ซูย้าวมึนงง ความคิดยุ่งเหยิง แม้แต่ว่าออกมาจากโรงแรมยังไง เธอก็ไม่ได้สังเกต
ลี่เฉินซีเตรียมเสื้อผ้าไว้ให้เธอเปลี่ยนล่วงหน้า เธอเปลี่ยนแล้ว หวางอี้รออยู่ชั้นล่าง เมื่อพาเธอออกมา ก็ขับรถส่งเธอกลับไปที่คฤหาสน์เพ้ย
เมื่อเธอกลับมาอีกครั้ง ทันทีที่พ่อบ้านเห็นเธอ ก็รีบพูด “คุณผู้หญิง คุณผู้ชายก็พึ่งกลับมา พวกคุณทำไมถึงไม่ได้กลับมาด้วยกันครับ?”
ซูย้าวพูดไม่ออก มองไปที่พ่อบ้านอย่างอึดอัด พูดแค่ “เขาเป็นยังไงบ้าง?”
“อยู่ชั้นบนครับ คุณไปดูหน่อยเถอะ!”พ่อบ้านพูด พลางไปที่ห้องครัวเตรียมซุปสร่างเมา
เธอสูดหายใจลึกอย่างไร้เรี่ยวแรง ก้าวขึ้นชั้นบน ผลักประตูห้องนอนออก ก็ได้กลิ่นแอลกอฮอล์ที่อบอวลอยู่ในอากาศ อดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้ว นี่ดื่มไปมากขนาดไหนกันแน่…..
เพ้ยส้าวหลี่นอนขี้เกียจอยู่บนเตียง คงเพราะดื่มเหล้ามากไป ทำให้ปวดศีรษะเล็กน้อย ยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้วไม่หยุด หลับตาแน่น ได้ยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบา ถึงลืมตาขึ้นเป็นช่องเพียงเล็กน้อย
เขาเห็นเธอแล้ว ก็ยื่นมือไปทางเธอ “ย้าวย้าว…..”
ซูย้าวชะงัก ชื่อนี้ ในความทรงจำเพ้ยส้าวหลี่ไม่เคยเรียกแบบนี้มาก่อน
เธอเดินเข้าไปด้วยความลังเล ก็ถูกชายหนุ่มคว้ามือไว้ จับไว้แน่น แล้ววางไว้บนอก “ตอนเย็นกินข้าวหรือยัง?”
“เอ่อ…..”เธออึดอัดไม่รู้ควรจะตอบว่ายังไง
แต่เพ้ยส้าวหลี่กลับพยายามลุกขึ้นมานั่ง นั่งพิงหมอนตรงหัวเตียง นัยน์ตาที่หยั่งลึกพร่ามัวและซับซ้อน กลับมองไปที่เธออย่างลึกซึ้ง “อาศัยอยู่ที่นี่คุ้นชินไหม?”
ซูย้าวขมวดคิ้ว พูดเพียง “พอได้”
“หลายๆ เรื่อง เธอไม่พูดฉันก็เข้าใจ แต่ย้าวย้าว อ่า ไม่สิ นี่ชิงชิง……”เขาดื่มมากเกินไปจริงๆ ถึงทำให้ไม่สามารถควบคุมคำพูดได้ พูดจาเพ้อเจ้อ
เพ้ยส้าวหลี่กุมมือเธอ ให้เธอนั่งลงข้างๆ ตน “ฉันไม่สนว่าตอนนี้ในใจเธอมีฉันไหม ที่ฉันสนคือหลังจากนี้ สิ่งที่เขาสามารถให้เธอได้ ฉันก็ให้เธอได้ ดังนั้น อย่าไปจากฉัน……”
ต่อให้เขารู้อยู่แล้วว่าเธออยู่เพียงแค่ชั่วคราว อยากที่จะเล่นละครตบตาเท่านั้น แต่เขาก็ยังไม่ยินยอมที่จะวางมือ
บางทีก็รู้สึกโง่มาก และไร้ความหมายมาก
ตอนที่เขาใจเย็นลง จะไม่รู้สึกได้อย่างไรล่ะ?
แต่ความเป็นเหตุเป็นผลก็เรื่องหนึ่ง แล้วความรู้สึกก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ชอบกับรัก ก็ไม่เหมือนกัน ถ้าเขาเพียงแค่ชอบเธอ เช่นนั้น เพื่อผลประโยชน์ของตัวเอง และเพื่อหลีกเลี่ยงเรื่องที่ไม่จำเป็น ก็สามารถวางมือโดยสมบูรณ์ ตัดขาดการติดต่อ
แต่ความรัก เมื่อใจหวั่นไหวไปแล้ว ก็ยากที่จะลืมเลือนจริงๆ
เพ้ยส้าวหลี่เงยหน้ามองไปที่เธอ ยื่นมือออกไปปัดผมยาวที่อยู่ข้างหูเธอ “มากสุดครึ่งปี ภายในเวลาครึ่งปี ฉันจะจัดการเรื่องทั้งหมดนี้ ให้เรียบร้อย จากนั้นเราไปจากที่นี่กัน…..”
ครึ่งปี?
หัวใจซูย้าวสั่นไหวเล็กน้อย ระยะเวลาหกเดือน มันจะ……
เขามองไปที่เธอ แววตาที่พร่ามัวก็สังเกตเห็นสีแดงสดที่คอเธอ รอยแดงที่เห็นได้ชัดผิดปกติ มันมาได้ยังไง เขาสามารถเดาได้!
นิ้วมือของเพ้ยส้าวหลี่ค่อยๆ กำแน่นอย่างควบคุมไม่ได้ เส้นเลือดผุดขึ้นบนหน้าผาก แต่กลับพยายามระงับไว้ สูดหายใจลึก “แล้วฉันให้เวลาเธอหนึ่งเดือน ตัดขาดกับเขาให้หมดเกลี้ยง นะ?”
ซูย้าวมองไปที่เขาอย่างมั่นคง ดวงตาเคลื่อนไหว “ฉันจะพยายามแยกความสัมพันธ์กับเขา ขีดเส้นให้ชัดเจน แต่ว่าส้าวหลี่ ความสัมพันธ์ระหว่างนายกับฉัน ก็ไม่อาจเปลี่ยนแปลงได้”
“บางทีพูดไม่ตอนนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะ รอให้นายสร่างเมาก่อนค่อยคุย!”ขณะที่พูด เธอก็ตบแขนเขาอย่างปลอบโยน กำลังจะลุกขึ้น กลับถูกแขนยาวของชายหนุ่มเกี่ยวพันไว้
เขามองไปที่เธอ แววตาลึกซึ้ง “ตอนนี้ฉันได้สติชัดเจน และรู้ว่าสิ่งที่เธอคิดคืออะไร”
เธอต้องการแสร้งว่าทั้งสองคน’รักใคร่’กันและใช้ข่าว’แต่งงาน’ มาต่อต้านอานเจียเย้น ถือโอกาสโจมตี รวบรวมหลักฐาน ทำลายพลังอำนาจของอานเจียเย้น ขจัดอันตรายแอบแฝงที่ใหญ่หลวงนี้
เพราะดูจากหลายๆ มุมมองแล้ว เพ้ยส้าวหลี่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่มีใครเทียบ ประการแรกเขาเป็นคนตระกูลเพ้ย เข้าใจธุรกิจของตระกูลเพ้ยในต่างประเทศ และเครือข่ายระหว่างบุคคลเป็นอย่างดี
ประการที่สองเขาก็มีความทะเยอทะยาน และความสามารถนี้ เพียงแค่บวกความร่วมมือและคำแนะนำของซูย้าวเข้าไปเล็กน้อย เช่นนั้น ทุกสิ่งทุกอย่างก็จะเป็นเหตุเป็นผล และราบรื่นง่ายดาย
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว ลี่เฉินซีกลับไม่เหมาะสม
แม้ว่าลี่ซื่อกรุ๊ปจะแข็งแกร่ง มีอำนาจทรงพลัง แต่แต่ไหนแต่ไร ขอบเขตธุรกิจหลักของบริษัทลี่ซื่อ ล้วนแต่อยู่ในประเทศ มันเป็นเพียงแค่ธุรกิจครอบครัวขนาดใหญ่ในท้องถิ่น คิดที่จะเผชิญหน้ากับพลังขนาดใหญ่จากต่างประเทศอย่างอานเจียเย้น มันค่อนข้างจะทำได้ยาก
อีกอย่าง การจะทำเช่นนี้ ไม่เพียงแค่มีระดับความยากสูงเท่านั้น ยังจะเกิดตัวแปรมากมาย รวมถึงความอันตรายด้วย
ต่อมา ความสัมพันธ์ของตัวลี่เฉินซีกับซูย้าวนั้นไม่ธรรมดา แล้วยังมีการมีอยู่ของเด็กอีกสามคน เหล่านี้ล้วนแต่เป็นสิ่งผูกมัดและโซ่ตรวน เป็นไปได้มากว่าผลลัพธ์จะตรงข้ามกับสิ่งที่หวัง
ดังนั้นไม่ว่าจะพิจารณาจากมุมมองไหน ซูย้าวก็มีแต่ต้องเลือกเพ้ยส้าวหลี่
ต่อให้มันขัดต่อเจตจำนง ต่อให้เป็นสิ่งจอมปลอม ต่อให้ไร้สิ้นหนทาง
ดังนั้นระหว่างพวกเขา มีเพียงข้อผูกมัดทางผลประโยชน์ ไม่เกี่ยวข้องใดๆ กับความรักและอื่นๆ
ในเรื่องนี้ ซูย้าวก็เคยอธิบายกับเขาอย่างละเอียดแล้ว หวังว่าเขาจะเข้าใจ ว่าเพียงแค่ยืมใช้ความสัมพันธ์นี้ การได้ผลประโยชน์ร่วมกัน แลกเปลี่ยนกัน ทำให้ทุกฝ่ายมีความสุข
แต่เธอเข้าใจชัดเจน ว่าเป้าหมายเพื่อผลประโยชน์ แต่เขา กลับมีใจให้ มีความหวั่นไหว
“เธอก็ทำตามความคิดของเธอเถอะ ฉันเองก็จะทำตามความคิดฉัน ขอพูดซ้ำอีกครั้ง ตัดขาดกับเขาให้เกลี้ยง”เขาพูดนิ่งๆ อาจเพราะแอลกอฮอล์ที่อยู่ในหัว ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นนวดระหว่างคิ้วอีกครั้ง
ซูย้าวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “หกเดือนก็หกเดือนแล้วกัน แต่ส้าวหลี่ นายรู้ใช่ไหม ว่าคนอย่างอานเจียเย้น เชื่อถือไม่ได้ เขาอันตรายยิ่งกว่าลี่เฉินซี ดังนั้น……”
เธอจงใจไม่พูดต่อ อาจเพราะเธอกังวลเกินไป ดังนั้นจึงพยายามพูดแค่พอประมาณ ฝืนริมฝีปากยิ้ม “เรื่องพวกนี้ รอนายได้สติก่อนค่อยว่ากันเถอะ พักผ่อนให้ดีๆ ก่อน”
เพ้ยส้าวหลี่เองก็มองไปที่เธอแล้วพยักหน้า หลังจากมองส่งเธอออกไป พ่อบ้านก็ยกซุปสร่างเมาเดินเข้ามา พยุงให้เขาลุกขึ้นนั่ง ส่งซุปไปตรงหน้า
เขายังไม่ได้กิน พูดแค่ “เตรียมเทียนหอมไว้หรือยัง?”
พ่อบ้านชะงักเล็กน้อย หลังจากได้สติกลับมา ก็รีบพยักหน้า “เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วครับ จุดไว้ในห้องคุณผู้หญิงแล้ว”
เขาพยักหน้า “ถ้าเธอไม่ชอบกลิ่นนั้น พรุ่งนี้ก็เปลี่ยนอีกแบบ”
“ครับ ผมทราบแล้ว”
ในห้องของซูย้าว มีเทียนหอมอยู่จริงๆ กลิ่นหอมไม้จางๆ อบอวลอยู่ในอากาศ สัมผัสไม่ได้ถึงความผิดปกติใดๆ รู้สึกแค่ว่าดมนานๆ แล้ว กลับทำให้คนอ่อนล้าและง่วงนอนง่าย อาจจะมีฤทธิ์กล่อมประสาทช่วยให้นอนหลับ
เธอเองก็เหนื่อยแล้วจริงๆ ดังนั้นกลับห้องไปอ่านหนังสือสักพัก ก็นอนหลับไป
เมื่อไฟในห้องเธอดับลงทีละดวง เพ้ยส้าวหลี่ถึงย่องออกไปที่ห้องหนังสือ ขณะเดียวกัน ก็เชื่อมต่อวิดีโอคอลกับใครบางคน
ถ้าหากวางเทียนหอมนี้ไว้ในเวลาปกติ หรือใช้กับคนอื่น คาดว่าคงไม่ทำให้ใครสังเกตเห็นอะไรได้ง่ายๆ แต่เพ้ยส้าวหลี่มองข้ามไปจุดนึง นั่นคือซูย้าวมักจะมีอาการนอนไม่หลับ
พูดให้ถูกต้องคือ เพราะมีความอ่อนแอทางจิตใจ ทำให้หลับยากผิดปกติ ด้วยเหตุนี้ อานเจียเย้นยังเคยสั่งให้คนไปหาหมอชื่อดังหลายครั้ง หาวิธีรักษามากมายให้เธอ และยังเคยใช้ยานอนหลับช่วยมาเป็นเวลานาน แต่กลับไม่ดีขึ้น
โรคนี้ เธอมีมานานแล้ว
จู่ๆ วันหนึ่ง สามารถนอนหลับได้อย่างง่ายดายแบบนี้ เธอจะไม่สังเกตเห็นความไม่ปกติได้ยังไง?
หลังจากเธอปิดไฟ ก็ยังไม่ได้นอนพัก แต่ดับเทียนหอม เปิดหน้าต่าง ระบายกลิ่นออก แล้วตนก็เดินไปที่ระเบียง พยายามให้สมองได้สติกลับมา
สักพักใหญ่ เธอก็สวมเสื้อคลุม ออกมาจากห้องอย่างมือเบาเท้าเบา เมื่อผ่านห้องหนังสือ ก็ได้ยินเสียงที่ดังออกมาจากด้านใน
“ชิงชิงคงยังไม่รู้เรื่องระหว่างฉันกับนาย เจียเย้น สาเหตุที่ฉันเชื่อนาย เพราะอะไรนายควรจะรู้ดีกว่าฉัน โอกาสสุดท้าย ถ้านายไม่สามารถกลืนกินบริษัทลี่ซื่อ จัดการลี่เฉินซี งั้นก็ไม่ใช่แค่ฉันที่รอไม่ไหว แม้แต่ชิงชิง เกรงว่าก็จะปิดไว้ไม่อยู่แล้ว…..”
คำพูดเข้าสู่หู นิ้วมือซูย้าวที่แนบอยู่กับผนัง ก็ชื้นด้วยเหงื่อเย็นโดยไม่รู้ตัว ที่แท้ เทียนหอมที่ทำให้คนหลับลึกได้ง่ายนั่น ก็เพื่อการนี้
เพื่อไม่ให้เธอได้ยินการสนทนาลับระหว่างพวกเขา แล้วเรื่องที่เธอกังวลมากที่สุด ดูเหมือนจะเกิดขึ้นแล้ว…..