แท้จริงแล้วซูหยวนไม่ได้เดินทางมาที่นี่อย่างกะทันหัน เธอมาถึงตั้งนานแล้ว และในหลายเดือนมานี้เธอได้เดินทางมาเยี่ยมเยียนลี่หมิงกับลี่เจิ้งไม่เคยขาด ดังนั้นพยาบาลจึงคุ้นเคยกับเธอ
“สวัสดีค่ะคุณอู๋” พยาบาลทักทายอย่างสุภาพ
ซูหยวนก้าวเดินเข้าไปหาพวกเธอทั้งสองคน สายตาเหลือบไปมองกล่องอาหารกลางวันที่ซูย้าวเดินถือมา จากนั้นดวงตาก็หันไปทางพยาบาลพูดว่า “เอาของพวกนี้เข้าไปเถอะ! หมิงเอ๋อน่าจะชอบกิน”
พยาบาลกะพริบตาลง เธอรู้สึกว่ามันดูไม่ค่อยเหมาะสมจึงได้แอบกระซิบว่า “แต่ท่านประธานลี่ไม่ให้เด็กๆกินอะไรซี้ซั้วนะคะ……”
ดวงตาของซูหยวนรัดกุมขึ้นทันใด เธอเพิ่มระดับน้ำเสียงขึ้นถามว่า “ว่าอะไรนะ?”
พยาบาลคนนั้นตกตะลึงและชะงักลง ก่อนที่ซูหยวนจะพูดออกมาอย่างเย่อหยิ่งเย็นชาว่า “ไม่รู้หรือไงว่าฉันกับประธานลี่เป็นอะไรกัน? หรือคำพูดของฉันคุณไม่ได้ยิน?”
“ไม่ใช่ค่ะ……” พยาบาลคนนั้นรู้สึกอึดอัดใจขึ้นไปอีก หลังจากครุ่นคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเธอจึงพูดออกมาได้เพียงว่า “เอาอย่างนี้แล้วกันนะคะ เดี๋ยวฉันจะเลือกบางส่วนเข้าไปให้คุณหนู ส่วนอย่างอื่นคงต้องรบกวนคุณนำกลับไปบ้าง”
ซูย้าวไม่อยากทำให้เธอจะต้องอึดอัดใจไปมากกว่านี้ จึงทำได้เพียงตอบตกลง
เธอนั่งบนเก้าอี้ข้างๆแล้วเปิดกล่องอาหารกลางวันออก จากนั้นตักขนมเค้กชิ้นหนึ่งให้กับพยาบาลและน้ำซุปอีกหนึ่งถ้วย นางพยาบาลคนนั้นจึงได้เดินเข้าไปในห้องผู้ป่วย
ท่ามกลางทางเดินขนาดใหญ่จึงเหลือเพียงแค่พวกเธอสองคน ดวงตาของซูหยวนเหลือบมองมาที่ซูย้าวอย่างเย็นชา แววตานั้นไม่มีประสงค์ดีเหลือแม้แต่น้อย “ฉันคิดไม่ออกจริงๆว่าเรื่องมาจนถึงขั้นนี้แล้ว เธอจะยังอยู่ที่นี่เพื่ออะไร?”
“อย่าบอกฉันนะว่า เธอยังคิดว่าเฉินซีตัดใจจากเธอไม่ได้และรอวันที่จะรื้อฟื้นเรื่องราวเก่าๆขึ้นมา”
ด้านซูย้าวที่กำลังเก็บของอยู่มือของเธอก็สั้นลงเล็กน้อย แล้วเงยศีรษะขึ้นมอง
“ตัดใจเสียเถอะ! เฉินซีไม่ได้รู้สึกอะไรกับเธออีกแล้ว” ใบหน้าของซูหยวนเสมือนถูกห่อหุ้มไปด้วยยาพิษและดาบอันแหลมคมซึ่งจับจ้องมาทางเธอ “รู้ไหมว่าทำไมครั้งนี้เขาถึงไปตามเธอกลับมา? ไม่ใช่ว่าต้องการจะรื้อฟื้นเรื่องราวเก่าๆ ความรักเก่าจากเธอหรอกนะ แต่เป็นเพราะต้องการจะหาหลักฐานจากตัวเธอและส่งเธอเข้าคุกต่างหาก”
ซูย้าวได้แต่นั่งฟังอยู่อย่างเงียบๆ เธอสูดหายใจเข้าลึกๆแล้วพูดว่า “แล้วคุณล่ะ คุณเป็นใคร?”
ซูหยวนผงะไปชั่วครู่ก่อนจะยิ้มออกมาแล้วยกมือขึ้นนำผมทัดไว้ข้างหู “แกคิดว่าฉันกับเขาเป็นอะไรกันล่ะ?”
“นางบำเรอ หรือไม่ก็พวกมือที่สามหน้าด้านๆ” ซูย้าวตอบกลับไป
ซูหยวนกัดฟันกรอดๆด้วยความโมโห “แก……”
“ไม่ใช่เหรอ?” ซูย้าวเผชิญหน้ากับเธอด้วยสายตาอันชัดเจนไร้ซึ่งความเกรงกลัวใดๆ แต่ก็แฝงไปด้วยดวงตาอันดูถูกเหยียดหยาม “ถึงยังไงฉันกับเขาก็จดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย และตอนนี้เรายังไม่ได้ทำการหย่ากัน ฉะนั้น ฉันยังคงเป็นภรรยาของเขา”
ที่จริงแล้วซูย้าวไม่อยากจะไปพูดถึงมันนัก แต่เมื่อเธอเห็นท่าทางของซูหยวนที่ทำเป็นเย่อหยิ่งยโส ก็อดไม่ได้ที่จะรำคาญ
ที่จริงเธอไม่ต้องการจะต่อสู้หรือไปแย่งชิง แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนอื่นสามารถมารังแกเธอล้อเล่นกับเธอแบบนี้ได้!
สีหน้าของซูหยวนเปลี่ยนไปในทันที เธอดูหงุดหงิดเล็กน้อย ในขณะที่กำลังจะระเบิดออกมา สายตาก็เหมือนกับเหลือบไปมองเห็นอะไรบางอย่างจึงได้ก้าวขาเข้ามาและทำเป็นไม่ระวังสัมผัสไปที่กล่องเก็บอุณหภูมิอาหารกลางวันเมื่อสักครู่ ทำให้น้ำซุปร้อนกระเด็นใส่ทั้งคู่
เนื่องจากตำแหน่งการยืนทำให้น้ำซุปส่วนมากหกรถยนต์กระเด็นมาบนร่างกายของซูหยวน มีเพียงเล็กน้อยเท่านั้นที่กระเด็นไปถูกซูย้าว
“กรี๊ด!” เสียงของซูหยวนร้องออกมาเนื่องจากถูกน้ำซุปร้อนกระเด็นใส่
ในขณะที่ซูย้าวกำลังงุนงงว่าเกิดอะไรขึ้นก็ได้ยินน้ำเสียงของชายหนุ่มดังขึ้นทางด้านหลังว่า “อาหยาน เกิดอะไรขึ้น?”
วินาทีต่อมาลี่เฉินซีก็เดินตรงเข้าไปอยู่เคียงข้างซูหยวน ทำท่าทางวางมือบนเอวเพรียวบางของหญิงสาวด้วยความระมัดระวังแล้วดึงเธอเข้ามาไว้ในอ้อมกอด สายตามองไปยังต้นขาของเธอที่ถูกน้ำร้อนลวกอย่างเป็นห่วงเป็นใย
น้ำซุปร้อนมากก็จริง แต่ถึงอย่างไรเวลาที่ใช้ในการเดินทางมาก็ไม่น้อย ดังนั้นจึงไม่ทำให้ผิวเผาไหม้เพียงแค่เกิดเป็นรอยแดงเล็กน้อยเท่านั้น
ลี่เฉินซีรีบหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากเสื้อสูทบรรจงเช็ดไปที่ต้นขาของเธอ ก่อนจะมองไปที่เธออีกครั้งเอ่ยถามว่า “อาหยาน ยังเจ็บอยู่ไหมครับ?”
ด้านของซูหยวนก็เอนตัวเข้าไปในอ้อมกอดของเขาส่ายหน้าเบาๆแล้วพูดอย่างอ่อนโยนว่า “ไม่เจ็บเท่าไหร่แล้วค่ะ”
ทันใดนั้นดวงตาของชายหนุ่มอันเยือกเย็นก็จับจ้องไปที่ซูย้าว น้ำเสียงเย็นชาพูดออกมาอย่างแปลกใจว่า “คุณมาที่นี่ทำไม ใครให้คุณมา?”
จากนั้นชายหนุ่มก็ก้าวขาขึ้นไปก้าวหนึ่งคว้าแขนของซูย้าวเอาไว้ “ผมบอกคุณแล้วไม่ใช่หรือไง ว่าอย่าเหยียบมาที่นี่อีกแม้แต่ก้าวเดียว? คุณทำหูทวนลมกับคำพูดของผมหรือไง?”
ซูย้าวมองไปยังใบหน้าอันหล่อเหลาของชายหนุ่มอย่างช่วยไม่ได้ แล้วเหลือบไปมองดูซูหยวนที่ทำท่าทางน่าสงสาร ช่างแตกต่างกับท่าทางของเธอเมื่อสักครู่อันเย่อหยิ่งเหลือเกิน ผู้หญิงคนนี้แสดงได้ดีทีเดียว
น่าเสียดายที่เธอไม่ตกหลุมง่ายๆหรอก!
ดังนั้นซูย้าวจึงได้ออกแรงสะบัดมือของชายหนุ่มพูดว่า “ฉันนำอาหารมาให้เด็กๆกิน คิดไม่ถึงว่าจะเป็นการรบกวนคุณลี่ ฉันขอตัวก่อน”
เมื่อพูดจบเธอก็หันไปเก็บกล่องอาหารกลางวันและนำใส่ถุงกำลังจะหันหลังเดินจากไป แต่ยังไม่ทันไรก็ถูกชายหนุ่มเข้ามาดึงข้อมือเอาไว้ขัดจังหวะเธอ
ลี่เฉินซีออกแรงใช้มือบีบแล้วดึงเธอเข้ามา “คุณเกือบจะทำให้อาหยานถูกน้ำร้อนลวกเป็นแผล ตอนนี้จะจากไปโดยไม่ขอโทษสักคำหรือไง?”
“ขอโทษ?” ซูย้าวพูดคำของเขาซ้ำอีกครั้งด้วยน้ำเสียงอันเบา “คุณจะให้ฉันขอโทษเธอเหรอ?”
เมื่อสักครู่เห็นได้ชัดว่าซูหยวนเป็นคนเริ่มลงมือก่อน เธอจงใจเข้ามาชนกล่องอาหารกลางวันเอง มันเป็นแผนการง่ายๆ แต่ผู้ชายคนนี้กลับเชื่อเธอ!
ไม่ต้องรอให้ลี่เฉินซีตอบอะไรกลับมา ซูย้าวก็อ่านสายตาอันเคร่งขรึมของลี่เฉินซีออก จากนั้นเธอก็พยักหน้า
ไม่ต้องรอให้ลี่เฉินซีตอบอะไรกลับมา ซูย้าวก็สามารถอ่านสีหน้าและดวงตาของลี่เฉินซีได้ จากนั้นเธอจึงพยักหน้า ก็ได้ค่ะ จะให้ฉันขอโทษไม่มีปัญหาหรอก แต่ไม่ทราบว่าจะให้ขอโทษในฐานะอะไร
“ในฐานะของอานหว่านชิง? หรือว่าภรรยาของลี่เฉินซี?”
ถ้าเป็นอย่างแรก เธอจะได้หยิบยกเรื่องของเอกสารการหย่าร้างขึ้นมา เพราะอย่างไรเสียการแต่งงานในครั้งนี้ก็ไม่ได้มีอะไรจะต้องเจรจากันอีกแล้ว ทุกอย่างจบสิ้นในเร็ววันก็คงดี
แต่หากเป็นอย่างที่สอง ในฐานะภรรยาของประธานลี่ ท่านประธานบริษัทลี่ซื่อ หากต้องลดตัวลงมาขอโทษคนอื่น เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน?!
ดวงตาของลี่เฉินซีมองมาด้วยความมืดมน น้ำเสียงของเขาลดลงหนักแน่นขึ้นพูดว่า “อานหว่านชิง!”
ซูย้าวมองไปที่เขา ทั้งสองคนสบสายตากันหลายวินาที ก่อนที่เธอจะสะบัดมือชายหนุ่มออกไปอย่างไม่ลังเลแล้วเดินตรงจากไป
เมื่อพบว่าร่างของซูย้าวหายไปจากทางเดินนะของตรงนั้นแล้ว ซูหยวนก็ได้ก้าวขึ้นมาจับแขนลี่เฉินซีเอาไว้ “ที่จริงก็ไม่ได้มีอะไรมากมายหรอกค่ะ คุณอานเองก็ไม่ได้ตั้งใจหรอก แต่ว่าเฉินซีคะการที่คุณเข้ามาปกป้องฉันแบบนี้ทำให้ฉันรู้สึกดีใจเหลือเกิน”
สีหน้าของชายหนุ่มเหลือบมองไปที่เธออย่างเยือกเย็น ก่อนจะสะบัดมือเธอออกพูดว่า “คุณต้องการจะเห็นภาพเหล่านี้ไม่ใช่หรือไง?”
คำพูดอันแหลมของเขาเปิดโปงแผนของเธอออกมา อย่างไม่ไว้หน้า
ฉากเมื่อสักครู่นี้ เนื่องจากเขามองออกมาจากมุมไกลจึงทำให้มองไม่ชัดเจนว่าเป็นซูย้าวที่เปิดกล่องข้าวออกมาหรือซูหยวนเดินเข้าไปชน
แต่เรื่องมารยาของหญิงสาวเช่นนี้ เขามองออกและเคยเห็นมาเนิ่นนานหลายปี จะไม่เข้าใจได้อย่างไร
ซูหยวนชะงักลงทำตัวไม่ถูก จู่ๆเธอก็รู้สึกว่าลำคอแห้งผากไม่รู้ว่าจะทำตัวอย่างไรดี ได้แต่พูดว่า “คุณว่าอะไรนะคะ? ฉัน……”
“ผมเคยบอกคุณไปถามไม่ใช่หรือไงว่าอยู่ให้ห่างจากเธอน่ะ?” ใบหน้าอันหล่อเหลาได้รูปของลี่เฉินซีก้มลงมา ร่างอันสูงใหญ่เอนไปทางหญิงสาวพูดว่า “คุณอยากจะใช้มือของผมในการตบหน้าเธอ หึๆ อู๋หยาน คุณยังไม่มีคุณสมบัติพอ!”
เมื่อกล่าวจบ ลี่เฉินซีก็ได้เดินจากเธอไปอย่างไม่ลังเล
“ไม่ใช่นะคะ เฉินซี……” ซูหยวนยืนตะโกนอยู่ตรงที่เดิม แต่สายตาเธอเห็นว่าร่างของชายหนุ่มกำลังเดินห่างไกลออกไปเรื่อย โดยไม่มีทีท่าจะหยุดลงแม้แต่น้อย
เธอจึงทำได้เพียงแอบกัดฟันกรอด มือทั้งสองข้างกำแน่น “นังซูย้าว เวลาก็ผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว เขายังคงเชื่อเธออยู่อีก……”
……
ด้านล่างของโรงพยาบาล ลี่เฉินซีรีบก้าวตามหลังไปอย่างรวดเร็ว เขาเข้ามารั้งซูย้าวเอาไว้ ยื่นมือไปสัมผัสแขนของเธอ ดึงเธอเข้าไปบริเวณด้านข้างที่ค่อนข้างจะเปลี่ยว
แต่ต่อมา เมื่อฝีเท้าของทั้งสองหยุดลง ยังไม่ทันที่ลี่เฉินซีจะกล่าวอะไร ซูย้าวก็ได้พยายามดิ้นรนออกจากการจับของเขา พูดขึ้นว่า “เป็นเพราะฉันจึงทำให้เด็กทั้งสองคนต้องได้รับบาดเจ็บ ดังนั้นฉันยินดีที่จะยอมรับการแก้แค้นลงโทษจากคุณ คุณจะทำโทษฉันอย่างไรก็ได้ แต่ไม่ได้หมายความว่าฉันจะยอมให้ทุกคนรังแก!”
หรือกล่าวอีกนัยหนึ่งก็คือ เธอสามารถยอมรับการรังแกใดๆจากเขาได้ แต่ไม่ใช่ว่าใครก็ตามจะมาเหยียบย่ำเธอแบบนี้ได้ทุกคน
“แล้วก็อีกอย่าง เคยได้ยินหรือไม่ว่า เราอาจจะเกลียดสิ่งที่ใครบางคนทำผิดพลาดไป แต่คนคนนั้นอาจไม่ได้น่ารังเกียจเสมอไป ต่อให้ฉันอาจจะทำความผิดพลาดใหญ่หลวงขึ้น ก็ไม่ใช่ว่าคุณจะมาตามลงโทษอะไรฉันได้แบบนี้!”