อวี๋หมิงหลางมุมปากกระตุก เขาคิดว่านิสัยการล้มโต๊ะแบบนี้มีแค่เขาที่เอาไว้รับมือกับพ่อตัวเอง นึกไม่ถึงว่าลูกเชี่ยนก็เอาเป็นแบบอย่างด้วย
“นาย ตอนนี้รีบทำความสะอาดที่นี่ให้สะอาด ไม่ใช่แค่เก็บไพ่ให้ครบ ยังต้องลากเก้าอี้กลับเข้าที่เดิม เก็บกวาดเปลือกผลไม้ที่เพิ่งกินไป เช็ดพื้น ปอกผลไม้ไปส่งในห้อง ส่วนอย่างอื่นไปคิดเพิ่มเอาเอง”
ประธานเชี่ยนชี้หน้าอวี๋หมิงหลางพลางพูด
อวี๋หมิงหลางล้วงกระดาษโน้ตบัญชีหนี้ออกมาจากกระเป๋าเงียบๆ “ผมคิดว่าจะได้ใช้สิทธิ์เจ้าหนี้เสียอีก”
“ฉันชดใช้ด้วยร่างกาย” เสี่ยวเชี่ยนทิ้งคำพูดที่ทำให้อวี๋หมิงหลางไม่คัดค้าน จากนั้นก็เดินนำสองสาวเข้าไปนั่งคุยกันในห้อง ทิ้งอวี๋หมิงหลางไว้ในห้องที่รกไปหมดตามลำพัง
“คนเป็นใหญ่ในบ้านคงไม่มีใครอีกแล้ว…” เขาสะบัดนิ้ว เล่นเก่งเกินไปก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องดี ทำเอาเสียวเหม่ยโมโหขนาดนี้…
ตอนดึกอวี๋หมิงหลางยิ้มเจ้าเล่ห์หยิบกระดาษโน้ตที่ลงบัญชีหนี้วางบนเตียง จากนั้นก็เลิ่กคิ้ว
“เสียวเหม่ย คุณคิดจะใช้หนี้ยังไง”
“นายจะเอาไงล่ะ” เสี่ยวเชี่ยนย้อนถาม
อวี๋หมิงหลางวอร์มมือ “เรื่องนี้น่ะนะ จุดเริ่มต้นมันมาจากความมือไว งั้นเราก็ใช้มือไวๆนี่แหละใช้หนี้ คุณว่าไงล่ะ”
นัยแต่ตอนนี้ไปเธอก็คือไพ่ในมือเขา จะลูบคลำให้มันเลย
พูดจบเขาก็ทำท่าทางเหมือนหมาป่าหิวโหย เสี่ยวเชี่ยนหลบอย่างรวดเร็ว เขากระโจนขึ้นเตียงแต่วืด
“นี่ คุณจะมาเบี้ยวหนี้ไม่ได้นะ มารยาทตอนเล่นไพ่ไม่มี ก็ต้องใช้ร่างกายชดใช้คืนสิ”
“ฉันก็อยากคืนหรอก แต่มีญาติฉันคนนึงบอกว่าวันนี้ใช้คืนไม่ได้”
“ญาติคนไหนหน้าไม่อายแบบนี้ ผมจะเอาหนังสติ๊กไปยิงกระจกบ้านให้พรุนเลย” ใครกล้ามาขวางความสุขของเสี่ยวเฉียงน้อย
“ป้าใหญ่[1]”
โวะ ฝันร้าย
อวี๋หมิงหลางยืนตัวแข็ง
“ไม่ถูกวัน”
อย่าถามว่าเขารู้รอบเดือนของเมียตัวเองได้อย่างไร เขาจดเอาไว้ในสมุดบันทึก ช่วงเวลานั้นห้ามยั่วโมโหเธอเด็ดขาด ไม่อย่างนั้นจะตายอย่างเขียด
เสี่ยวเชี่ยนยักไหล่ “ใช่ มาก่อนหลายวัน คิดว่าป้าใหญ่คงจะโมโหนายก็เลยมาก่อน ใครใช้ให้นายมือไวขนาดนั้นล่ะ หงายไพ่จนพวกเรามองไม่ทัน พอฉันโกรธเลือดก็สูบฉีด ป้าๆเลยมากันใหญ่…”
“อ๊าก” อวี๋หมิงหลางเอาหน้าซุกหมอนด้วยความเซ็ง รู้แบบนี้ไม่น่าแกล้งเธอเลย ปล่อยให้เธอชนะไป ไม่แน่ถ้าป้าใหญ่ดีใจอาจไม่มาก่อกวนแบบนี้
“ปกติฉันชอบเรียกคนที่มีพฤติกรรมแบบนายว่า เอาหินทุบเท้าตัวเอง ฮ่าๆๆ”
ประธานเชี่ยนเห็นเขาเป็นแบบนี้ก็สะใจ ขนาดอารมณ์ฉุนเฉียวที่มีเวลาประจำเดือนมาก็ลดลงไปเยอะ
“คุณอย่ามายั่วโมโหผมนะ เกิดผมเอาจริงขึ้นมาเดี๋ยวจะแสดงหนังจอมยุทธ์สมัย80ให้คุณดู”
“นายกล้าทำร้ายเมียเหรอ” เสี่ยวเชี่ยนไม่ได้คิดจะดูถูกเขา ก็แค่สงสัยว่าหนังจอมยุทธ์ที่ว่าคือทำอะไร
“หนังเรื่องนี้ถ่ายในยุค80 เป็นเรื่องของฮูหยินปี้ลุ่ยที่ฝีมือเก่งกาจเหนือใคร”
“แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉัน”
“หนังชื่อว่า ‘เลือดปี้ล้างปืนเงิน’”
“…”
สิบวินาทีต่อมา ห้องที่เก็บเสียงดีที่สุดก็มีเสียงอวี๋หมิงหลางร้องอย่างน่าเวทนา
สุ่ยเซียนกับหลิวเหมยที่อยู่ห้องข้างๆกำลังมาร์คหน้ากันอยู่ถึงกับหยุดชะงัก คืนนี้สุ่ยเซียนนอนที่นี่ หลิวเหมยเลยชวนมาร์คหน้าด้วยกัน สองสาวมองหน้ากันด้วยสภาพหน้าขาวโพลน จากนั้นก็ทำหน้าชนิดที่บรรยายไม่ถูก
“สองคนนั้นถึงกับรอไม่ได้เลยเหรอ อย่างน้อยก็น่าจะรอพวกเรานอนก่อนค่อยเริ่ม”
“นั่นสิ พี่ชายฉันร้องโหยหวนมาก”
“อ๊าก เสียวเหม่ยผมผิดไปแล้ว ลูกเชี่ยน—เมียจ๋า ไม่เอา โอ๊ย”
เสียงที่ไม่อาจบรรยายนี้ทำให้สุ่ยเซียนกับหลิวเหมยหน้าแดง จึ๊ๆๆ
พอเช้าตรู่วันต่อมา หลิวเหมยที่ตื่นแต่เช้าเตรียมออกกำลัง ขณะเข้าห้องน้ำก็ได้พบผ้าอนามัยใช้แล้วในถังขยะ สีหน้าของเธอยากที่จะบรรยายหนักกว่าเดิม
นี่เรียกว่าอะไร บาดเจ็บแต่ก็ยังปฏิบัติหน้าที่ ในใจของหลิวเหมยคิดแบบนั้น
อวี๋หมิงออกไปวิ่งแล้วก็ซื้ออาหารเช้าให้เสี่ยวเชี่ยน
เขาเลือกเวลาออกไป แล้วก็ได้พบกับสาวผมทองที่เตรียมจะออกจากบ้านพอดีตามคาด
“อรุณสวัสดิ์”
“อรุณสวัสดิ์”
อวี๋หมิงหลางหันไปทักทายด้วยท่าทางนิ่งๆ ดูเหมือนไม่มีอะไรผิดปกติ แต่วินาทีที่ทั้งสองคนเดินสวนกัน อวี๋หมิงหลางก็รู้สึกได้ถึงสายตาแอบกลั้นหัวเราะของผู้หญิงคนนั้น เสี่ยวเฉียงสีหน้าไม่เปลี่ยน แต่พอเข้าลิฟท์ไปแล้ว เขาก็หน้าขรึมลง
ถ้าบอกว่าก่อนหน้านี้เขาเชื่อ20%ว่าผู้หญิงคนนี้แอบดักฟังเสี่ยวเชี่ยน งั้นตอนนี้ก็เพิ่มเป็น50%
เพราะสายตาของคนผมทองทำให้เขามีเหตุผลที่จะสงสัยว่าเมื่อคืนเธอแอบฟังเขากับเสี่ยวเชี่ยน ‘ล้างปืนเงิน’
ในฐานะที่เป็นทหารในหน่วยพิเศษ อวี๋หมิงหลางเชื่อมั่นในเซ้นส์ของตัวเองมาก การสงสัยครั้งหนึ่งอาจเป็นเรื่องบังเอิญ แต่ถ้ามีสองครั้งก็ทำให้เขามีเหตุผลที่จะสุ่มเดาแล้ว
งั้นตอนนี้ก็เป็นครั้งที่สามแล้ว อวี๋หมิงหลางเกิดความระแวงขึ้นมาทันที
ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องทำก็คือเอาความสงสัยที่มี50%เพิ่มให้เต็มร้อย
ประธานเชี่ยนที่ได้ป้าใหญ่คุ้มครองกำลังนั่งซุกตัวบนเตียงเพลิดเพลินกับอาหารเช้า อวี๋หมิงหลางล้างชามเสร็จ ลองกะเวลาดูก็คิดว่าคนบ้านตรงข้ามก็คงจะทำอะไรเสร็จสรรพหมดแล้ว เขาจึงเดินเข้าห้องนอน แล้วใช้เสียงความดังระดับพอประมาณพูดกับเสี่ยวเชี่ยน
“ผมมีเรื่องสำคัญมากจะพูดกับคุณ เรื่องนี้อาจเกี่ยวพันถึงความลับสุดยอด”
เสี่ยวเชี่ยนเหลือบมองเขาด้วยความสงสัย ทำไมอยู่ๆเขาต้องทำหน้าจริงจังเบอร์นี้ด้วย
อวี๋หมิงหลางทำปาก ชู่ว จากนั้นก็ล้วงของขนาดไม่ใหญ่ติดบนกำแพงห้องนอนของเสี่ยวเชี่ยน แล้วพูดออกมา
“เรื่องนี้เป็นเรื่องลับสุดยอดมาก คุณฟังแล้วห้ามเอาไปบอกคนนอก ทำได้หรือเปล่า”
เสี่ยวเชี่ยนไม่รู้ว่าเขาเอาอะไรติดบนกำแพง ดูจากลักษณะแล้วคล้ายกับอุปกรณ์ของทหาร
“ทำได้” เสี่ยวเชี่ยนให้ความร่วมมือ
สาวผมทองที่อยู่อีกฟากของกำแพงใช้เครื่องดักฟังตั้งใจฟังอย่างใจจดใจจ่อ เธอรู้สึกว่านี่อาจเป็นเรื่องสำคัญมาก
จากนั้น…
อวี๋หมิงหลางยิ้มเจ้าเล่ห์พลางกดปุ่ม วัตถุที่อยู่บนกำแพงก็ส่งเสียงร้องแสบแก้วหู
สำหรับอวี๋หมิงหลางกับเสี่ยวเชี่ยนเสียงนี้ดังในระดับหนึ่ง แต่ก็ไม่ถึงกับทนฟังไม่ได้ แต่สำหรับสาวผมทองแล้วเสียงนี้พอถูกขยายให้ดังมันคือภัยพิบัติ
เธอเอามือปิดหูด้วยความทรมาน มีแต่เสียงเมื่อกี้ดังก้องอยู่ในหัว แย่แล้วๆ นี่มันเสียงทำลายโสตประสาทที่ร่ำลือกันหรือเปล่า
บอส ขอเบิกเงินค่าชดเชย ฮือ…
“นายทำอะไรน่ะ” เสี่ยวเชี่ยนถามอวี๋หมิงหลาง
“ปล่อยคลื่นรบกวน บอกแล้วว่านี่เป็นความลับสุดยอด ถ้าไม่ป้องกันไว้ก่อนเกิดมีคนแอบดักฟังจะทำไง” อวี๋หมิงหลางเดินไปที่ริมหน้าต่างแล้วแหวกม่านออก สักพักก็เห็นสาวผมทองรีบออกจากตึกไปตามคาด
หึหึ ไปหาหมอรักษาหูเหรอ
แต่ไหนแต่ไรอวี๋หมิงหลางไม่เคยเชื่อเรื่องที่มีความเป็นไปได้เพียงน้อยนิด แม่กุญแจกันขโมยแบบสุดยอดที่ต้องหาซื้อตามช่องทางพิเศษ เอากล้องแอบถ่ายเขากับเสียวเหม่ย พอเห็นเขาก็ยิ้มแบบมีเลศนัย หลังจากที่เขาใช้อุปกรณ์ปล่อยคลื่นรบกวนก็รีบออกไปข้างนอกสงสัยว่าจะไปหาหมอ
ความเป็นไปได้เพียงน้อยนิดเมื่อรวมๆกันก็สรุปออกมาได้อย่างเดียวนั่นก็คือ อีกฝ่ายคิดไม่ซื่อ
[1] คำแสลงหมายถึงประจำเดือน