“วันนี้พี่ชายเธอบอกพี่ว่ามีคนร้องเรียนพี่”
“หา ร้องเรียนพี่สะใภ้ พี่ไปทำอะไรไว้เหรอคะ”
“บอกว่าพี่น่ะ เป็นสมาชิกในครอบครัวทหารแต่กลับไปมีสัมพันธ์ใกล้ชิดกับนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ เขายังพูดอีกว่าตัวเองรู้ว่าสามีพี่กับOneรู้จักกัน แถมยังทำหน้ารังเกียจแทนสามีพี่อีก บอกว่าพี่ยอมไปเป็นเมียน้อยคนที่สี่ให้คนอื่น”
“…เขาพูดแบบนั้นได้ยังไง” หลิวเหมยเดาได้แล้วว่าใคร
ก่อนหน้านี้หลิวเหมยคิดว่าถึงจะเป้นสามีภรรยากันไม่ได้แต่ก็อย่าถึงกับต้องเป็นศัตรูกันเลย อย่างไรเสียเธอก็แอบรู้สึกผิดที่ทำให้พ่อแม่อีกฝ่ายมาถึงที่นี่แล้ว
ดูท่าตอนนี้เธอคงไม่ต้องรู้สึกผิดอะไรแล้ว พฤติกรรมของหม่าลุ่ยทำให้เธอเจ็บมาเกินพอ
“แล้วพี่หลางว่าไงบ้างคะ”
“พี่ชายเธอบอกเขาไปว่า นักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่น่าสงสัยว่ามีความสัมพันธ์ชู้สาวกับพี่ก็คือพี่ชายของเขาเอง เขาก็คือพี่สี่ที่ทุกคนพูดถึงกัน”
ประโยคเดียวฆ่าตายสนิท
“ดี สมน้ำหน้า” หลิวเหมยกัดฟันพูดด้วยความโกรธ เธอไม่นึกเลยว่าเพราะเรื่องแต่งงานของตัวเองจะทำให้ครอบครัวต้องมาเดือดร้อนแบบนี้ โชคดีที่พี่ชายกับพี่สะใภ้เธอรักกันดี ไม่อย่างนั้นเกิดเรื่องแบบนี้เข้าแทรกกลางระหว่างทั้งสองคนได้ อีกหน่อยเธอจะกล้าสู้หน้าพี่ชายกับพี่สะใภ้ได้อย่างไร
“เธอไม่ต้องเครียดนะ เรื่องแบบนี้ตระกูลเรารับมือได้อยู่แล้ว เรื่องมาถึงขั้นนี้ต่อไปเธอกับเขาก็ต่างคนต่างอยู่ เราไม่ไปล้างแค้นเขา เขาก็อย่าแม้แต่จะคิดมาหาเรื่องพวกเรา”
สิ่งที่เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้บอกก็คือ คนบางคนชอบคิดมาก ถึงแม้อวี๋หมิงหลางพูดไปแค่ประโยคเดียวก็จัดการได้อยู่หมัด แต่หม่าลุ่ยต้องคิดมากกว่านั้นแน่ เขาจะกังวลว่าอวี๋หมิงหลางจะไปแก้แค้น ต่อให้อวี๋หมิงหลางขี้เกียจจะสนใจก็ตาม ก่อนที่หม่าลุ่ยจะได้ย้ายสายงาน เขาต้องทนทุกข์ทรมานกับการฟุ้งซ่านคิดไปต่างๆนานาแน่นอน
แต่เรื่องพวกนั้นไม่สำคัญ หม่าลุ่ยได้เสร็จสิ้นภารกิจสั่งสอนหลิวเหมยให้เติบโตขึ้นเรียบร้อยแล้ว นับจากนี้ไปหมดหน้าที่ของเขาแล้ว
สักพักสุ่ยเซียนก็มาหา สุ่ยเซียนที่คิดเอาเองว่าตัวเองอกหักนอนไม่หลับ หลิวเหมยที่ตื่นเต้นกับการมีรักครั้งใหม่ก็นอนไม่หลับ เสี่ยวเชี่ยนจึงจัดการให้ทั้งสองคนนอนบนเตียงเดียวกันแล้วทำการสะกดจิต ทั้งสองคนหลับไปอย่างรวดเร็ว
เรื่องความรักของหลิวเหมยเป็นรูปเป็นร่างแล้ว เรื่องของสุ่ยเซียนเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่ได้กลุ้ม ตอนนี้สิ่งที่เธอกลุ้มก็คือเอกสารที่พี่ใหญ่ให้เธอมา
ตอนอยู่สำนักงานขายไม่ได้ดู พอเอากลับมาอ่านแล้วถึงได้พบว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มาก พี่ใหญ่นะพี่ใหญ่ ครั้งนี้เอาโจทย์ยากมาให้เธอแล้ว
อวี๋หมิงหลางกลับมาถึงบ้านสี่ทุ่มกว่า เสี่ยวเชี่ยนยังคงนั่งอ่านเอกสารอยู่ในห้องรับแขก
สายลมยามเย็นพัดม่านหน้าต่างให้พลิ้วไหว เสี่ยวเชี่ยนเดินไปปิดหน้าต่าง พอหันไปก็เห็นเงาคนอยู่ตรงประตูบ้าน เล่นเอาเธอตกใจเอามือทาบอก พอจ้องดีๆถึงพบว่าเป็นอวี๋หมิงหลาง
แถมเขายังทำหน้าทะเล้นใส่เธอ
เสี่ยวเชี่ยนโมโหเลยหยิบหนังสือที่อยู่บนโต๊ะเขวี้ยงใส่ อวี๋หมิงหลางรับได้อย่างสบายๆแล้วถือโอกาสเปิดดู
หนังสือชื่อว่า คำอธิบายเรื่องรักร่วมเพศ—รายงานความผิดปกติ เอ๋ เธออ่านแบบนี้ด้วยเหรอ
“ไหนว่าวันนี้กลับมาไม่ได้ไง” เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเลยด้วยซ้ำ โชคดีที่เธอไม่ได้เป็นคนขวัญอ่อน ถ้าเป็นคนจิตไม่แข็งป่านนี้คงช็อคหนักไปแล้ว ในบ้านยังมีผู้หญิงอีกสองคน เขาทำแบบนี้มันน่าตกใจมากรู้ไหม
เมื่อตอนเที่ยงเธอกับเขากินข้าวด้วยกัน เดิมคิดเอาไว้ว่าจะกลับมาบ้านเพื่อหาหนทางไล่อาเหม็ด แต่คนที่หน่วยโทรมาหาอวี๋หมิงหลาง มีธุระเขาจึงต้องรีบกลับไป
“ธุระเสร็จแล้ว” ช่วงเวลาพิเศษนี่ดีจริงๆ จะกลับบ้านเมื่อไรก็ได้ ถ้าเป็นยามปกติห้ามออกจากค่าย
“นายเข้ามาได้ยังไง”
อวี๋หมิงหลางแกว่งเส้นลวดในมือให้ดู ใช้สิ่งนี้เปิดประตูได้สบาย
“ดึกป่านนี้แล้วยังไม่นอนอีก” อวี๋หมิงหลางถือหนังสือที่เสี่ยวเชี่ยนเขวี้ยงเดินไปที่โซฟา บนโซฟายังมีหนังสืออีกหลายเล่ม ซึ่งทั้งหมดล้วนเกี่ยวกับเรื่องรักร่วมเพศ
“พี่ใหญ่เอาลูกค้าพิเศษมาให้ฉัน ฉันกำลังหาข้อมูลอยู่”
“เกี่ยวกับรักร่วมเพศ”
ทันใดนั้นอวี๋หมิงหลางก็นึกถึงผู้ชายเลวที่เกือบหลอกให้เสี่ยวเชี่ยนแต่งงานด้วย คนๆนั้นก็เป็นรักร่วมเพศ พอเห็นคำๆนี้เขาก็รู้สึกอึดอัด
“อืม ลูกค้าของพี่ใหญ่น่ะแหละ พี่ใหญ่ย้ำนักย้ำหนาว่าต้องทำเรื่องนี้ให้สำเร็จให้ได้ พอฉันกลับบ้านมานั่งอ่านดูถึงได้รู้ว่ามันยากมาก”
เสี่ยวเชี่ยนนวดขมับ เธอหาทางออกให้กับเรื่องนี้มาครึ่งวันแล้ว เรื่องมันไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด มีแผนอยู่เบื้องหลัง ครั้งนี้พี่ใหญ่เลอะเลือนจริงๆ ทำไมเอาเคสแบบนี้มาให้เธอได้
อวี๋หมิงหลางไม่รู้ว่าเสี่ยวเชี่ยนกำลังคิดหนัก และก็ไม่รู้ว่าเรื่องนี้มีแผนอยู่เบื้องหลัง พอเห็นเสี่ยวเชี่ยนทำท่าปวดหัวเขาก็คิดไปเองว่าเธอคงนึกถึงเรื่องราวที่ไม่ดีในอดีต
“คุณไม่ต้องรับเคสแบบนี้หรอก”
อวี๋หมิงหลางไม่ได้รู้สึกต่อต้านกลุ่มคนรักร่วมเพศ เขารับได้ที่ฉิวฉิวที่เป็นคนมีความผิดปกติในกระบวนการรับรู้เรื่องเพศของตัวเองมาเป็นเพื่อนเสี่ยวเชี่ยน แต่เขาก็ไม่อยากให้เสี่ยวเชี่ยนรับเคสคนไข้แบบนี้ กลัวเธอจะนึกถึงความทรงจำอันเลวร้ายในอดีต
ตอนที่เขาเพิ่งรู้จักเสี่ยวเชี่ยนก็เริ่มจากผู้ชายเลวที่เป็นรักร่วมเพศมาหลอกเธอแต่งงานไม่ใช่เหรอ
“เคสนี้ก็คือต้องการให้ฉันรักษาผู้ชายที่ใกล้แต่งงานที่มีความเบี่ยงเบนทางเพศ เขาชอบผู้ชาย แต่ครอบครัวให้เขาหมั้นกับผู้หญิงไปแล้ว แต่ก่อนหน้านี้ไม่นานครอบครัวฝ่ายหญิงพบว่าผู้ชายคนนี้ไปนัวเนียอยู่กับผู้ชายคนอื่น ตอนนี้ครอบครัวของฝ่ายชายเลยอยากให้ฉันช่วยรักษา ออกใบรับรองว่าเขาหายแล้ว แต่ดูจากประวัติการรักษาของเขา เขาเบี่ยงเบนทางเพศมาตั้งแต่กำเนิดไม่ได้เพิ่งมาเป็นในตอนหลัง เสี่ยวเฉียง นายรู้ไหมว่ามันหมายความว่ายังไง”
“ผมจำได้คุณเคยบอกผมว่า รักร่วมเพศที่มาจากยีนถ่ายทอดมาทางพันธุกรรมไม่สามารถรักษาได้…ดังนั้นครอบครัวนั้นต้องการให้คุณช่วยโกหก แม่ง”
อวี๋หมิงหลางสบถออกมา เรื่องนี้มันไร้ซึ่งศีลธรรมสิ้นดี
สมกับเป็นเสี่ยวเฉียง พูดแค่นิดหน่อยก็เข้าใจ เสี่ยวเชี่ยนพยักหน้าอย่างลำบากใจ
“ถึงจะไม่ได้เขียนมาอย่างชัดเจน แต่พวกเขาก็ต้องการให้ทำแบบนั้นน่ะแหละ ไม่ว่าจะรักษาได้หรือไม่ได้ก็จะให้เงินค่ารักษาก้อนใหญ่กับฉัน เพื่อจุดประสงค์เดียวเท่านั้น ต้องการให้ฉันออกใบรับรองว่าเขาหายดีแล้ว”
“เคสไร้สาระแบบนี้คุณไม่ต้องรับ” อวี๋หมิงหลางพูดอย่างเด็ดขาด
รักร่วมเพศเดิมก็เป็นสิทธิในการเลือกส่วนบุคคลอยู่แล้ว คนอื่นไม่มีสิทธิ์ไปก้าวก่ายหรือดูถูก แต่การปิดบังความจริงแล้วไปหลอกผู้หญิงแต่งงานแบบนี้มันเกินไป
เคสที่ไร้ศีลธรรมแบบนี้อวี๋หมิงหลางไม่เข้าใจว่าเสี่ยวเชี่ยนลังเลอะไร บอกปัดไปก็ได้แล้วไม่ใช่เหรอ
“สาเหตุที่ฉันไม่บอกปัดก็เพราะคำนึงถึงพี่ใหญ่”
“ผมจะไปคุยกับพี่ใหญ่ คุณไม่ได้มีหน้าที่ต้องทำเรื่องพวกนี้ให้สำเร็จ เขาจะทำธุรกิจก็อย่าเอาเรื่องไม่ดีแบบนี้มาแปดเปื้อนเมียผม”
ถ้าพี่ใหญ่อยู่คงนั่งกัดผ้าขนหนูร้องไห้ไปแล้ว น้องชายเอ๊ย เงินมหาศาลขนาดนี้แกคิดว่าบอกไม่เอาก็ยกเลิกได้เหรอ พี่น้องแท้ๆยังสู้น้องสะใภ้ไม่ได้เลยจริงๆ
“ฉันไม่เป็นไร”
“ไม่ได้ เรื่องนี้ต้องฟังผม ไม่ต้องรับ” อวี๋หมิงหลางหยิบโทรศัพท์ออกมาเตรียมโทรหาพี่ใหญ่ ถ้ากล้าเอาเรื่องไร้สาระแบบนี้มาให้เมียเขาทำอีก เขาจะไปเล่นงานพี่ใหญ่ถึงบ้าน
“ที่รัก อยากช่วยฉันจริงๆไหม”
“ไร้สาระ ถ้าไม่ช่วยเมียแล้วจะไปช่วยใคร”
“งั้นก็อย่าเพิ่งรีบโทรหาพี่ใหญ่”
“คุณคิดอะไรอยู่”
เสี่ยวเชี่ยนหยิบซองเอกสารที่พี่ใหญ่ให้มายื่นให้อวี๋หมิงหลาง
“นายอ่านประวัติของสองครอบครัวนี้ดูก็จะรู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่”