“คนที่ดูมันเป็น มันก็จะมีมูลค่าเป็นของโบราณชิ้นหนึ่ง แต่สำหรับคนที่ดูไม่เป็น มันก็เป็นแค่กระดาษที่ไร้ค่าแผ่นหนึ่ง ฉันเป็นแม่พระถึงขนาดที่รักทุกคนบนโลกไม่ได้ ขยะอย่างเย่ต้าเชียนฉันรักไม่ลง ดังนั้นฉันถึงได้คิดวิธีเอาที่ตัวเองสบายใจ”
“ถูกใจก็รักษาฟรี ขัดหูขัดตาก็ขูดรีดขูดเนื้อ”
“ไม่ถึงกับขูดรีด ยอมให้ขูดรีดก็ขูด ก็เหมือนกับsm[1] อยู่บนพื้นฐานของการยินยอม”
“เมียจ๋า ทำไมอยู่ๆก็พูดเรื่องหนักๆอย่างsmขึ้นมาล่ะ”
“ช่วงนี้อ่านหนังสืออยู่เล่ม เลยพอเข้าใจขึ้นมาบ้าง smก็เป็นโรคจิตเวชชนิดหนึ่ง”
“คุณอ่านหนังสือแนวติดเรทแบบนี้ให้มันน้อยๆหน่อย เกิดไฟลุกพรึ่บขึ้นมาผมไม่อยู่ด้วยคุณจะดับไง”
“ไปไกลๆเลย…”
เสี่ยวเชี่ยนเถียงกับเขาอยู่สักพักโทรศัพท์ก็ดังขึ้น มีข้อความเข้า
“รักษารักร่วมเพศไหม” เสี่ยวเชี่ยนอ่านออกมา ทำไมเป็นพวกนี้อีกแล้ว
เธอเพิ่งจัดการเรื่องทางนั้นเสร็จ ทำไมมีนี่มาอีกแล้ว
“อะไรเหรอ” อวี๋หมิงหลางยื่นหน้าเข้ามา
“มีผู้ป่วยที่ไม่ออกนามแล้วก็ไม่ยอมบอกว่าใครแนะนำมาถามฉันว่ารับเคสรักษารักร่วมเพศไหม ราคาที่เขาเสนอมาคือ—-”
เสี่ยวเชี่ยนเลื่อนหน้าจอ ราคาที่ว่ามีแค่สี่พยางค์
เรียกราคาได้
ด้านล่างมีทิ้งเบอร์ไว้ ถ้าเสี่ยวเชี่ยนสนใจก็ให้โทรกลับ
“เมียจ๋า คุณรับไหม” อวี๋หมิงหลางรู้สึกว่าข้อความนี้ดูแปลกๆ ถึงเขาจะไม่รู้ก็ตามว่ามันแปลกตรงไหน
คนไข้ของเสี่ยวเชี่ยนนอกจากมีคนสนิทแนะนำมา ก็มีคนที่ไม่ออกนามคนนี้นี่แหละที่ส่งข้อความมาถามแบบนี้ คนรวยชอบความเป็นส่วนตัวไม่อยากให้ใครรู้ก็เป็นเรื่องปกติ
ปกติเสี่ยวเชี่ยนไม่มีทางปล่อยโอกาสในการทำเงินไปแน่นอน
โดยเฉพาะข้อความที่ส่งมาโดยไม่ประสงค์นามแบบนี้ ดูก็รู้ว่าต้องเป็นพวกแกะตัวอ้วนที่ใช้ชีวิตตามใจชอบ
“ไม่ว่าจิตแพทย์คนไหนก็ไม่อาจพูดโกหกได้ว่าตัวเองรักษาคนที่เบี่ยงเบนทางเพศได้ เพราะส่วนหนึ่งเป็นมาโดยกำเนิด เอาเป็นว่าให้ฉันเท่าไรฉันก็ไม่รักษาหรอก”
อวี๋หมิงหลางหอมแก้มเสี่ยวเชี่ยนเบาๆ “หัวใจเมียผมนี่ยิ่งใหญ่จริงๆ”
คนที่ไม่รับค่ารักษาแพงๆใช่ว่าจะเป็นหมอมีจรรยาบรรณ เป็นไปได้ว่าความสามารถมีค่าแค่นั้น แต่จิตแพทย์ที่ปฏิเสธค่ารักษาสูงๆได้ กลับแสดงถึงว่ามีหัวใจที่ยิ่งใหญ่
เคสที่ค่ารักษาสูงลิ่วแบบนี้หวังผลเพียงสองอย่าง หนึ่งคือสร้างความหวังที่ไม่ควรมีให้ครอบครัวฝ่ายชาย สองคือช่วยฝ่ายชายหลอกผู้หญิงแต่งงาน
ประธานเชี่ยนชอบเงินแต่ไม่ได้ชอบเงินแบบนี้ อวี๋หมิงหลางถึงได้รักที่เสี่ยวเชี่ยนเป็นแบบนี้
“พี่สะใภ้ ฉันกับสุ่ยเซียนซื้อไพ่นกกระจอกมา ตอนเย็นพวกเราสามคน—-ว้าย
หลิวเหมยผลักประตูแล้วก็เห็นพี่ชายกับพี่สะใภ้รีบผละออกจากกัน วิเคราะห์จากท่าทางแล้ว เมื่อกี้พี่ชายเธอดูเหมือนจะจับพี่สะใภ้กดเข้ากำแพงแล้วจูบ
“เล่นไพ่นกกระจอกเหรอดีเลย ขาดหนึ่งพอดีพี่จะได้เล่นด้วย” อวี๋หมิงหลางทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เสี่ยวเชี่ยนแสร้งทำนิ่งเอารูปที่เตรียมเก็บไว้ให้ลูกสาวใส่ตู้เซฟ
“เดิมพวกเราคิดจะเรียกอาข่า…แต่พี่ก็ได้ งั้นก็นับพี่ด้วย”
พอได้ยินพูดถึงคนผมทองแววตาอวี๋หมิงหลางก็แข็งกร้าวขึ้น
สองวันนี้เขาวุ่นอยู่กับการจับตาดูอาเหม็ด แล้วก็ถือโอกาสช่วยเสี่ยวเชี่ยนจัดการเรื่องรักร่วมเพศที่จะหลอกผู้หญิงแต่งงานด้วย จึงยังไม่มีเวลาจัดการผู้หญิงผมทองน่าสงสัยที่อยู่บ้านตรงข้ามที่ประตูห้องล็อคด้วยแม่กุญแจแบบพิเศษคนนั้น
ช่วงหลายวันนี้อาเหม็ดนอกจากส่งดอกไม้ให้เมียเขาแล้ว เวลาอื่นๆก็หมกตัวอยู่แต่ในสถานเริงรมย์ ไม่มีอะไรผิดปกติ ครั้งนี้อวี๋หมิงหลางมาหาเสี่ยวเชี่ยน หนึ่งคือกะเวลาประมาณว่าอาเหม็ดน่าจะมาหาเสี่ยวเชี่ยนถึงบ้าน ยังมีอีกเหตุผลหนึ่งก็คือ เขาต้องคิดหาวิธีรู้ให้ได้ว่าผู้หญิงผมทองคนนั้นแอบดักฟังเมียเขาหรือเปล่า
“รีบทำก๋วยเตี๋ยวง่ายๆใส่ท้องกันเถอะ กินเสร็จจะได้เล่นไพ่กัน ช่วงนี้ฉันไม่ค่อยมีเงิน ถ้าชนะได้เงินจากพวกพี่หน่อยฉันจะได้เลี้ยงมื้อใหญ่พี่ฟู่กุ้ย” หลิวเหมยทำท่าวอร์มมือ
“แหมทำเป็นพูด” อวี๋หมิงหลางมองเหยียดหลิวเหมย เดี๋ยวเขาเล่นไพ่นกกระจอกกับสาวๆก่อน จากนั้นก็เล่นกลิ้งผ้าปูที่นอนกับเสี่ยวเชี่ยน พอพรุ่งนี้เช้าผู้หญิงผมทองออกจากบ้านเขาก็จะเริ่มลงมือปฏิบัติการ
บอกว่าสามขาดหนึ่งเลยให้อวี๋หมิงหลางเล่นด้วย ปรากฏว่าพอเริ่มเล่นหลิวเหมยก็เซ็งมาก อวี๋หมิงหลางชนะตลอด ชนะอยู่คนเดียว
ถึงเสี่ยวเชี่ยนจะสงสัยว่าอวี๋หมิงหลางเล่นตุกติก แต่ทั้งสามคนจ้องเขาแล้วก็ยังมองไม่ออก—พรสวรรค์ในเรื่องเล่นตุกติกของอวี๋หมิงหลางมีมากพอๆกับพรสวรรค์ของเสี่ยวเชี่ยนในด้านจิตเวช
และที่น่าเกลียดกว่าก็คือ เขาชนะครั้งแล้วครั้งเล่า มือก็หมุนตัวไพ่นกกระจอกเล่น เพื่อแสดงให้เห็นว่าฝีมือเขาเหนือชั้นเพียงใด
เหลือแค่พูดออกมาว่า ใช่แล้ว พี่โกง พวกเธอดูกันไม่ออกแล้วจะโทษใครได้ หน้าตากวนประสาทมาก
พนันกันตาละหยวน มันจะแพ้ได้สักเท่าไรกัน
เยอะมาก
ไม่ใช่แค่สุ่ยเซียน เสี่ยวเชี่ยนกับหลิวเหมยก็หมดไปเยอะมาก ปกติเสี่ยวเชี่ยนไม่ค่อยพกเงินสด ออกจากบ้านทีก็รูดแต่บัตร เธอไม่มีเศษเงินแล้วเลยต้องเขียนเป็นลายลักษณ์อักษร
อวี๋หมิงหลางหน้าด้านมาก เขาพูดว่าในวงพนันไม่มีคำว่าสามีภรรยา เสี่ยวเชี่ยนต้องเอาเงินมาคืน เสี่ยวเชี่ยนทำออดอ้อนแล้วก็ไม่มีประโยชน์
ปกติถ้าชนะตาละหยวนยังไม่เท่าไร ถ้าเล่นแบบนี้ไปเรื่อยๆสาวๆทั้งสามคงไม่เคืองหน้าหงิกหน้างอ แต่รูปแบบไพ่ที่ชนะของอวี๋หมิงหลางทำให้กินเงินได้หลายเท่า สูงสุดมากถึงแปดสิบแปดเท่า นั่นก็หมายความว่าตานึงอวี๋หมิงหลางชนะทีได้เงินหลายร้อย
ดูเหมือนเขาจะชอบแกล้งเสี่ยวเชี่ยนเป็นพิเศษ ไม่รู้ด้วยว่าเขาคำนวณยังไง เสี่ยวเชี่ยนตกหลุมพรางเขาตลอด พอแพ้ทีก็สามคน แพ้จนแทบจะถอดกางเกง
ที่หน้าด้านยิ่งกว่าก็คือ ชนะก็ชนะไปสิยังจะทำหน้าเยาะเย้ย แบบนี้เป็นการแสดงออกว่าตัวเองโกง
ครั้นแล้วสุ่ยเซียนก็เริ่มมีอารมณ์ พูดสิ่งที่น่าตกใจออกมา
“เสี่ยวเฉียง มือไวไม่เบาเลยนะ”
“ธรรมดา ที่สามของโลก” อวี๋หมิงหลางทำหน้าได้ใจใหญ่
“ ‘มือไว’ขนาดนี้ปกติเสี่ยวเชี่ยนคงมีความสุขมากหรือเปล่า”
มือที่เสี่ยวเชี่ยนจับไพ่ถึงกับสั่น ไพ่ตกลงบนโต๊ะ อวี๋หมิงหลางหงายไพ่ออกมาทั้งหมด
“ชนะแล้ว ครบชุด ขอบคุณเสียวเหม่ย เงินสามเท่านะจ๊ะ—ผมอันดับสามของโลก จูขี้บ่นอันดับสอง เธอก็มีความสุขเหมือนกันแหละ”
พูดจบยังหันไปทำหน้าขอรางวัลจากเสี่ยวเชี่ยน เสียวเหม่ย พี่เอาคืนสุ่ยเซียนให้แล้ว เสียวเหม่ยต้องยิ่งรักเขามากขึ้นแน่นอน
ไม่ใช่เลย เสี่ยวเชี่ยนกลับเอาหลังมือฟาดลงบนแขนที่โผล่พ้นเสื้อแขนสั้นของอวี๋หมิงหลางไปหนึ่งที เสียงดังสนั่น สาวๆที่อยู่ในห้องพากันสะใจ
เยี่ยมมาก จัดการเขาซะ
“นางยังมียางอายอยู่ไหมเนี่ย ฉันไม่ได้ทิ้งไพ่ แค่มือสั่นแล้วมันตก แบบนี้ยังจะเอาชนะ”
ไม่เคยเห็นผู้ชายที่ไหนหน้าด้านเท่านี้มาก่อนเลย
“เสียวเหม่ยคุณต้องเข้าใจมารยาทการเล่นไพ่นะ ไพ่ตกลงบนโต๊ะแล้วก็เท่ากับทิ้งออกไป รีบจ่ายเงินมา ไม่มีเงินก็ลงบัญชีไว้ ไม่ให้ก็…ฮี่ๆ”
จ่ายด้วยเรือนร่าง
เสี่ยวเชี่ยนทนกับความหน้าด้านของเขามาพอแล้ว
“เมื่อกี้ไม่ได้เรียกมารยาทการเล่นไพ่”
เธอจับผ้าปูโต๊ะไว้ จากนั้นก็ออกแรงกระตุก ไพ่นกกระจอกที่อยู่บนโต๊ะร่วงกราวลงบนพื้น เศษเงินก็กระจัดกระจาย
“แบบนี้หรอกที่เรียกว่าไม่มีมารยาท ใช่ ฉันมันแพ้แล้วพาล นายจะเอาไง”
“เยี่ยม”
“สุดยอด”
สุ่ยเซียนกับหลิวเหมยตบมือรัวๆ ประธานเชี่ยนเจ๋งมาก
[1] หมายถึงซาดิสก์กับมาโซคิสต์