารถเรียกกันแบบนี้ได้เหรอ?
และจากการสำรวจของซูย้าวแล้ว เธอคิดว่าเธอไม่น่าจะรู้จักผู้หญิงที่ชื่อ อู๋หยานคนนี้!
คนที่ไม่เคยรู้จักมักจี่กันมาก่อนคนหนึ่ง กลับรู้เรื่องราวของเราเป็นอย่างดี ไม่ว่าคนคนนี้คิดจะทำอะไรกันแน่ แต่ความรู้สึกโดยรวมที่หล่อนส่งมา มันเป็นความรู้สึกที่ไม่ค่อยดีเลย
ความรู้สึกบาง ๆ ที่เหมือนกับถูกมองอย่างทะลุปรุโปร่งนั่น ยิ่งคิดยิ่งทำให้เธอกระวนกระวายใจ
……….
นี่ยังเป็นหลักประกันได้อีกว่า ลางสังหรณ์และสิ่งที่ซูย้าวคาดการณ์ไว้มันถูกต้อง
อีกด้านของเมืองหลิ่งโจวภายในอุโมงค์ซึ่งถูกทิ้งร้างกำลังเตรียมการก่อสร้างใหม่ ในความมืดมิด มีรถยนต์สองคันขับมาจากคนละทาง แสงไฟที่สว่างเจิดจ้าส่องสะท้อนภายในอุโมงค์โดยรอบราวกับแสงอาทิตย์
รถสองคันขับสวนกัน ก่อนจะหยุดลง
ทันใดนั้นประตูรถคันหนึ่งก็ถูกเปิดออก หญิงสาวสวมหน้ากากพร้อมแว่นกันแดดก้าวลงจากรถ จากนั้นก็เดินไปยังรถอีกคัน ก่อนจะยกมือขึ้นเคาะกระจก
แรงเคาะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ทันทีที่ประตูรถเปิดออก หญิงสาวก็ยกมือขึ้น คว้าแขนของอู๋หยานพร้อมกับผลักเธอเข้ากับรถอย่างแรง “ดูสิ เธอทำเรื่องงานหน้าอะไรลงไป!”
เธอโกรธจนเลือดขึ้นหน้า ท่าทางดุดัน ขณะที่พูด หญิงสาวก็โยนหนังสือพิมพ์หลายฉบับเข้าใส่อู๋หยานด้วย
ทว่า อู๋หยานกลับไม่สนใจ เธอเพียงแค่ผลักหญิงสาวที่อยู่เบื้องหน้าออกอย่างเฉยเมย ก่อนจะเหลือบตามองหนังสือพิมพ์ที่หล่นกระจัดกระจายอยู่บนพื้นอย่างเหยียดหยาม
ทั้งหมดล้วนเป็นหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงและขายดีที่สุดในเมืองหลิ่งโจว หน้าแรกของแทบทุกฉบับมีเรื่องที่เกี่ยวกับเจียงจี้ฉี พาดหัวข่าวไว้
หญิงสาวคนนั้นโกรธจนตัวสั่น พร้อมกับกัดฟันแน่น “เธอรู้ไหมว่าตัวเองเป็นใคร? คิดว่าตัวเองเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลอู๋จริง ๆ งั้นเหรอ? ฉันแค่ยอมให้เธอสวมรอยเป็นฉันไม่กี่เดือน เพื่อจะได้หาทางยื้อเวลาไม่ให้จี้เซิงเจอกับเซียวไน่ แล้วดูสิเธอทำอะไรลงไป?”
“เธอรู้ไหม ว่าเมื่อวานนี้จี้เซิงได้ไปเจอเซียวไน่แล้ว! ระหว่างพวกเขายังมีลูกสาวอีกหนึ่งคน นี่คือผลจากการที่เธอช่วยฉันงั้นเหรอ! ตอนนี้แม้แต่ลูกสาวก็โผล่หน้าออกมาแล้ว!” หญิงสาวโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ ก่อนจะพุ่งเข้าใส่อู๋หยานที่อยู่ตรงหน้าอย่างเดือดดาล
เธอยังไม่ทันได้เข้าใกล้อู๋หยาน ก็ผลักเธอออกไปอย่างเย็นชา ก่อนจะเบี่ยงตัวหลบ แล้วเดินอ้อมไปด้านหลังของหญิงสาว จากนั้นจึงพูดขึ้นว่า “มีลูกสาวแล้ว จะทำยังไงได้?”
“จะทำยังไงได้? ก่อนหน้านี้เขาก็ไม่ได้ชอบฉัน ตอนนี้ยังมามีลูกสาวกับ เซียวไน่อีก ฉันจะมีโอกาสได้ยังไง!”
หญิงสาวโกรธจนหน้าถอดสี ดวงตาสีแอปริคอทคู่สวยเบิกกว้างด้วยความโกรธเคือง “เธอ….สรุปแล้วเธอทำงานยังไงเนี่ย!”
อู๋หยานหันกลับมาด้วยท่าทีที่ไม่สะทกสะท้าน เธอหลุบตาลงมองหญิงสาวด้วยสายตาเหยียดหยาม ก่อนจะเอื้อมมือออกไป กระชากหน้ากากออกจากใบหน้าเธอ
วินาทีนั้น หญิงสาวทั้งตกตะลึงและมึนงง เธอรีบควานหาหน้ากากอยากร้อนรน ส่วนมืออีกข้างก็ยกขึ้นบังแก้มของตัวเองไว้
ทว่า อู๋หยานกลับไม่ได้สนใจท่าทีจนตรอกของหล่อนเลยสักนิด เธอเพียงแค่ยืนมองจากมุมสูงอยู่ด้านข้าง “ดูสิ เธอจงใจวางยา เซียวไน่เองนี่ แล้วสุดท้ายผลมันเป็นยังไงล่ะ? ก็ต้องยอมรับเวรกรรมที่ตัวเองก่อนะ! ”
“เธอ…….” หญิงสาวผงะไปชั่วครู่ ก่อนจะมองมาทาง อู๋หยานอย่างไม่อยากเชื่อ “เธอรู้ได้ยังไง…”
จริง ๆ แล้ว หญิงสาวคนนี้ต่างหาก ที่เป็น อู๋หยานตัวจริง คุณหนูผู้สูงศักดิ์แห่งกรุ๊ปอู๋ซื่อ
เธอยังคงมีใจให้กับเจียงจี้เซิงอยู่อย่างแน่นอน ทว่าหลังจากที่คอยไล่ตามเขามาตลอดหลายปีมันกลับไม่เป็นผล ยิ่งเมื่อเห็นเจียงจี้เซิงกับ เซียวไน่เริ่มสร้างความสัมพันธ์กัน เธอก็ยิ่งตัดใจไม่ได้ เพราะงั้นเธอถึงคิดที่จะวางยาชนิดเรื้อรัง เพื่อจัดการ เซียวไน่เสีย แต่หญิงสาวกลับคาดไม่ถึงว่ายานั้นจะถูกสลับห่อ จนสุดท้ายก็ส่งผลให้ตัวเองต้องหน้าเสียโฉมแบบนี้!
ว่ากันตามตรงเรื่องเสียโฉม มันก็ไม่ใช่จะเสียมากขนาดนั้น เพราะถึงยังไงช่วงนี้เธอก็พยายามให้ความร่วมมือกับคุณหมอเพื่อรักษาอยู่ ซึ่งมันก็ถือว่าได้ผล แต่แค่ยังเหลือรอยแดงเล็ก ๆ ใหญ่ ๆ อยู่อีกประมาณครึ่งหน้า ทำให้เธอไม่สามารถออกไปข้างนอกหรือจะให้ใครเห็นไม่ได้
อีกอย่างก็เพราะว่าเรื่องนี้มันค่อนข้างจะเสื่อมเสีย เธอก็เลยกังวลกลัวว่าตระกูลอู๋จะรู้เข้า หรือบางทีอาจจะถูกเจียงจี้เซิงจับได้ ดังนั้น เธอเลยคิดที่จะหาคนมาสวมรอยเป็นเธอชั่วคราว รอจนกว่าเธอจะรักษาตัวเสร็จ ค่อยเปลี่ยนกลับคืนแบบไม่ให้ใครรู้
แต่เรื่องแบบนี้ พูดออกมามันง่าย แต่พอจะทำจริง ๆ นั้นมันยาก
ก่อนอื่นคือ อู๋หยานมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียงและมีการศึกษา แม้ว่าเธอจะมีนิสัยเจ้าเล่ห์ไปบ้าง แต่บุคลิกทั่วไปในแต่ละด้าน ก็ใช่ว่าคนธรรมดาที่บอกเป็นได้ก็จะสามารถเข้ามาแทนที่ได้เลย
ทว่าในตอนที่เธอหมดหนทาง เธอกลับพบกับคนคนหนึ่งเข้า
หญิงสาวที่คล้ายกับเธออย่างกับพิมพ์เดียวกัน หล่อนมาจากตระกูลที่มีชื่อเสียง ได้รับการศึกษาและถูกหล่อหลอมขึ้นมาแบบเดียวกับเธอ เป็นหญิงสาวที่มีหน้ามีตาและมีชื่อเสียงในสังคมคนหนึ่ง แต่น่าเสียดายที่ครอบครัวหล่อนล้มละลาย ทำให้หญิงสาวต้องตกอยู่ในสภาพน่าเศร้า
บังเอิญว่าใบหน้าของทั้งคู่มีส่วนคล้ายกันอยู่นิดหน่อย ส่วนสูงก็เท่ากันพอดี บวกกับการทำศัลยกรรมเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย จากนั้นการแสดงสวมรอยของคนทั้งคู่ก็ได้เริ่มขึ้น…..
“ถ้าเธอไม่ทำ มันก็จะไม่มีใครรู้ หลักการแค่นี้เธอไม่เข้าใจเหรอ?” อู๋หยานพูดออกมาพร้อมกับรอยยิ้มเย็นชา หางตาเกิดเป็นแววดูถูกเยาะเย้ยอย่างแจ่มชัด พร้อมกับส่งความรู้สึกเสียดแทงไปยังอีกฝ่าย
อาการไม่พอใจของหญิงสาวเปลี่ยนเป็นโกรธจัด จนเธอไม่อาจรวบรวมคำพูดขึ้นมาได้ ซึ่ง อู๋หยานก็ไม่ต้องการที่จะให้โอกาสเธอ อู๋หยานจึงพูดต่อว่า “ก่อนหน้านี้เราไม่ใช่ตกลงกันแล้วเหรอ? ว่าฉันจะช่วยยื้อเจียงจี้เซิงไว้ให้ เพราะไม่ว่ายังไงระหว่างเขากับ เซียวไน่ทั้งคู่ก็ไม่มีวันแต่งงานกันอยู่แล้ว ส่วนเรื่องอื่น ๆ เธอก็ไม่ต้องยุ่ง”
พูดจบอู๋หยาน ก็ก้าวเท้าเดินออกมาจากหญิงสาว พร้อมกับตรงไปขึ้นรถ
หญิงสาวหันกลับมามองเธอด้วยแววตาโกรธจัด “ที่เธอทำมากมายขนาดนี้ จุดประสงค์ก็เพื่อลี่เฉินซีเหรอ? ที่เธออยากจะเกาะคุณชายลี่ไว้ เพราะตอนนั้นเธอรั้งเขาไม่สำเร็จล่ะสิ คิดว่าหน้าเปลี่ยนแล้วเขาจะหันมารักเธองั้นเหรอ? ฝันไปเถอะ!”
อู๋หยานหยุดชะงักไปชั่วครู่ เธอค่อย ๆ หันกลับมาด้วยท่าทีไม่รีบร้อน มือที่กำลังจับประตูอยู่ ค่อย ๆ กระชับขึ้น “ระวังคำพูดของเธอไว้ให้ดีเถอะ ถ้าฉันเป็นเธอ ฉันคงจะหุบปากแล้วเชื่อฟังเสียตั้งแต่ตอนนี้ ถ้าพูดตรง ๆ คือเธอควรเอาเวลาไปรักษาอาการป่วยแทนที่จะมาต่อปากต่อคำกับฉันที่นี่นะ!”
ขณะที่พูด เธอก็หันหลังกลับช้า ๆ นัยน์ตาเย็นชาจ้องมองไปที่หญิงสาว “อย่าลืมสิ ตอนนี้ฉันต่างหากที่เป็นอู๋หยานไม่มีใครสงสัยและไม่มีใครระแคะระคาย เธอว่า ถ้าเกิดตอนนี้เธอตายโดยที่ยังไม่ทันตั้งตัว เรื่องระหว่างเราตอนนี้ ก็คงไม่มีใครสังเกตเห็นหรอกใช่ไหม?”
“ซูหยวน!”
หญิงสาวโกรธจัด เธอตะเบ็งเสียงและกรีดร้องออกมาอย่างบ้าคลั่ง “อย่าลืมนะว่าจริง ๆ แล้วเธอเป็นใคร คิดว่าถ้าฉันไม่อยู่ เธอจะสามารถเป็นคุณหนูใหญ่ของตระกูลอู๋ ได้โดยไม่ต้องกังวลอะไรอย่างนั้นเหรอ? อย่าลืมสิว่าฉันยังมีคุณพ่อกับคุณแม่อยู่ด้วย!”
“ฉันให้เธอสวมรอยเป็นอู๋หยานได้ ฉันก็เอามันกลับคืนมาได้เหมือนกัน ตอนนี้คนที่ควรจะต้องระวังคำพูดคือเธอต่างหาก ไม่ใช่ฉัน!”
ซูหยวนตะลึงไปชั่วขณะ แต่สีหน้าของเธอก็เปลี่ยนกลับอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เธอจะยิ้มเยาะขึ้น “เพราะงั้น ตอนนี้เราถึงต้องช่วยเหลือซึ่งกันและกันไง? ฉันช่วยเธอ ขณะเดียวกันฉันก็ใช้ตัวตนของเธอเพื่อช่วยตัวเองเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย รอให้เรื่องทั้งหมดจบลง หลังจากนั้นฉันก็จะกลายเป็นคุณผู้หญิงลี่ ส่วนเธอก็กลับมาเป็นคุณหนูใหญ่แห่งตระกูลอู๋เหมือนเดิม แถมยังสามารถแต่งงานกับชายในฝันอยากเจียงจี้เซิงได้อีก นี่ไม่ดีรึไง?”