ซูย้าวตกตะลึงกับคำพูดของชายหนุ่มทางโทรศัพท์ฉับพลันเช่นนี้
เธอทั้งประหลาดใจและสงสัย ความรู้สึกต่างๆ นานาเข้ามาหลอมรวมกัน มันช่างไร้สาระและตลกสิ้นดี
เธอทำท่างุนงงกำลังจะมองไปที่หมายเลขโทรศัพท์ แต่ชายหนุ่มในสายกลับไม่ยอมให้โอกาสเธอ เธออยากจะพูดอะไรออกมาสักอย่างแต่เมื่อครุ่นคิดเรียบเรียงคำพูดดูแล้วก็ไม่รู้จะพูดอะไร น้ำเสียงของชายหนุ่มที่ปลายสายพูดออกมาอย่าง ไม่อดทนว่า “จะเรียกหรือไม่เรียก?”
ซูย้าวผงะลง นี่คือลี่เฉินซีแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่า……
ในขณะที่เธอกำลังรู้สึกประหลาดใจอยู่นั้น ที่ข้างหูก็ได้ยินเสียง “ปึง” ดังขึ้นแทนที่ ต่อมาเธอเห็นลี่เฉินซีเดินตรงเข้ามาอย่างน่าเกรงขามมือข้างหนึ่งของเขาถือโทรศัพท์อยู่ ส่วนอีกข้างหนึ่งยื่นออกไปคว้าคอเสื้อของบอดี้การ์ดที่พุ่งเข้าไป ก่อนจะยกขึ้นแล้วเขวี้ยงออกไปกระเด็นหลายเมตร ร่างอันใหญ่โตของเขาเดินตรงมาที่เธอ
เขาวางสายแล้วเก็บโทรศัพท์ลงไป ดวงตาอันเย็นชาปนเปื้อนไปด้วยความบูดบึ้ง ก้มลงมองเธอแล้วพูดว่า “ให้คุณเรียกผมว่าสามีมันยากนักหรือไง?”
เมื่อพูดจบดวงตาอันลึกล้ำและดุร้ายของเขาก็กวาดมองไปยังคนที่ยืนอยู่ด้านข้าง ประธานหลี่ไม่คิดว่าสถานการณ์จะเปลี่ยนแปลงไปแบบนี้ เขามองไปยังชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าด้วยความประหลาดใจเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัว “แก……ใครอีกวะเนี่ย?”
ลี่เฉินซีไม่พูดอะไรออกมา เมื่อเจียงจี้เซิงเดินตามเข้ามาด้านหลังและปัดฝุ่นที่อยู่บนชุดสูทของเขา สายตากวาดมองไปยังทุกคนที่อยู่ในห้อง จนกระทั่งพบเข้ากับเซียวไน่จึงรีบตรงเข้าไปทันที
บอดี้การ์ดคนหนึ่งต้องตั้งใจจะเข้าไปดึงตัวเซียวไน่เอาไว้ แต่กลับถูกเจียงจี้เซิงถีบเสียจนกระเด็น เขาเดินเข้าไปใกล้เธอแล้วยื่นมือออกไปโอบเธอเข้ามาไว้ในอ้อมอก เขาสำรวจร่างกายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าก่อนถามว่า “ได้รับบาดเจ็บหรือเปล่า?”
เมื่อมองไปยังฉากที่อ่อนโยนและมีเสน่ห์เช่นนี้ซูย้าวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึก ประทับใจและอิจฉาเล็กน้อย ดูเจียงจี้เซิงเข้าสิ นี่จึงจะเป็นท่าทางแห่งการเข้ามาช่วยเหลือ แล้วลองมองไปที่คุณชายลี่สิ ชายหนุ่มผู้นี้ใบหน้าหล่อเหลาแต่ช่างเย็นชาสายตาบูดบึ้งราวกับจะกินคนเข้าไปได้ ที่สำคัญที่สุดก็คือเขาไม่เห็นสภาพของเธอตอนนี้หรือไง?
เธอละสายตาออกไปอย่างเบื่อหน่ายและขยับร่างกายกระโดดเข้าไปพยายามเข้าใกล้เจียงจี้เซิงเพื่อให้เขาช่วยแก้เชือกให้
แต่การเคลื่อนไหวของซูย้าวยังไม่ไปถึงไหนเธอก็ถูกประธานหลี่คว้าเอาไว้และเตะเธอล้มลงสู่พื้น ก่อนจะใช้ขาข้างหนึ่งเหยียบไปที่ร่างเธอ “ฉิบหายเอ้ย พวกมึงเป็นใครกันวะ!”
ประธานหลี่เหลือบมองไปยังลี่เฉินซีและเจียงจี้เซิงด้วยสายตาประมาท บอดี้การ์ดยังคงยืนอยู่ข้างกายเขา ทำท่าทางเสแสร้งถึงความน่าเกรงขามแต่ที่จริงแล้วก็ไม่ได้มีความสามารถสักเท่าไหร่
ดวงตาอันเย็นชาของลี่เฉินซีกวาดมองไปที่ประธานหลี่ น้ำเสียงของเขาเยือกเย็นพูดว่า “ฉันจะพูดแค่ครั้งเดียว ปล่อยเธอเสีย!”
ประธานหลี่มองด้วยความประหลาดใจ “แกเป็นใครวะ บอกให้ฉันปล่อยฉันก็ต้องปล่อยหรือไง? ทำไมต้องฟังคำพูดแกด้วย?”
เมื่อพูดจบประธานหลี่ก็โบกมือให้กับลูกน้อง “จัดการไอ้เต่าหัวหดสองตัวนี้ด้วย วันนี้ฉันจะฆ่าพวกมันให้หมด แม่งเอ้ย ถ้าฉันไม่เผยกรงเล็บออกมา พวกแกก็คิดว่าฉันเป็นแมวป่วยหรือไง?”
เจียงจี้เซิงปกป้องเซียวไน่ที่ยืนอยู่ด้านหลังเขา จากนั้นหาพื้นที่ปลอดภัยให้เธอเข้าไปหลบ ก่อนจะถอดชุดสูทและปลดกระดุมออก เดินเข้าไปอยู่ข้างกายลี่เฉินซี เขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความเยือกเย็นและถามว่า “มันเรียกพวกเราว่าอะไรนะ?”
ใบหน้าอันมืดมนแต่หล่อเหลาของลี่เฉินซีเต็มไปด้วยความรู้สึกมากมาย เขาโกรธจนยิ้ม “เต่าหัวหด”
“โอ้โห! ช่างกล้าหาญจริง!” รอยยิ้มที่ริมฝีปากของเจียงจี้เซิงเผยให้เห็นส่วนโค้งที่มีความโหดร้าย ดวงตาเย็นชาของเขาจ้องไปที่ประธานหลี่ รอยยิ้มนั้นหายไปทันที ท่าทางอันรวดเร็วว่องไวสามารถจัดการปราบบอดี้การ์ดให้ล้มลงที่พื้นได้อย่างง่ายดายจนร้องโอดครวญ
แต่ลี่เฉินซีนั้นว่องไวกว่า เพียงแค่ไม่กี่ที บอดี้การ์ดทั้งห้าคนก็ถูกเขากระแทกโยนลงไปที่พื้น เขาลงไม้ลงมืออย่างสุดโหดและรวดเร็ว พวกบอดี้การ์ดเหล่านั้นไม่อาจรับมือได้ นอนกลิ้งไปมาบนพื้นด้วยความเจ็บปวด
เพียงชั่วครู่ น้ำเสียงโอดครวญของชายหนุ่มก็ดังไปทั่วห้องทำงาน
แต่ละคนล้มลงนอนเอนไปมาและร้องออกมาอย่างไม่อับอาย บางคนก็คลานหาฟันตนเองที่ถูกต่อยจนหลุด
ด้านของประธานหลี่ตกใจจนสุดขีด เขาสูดลมหายใจเข้า ลำคอแข็งเกร็ง ยืนอยู่อย่างกับคนเสียสติ เท้ายังคงเหยียบซูย้าวอยู่ไม่ขยับเขยื้อน “พะ พะ พวก พวกแก……”
เขาพูดได้เพียงแค่พวกแกอยู่เนิ่นนาน แต่ก็ไม่สามารถพูดเป็นประโยคออกมาได้
ลี่เฉินซีหมดความอดทนอีกต่อไป ในขณะที่เขากำลังจะเดินไปทำอะไรบางอย่างก็ถูกเจียงจี้เซิงรั้งเอาไว้ สายตาอันเย็นชามองไปที่ประธานหลี่แล้วพูดว่า “แกอาจจะไม่รู้จักพวกเราสินะ เคยได้ยินชื่อคุณชายลี่ไหม?”
คุณชายลี่?!
ดวงตาของประธานหลี่หดเกร็งด้วยความตกใจ หลังจากนั้นเหมือนกับว่าเขาคิดอะไรขึ้นมาได้ ดวงตานั้นเต็มไปด้วยความกลัวที่ไม่อาจบรรยายออกมา ตกใจเสียจนหน้าเปลี่ยนเป็นสีขาวซีด “ประธานลี่ ลี่เฉินซี ท่านประธานแห่งบริษัทลี่ซื่อเหรอ?”
เจียงจี้เซิงพยักหน้าเล็กน้อย ใบหน้าของเขาเผยถึงรอยยิ้ม แต่รอยยิ้มนั้นมันยังคงเย็นชาและโหดร้ายยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
ดูเหมือนประธานหลี่จะมีลางสังหรณ์บางอย่าง จึงได้จ้องไปที่ลี่เฉินซีและทำการพิจารณา พบว่าเขาสวมชุดสูทรองเท้าหนังพอดีตัว แม้ว่าชุดสูทนั้นจะถูกเปิดออกแต่ก็เห็นได้ชัดว่าเป็นรุ่นลิมิเต็ด ทั้งยังนาฬิกามูลค่านั้น……
รวมกันแล้วราคามูลค่าสิ่งของที่เขาสวมใส่อยู่คงไม่ต่ำกว่าหนึ่งล้านหยวน การแต่งกายของทั้งสองคนนี้ดูหรูหรา หรือว่า……
“พวกคุณทั้งสองคนคือลี่เฉินซีและเจียงจี้เซิงอย่างงั้นเหรอ?” ประธานหลี่เอ่ยถามกลับ แต่การที่เขาถามออกมาแบบนี้นั่นหมายความว่าตัวเขาเองก็แทบจะแน่ใจแล้ว ทว่ามันก็สายเกินไป
เพราะคำตอบที่ให้ไปกับประธานหลี่นั้นไม่ใช่น้ำเสียงของลี่เฉินซี แต่เป็นการเตะเข้าไปที่ช่องท้องของประธานหลี่ ทำให้ผู้ชายที่ร่างสูงถึงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเส้นกระเด็นออกไปหลายเมตร
ประธานหลี่ล้มลงสู่พื้น ร่างเขากระแทกไปที่โต๊ะทำงานด้านหลังอย่างจัง จากนั้นก็กระเด็นลงไปที่พื้นทำให้เจ็บปวดรุนแรงเสียจนต้องห่อตัวร้องโหยหวน
ลี่เฉินซีจะไปสนใจเขาได้อย่างไร สิ่งที่เขาทำคือเดินเข้าไปช่วยแก้มัดเชือกบนร่างของซูย้าวเพียงไม่กี่ครั้งก็หลุดหมด ดวงตาอันลึกล้ำมองไปที่มุมปากซึ่งยังมีคราบเลือดและรอยนิ้วมือแดงบวมบนใบหน้าของเธอ ใบหน้าอันหล่อเหลาของเขาก็มืดมนลงอีกครั้ง
แต่ในคราวนี้เขาไม่จำเป็นต้องลงมือเอง เจียงจี้เซิงเดินเข้าไปด้านในแล้วพยุงประธานหลี่ขึ้นมาต่อยหมัดใส่เขาไม่ยั้ง “แกทำร้ายพวกเธอเหรอ?”
“รู้ไหมว่าพวกเธอเป็นใคร?” เจียงจี้เซิงพูดด้วยความโมโหและลงมือหนักยิ่งกว่าเดิม วินาทีนี้ใบหน้าของประธานหลี่เต็มไปด้วยเลือดแทบจะทำจำหน้าเดิมไม่ได้เลย
หลังจากจัดการได้พอประมาณแล้วเขาจึงวางมือ ก่อนจะโยนประธานหลี่ออกไป ซึ่งบัดนี้แทบจะสิ้นใจ เจียงจี้เซิงลุกขึ้นแล้วหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาจากกระเป๋าเสื้อเช็ดลอยคราบเลือด
ลี่เฉินซีตกลงบนบ่าของซูย้าวเบาๆ ให้เธอวางใจ จากนั้นประธานหลี่ก็พยายามรวบรวมแรงทั้งหมดที่มีอยู่คลานเข้ามาเหมือนกับงู แทบที่เท้าของเขา พยายามดิ้นรนที่จะยืนขึ้น เอื้อมมือไปแตะขากางเกงของชายคนนั้น “ผมมีตาหามีแววไม่ ผมมันตาบอดไปแล้วที่มองไม่ออกว่าทั้งสองท่านคือประธานเจียงและประธานลี่ ได้โปรดเถิดครับในครั้งนี้ปล่อยผมไปผมผิดไปแล้วจริงๆ !”
“ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วครับ!” น้ำเสียงของประธานหลี่ดูเหมือนกำลังจะร้องไห้ออกมา เขาคิดว่าทำเช่นนี้แล้วลี่เฉินซีอาจจะใจอ่อนลงบ้าง ก่อนจะยกมือขึ้นตบหน้าตัวเองอย่างจัง “ผมมันตาบอด ผมผิดไปแล้วคุณชายลี่ ประธานเจียง ไว้ชีวิตผมด้วยเถอะ!”
ใบหน้าอันเคร่งขรึมของลี่เฉินซีดูลึกล้ำ เขาเตะแขนที่จับอยู่ตรงขาก่อนจะถอดเสื้อสูทออกมาคลุมร่างของซูย้าวเอาไว้ แล้วอุ้มเธอมาไว้ในอ้อมกอด
เขาจับมือของเธอและพบรอยแดงซึ่งถูกจากการมัดของเชือก จึงขมวดคิ้วขึ้น
ในขณะเดียวกันที่ด้านนอกก็มีเสียงดังเข้ามา เลขาของเจียงจี้เซิงและบอดี้การ์ดส่วนหนึ่งเดินทางมาถึงพอดี เจียงจี้เซิงจึงมองเข้าไปภายในห้องและกำชับว่า “คนพวกนี้ไม่รู้ว่ากฎเกณฑ์คืออะไร ช่วยสอนพวกเขาด้วย”
เลขาพยักหน้ารับตามคำสั่ง จากนั้นออกคำสั่งให้บอดี้การ์ดเดินหน้าไปจัดการหิ้วทุกคนในห้องออกไปทีละคน
ท้ายที่สุดแล้วสายตาของเจียงจี้เซิงก็มองมาที่ประธานหลี่ ซึ่งใบหน้าเต็มไปด้วยเลือด น้ำเสียงเอ่ยขึ้นอย่างเยาะเย้ยว่า “คนคนนี้ควรจะจัดการอย่างไรดีนะ?”
“ตัดมือมันทิ้งเสีย” น้ำเสียงของประธานหลี่ที่ไม่มีความอบอุ่นแม้แต่น้อยพูดออกมา จากนั้นก็พยุงซูย้าวเดินฝ่าฝูงชนออกไปจากห้องทำงาน
น้ำเสียงอันโศกเศร้าดังมาจากข้างหลังราวกับคำรามออกมาจากขุมนรก แต่เสียงฝีเท้าของทั้งสองกลับก้าวออกไปไกลเรื่อยๆ