ตอนที่ 7 พ่อตาแม่ยาย
หลังจากได้รับเสียง “เชี่ย”
พยาบาลทั้งสองคนก็สูญเสียคำพูด หมอหลินถึงกับตะลึง
นี่มันช่างหยาบคายจริงๆ!
โจวเจ๋อไม่ได้อธิบายใดๆเขาเอื้อมมือไปเปิดผ้าสีขาวบนศีรษะของเด็กหญิงโดยตรง
นั่นคือเธอมันคือเธอนั่นเอง! ไม่น่าแปลกใจที่เธอไม่ได้รับบาดเจ็บเลยในตอนนั้น ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วนบนร่างกายไม่ใช่เพราะเธอโชคดีที่ได้นั่งแถวสุดท้าย
แต่ที่จริงเธอได้รับบาดเจ็บสาหัสที่สุดในบรรดาเด็กทั้งหมด คนที่หมอพยายามช่วยคือเธอ
วิญญาณของเธอได้ล่องลอยออกจากร่างไปแล้ว แต่เธอก็ยังไม่รู้ เธอยังคงเตือนโจวเจ๋อว่าอย่าสูบบุหรี่ในที่สาธารณะและปลอบโยนเพื่อนร่วมโรงเรียนและเด็กๆที่ได้รับบาดเจ็บเล็กน้อย
ในความเป็นจริงเด็กเหล่านั้นมองไม่เห็นเธอเลย ทั้งโรงพยาบาลคนที่มองเห็นเธอมีเพียงโจวเจ๋อ!
“ เธอตายแล้วเหรอ?” โจวเจ๋อถามและมองไปรอบๆ
“ เสี่ยวเล่อ?” หมอหลินมองไปที่สามีของตัวเอง ตอนนี้เธอไม่อยากสนใจคำสบถของเขาเพราะเธอพบว่าสามีของเธอมีความผิดปกติทางจิตใจ
“เธอยังไม่ตายยังช่วยเธอได้อยู่!”
ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็จับแขนของหมอหลินและดึงเธอเข้ามาพร้อมกับตะโกนว่า”ยังไม่หมดเวลาในการช่วยเหลือ
“ คุณค่ะ!”
เมื่อพยาบาลสองคนเห็นโจวเจ๋อจับหมอหลิน พวกเธอก็รีบดึงเขาออกไปทันที ในสายตาของพวกเขาสามีของหมอหลินรู้สึกสับสนเล็กน้อยและมีแนวโน้มจะความรุนแรงในครอบครัว
โจวเจ๋อผลักพยาบาลสองคนที่อยู่รอบตัวเขาออกไปและกระซิบ:
“เธออยู่ที่ไหนเธออยู่ที่ไหนออกมาเร็วสิ” โจวเจ๋อกำลังวิ่งและค้นหา ในตอนแรกวิญญาณของเด็กหญิงยังคงวุ่นวายอยู่ท่ามกลางเด็กๆเธอกำลังปลอบโยนเด็กคนอื่นๆ
ตอนนี้เธอหายไปไหนแล้ว เธอตกนรกแล้วหรือยัง? เธอตายไปแล้ว สายเกินไปหรือเปล่า โจวเจ๋อหมดแรงเขาไม่รู้ว่าทำไมเขาถึงกังวลมากขนาดนี้
อาจเป็นเพราะอาชีพของเขา เป็นหน้าที่ของเขาในการรักษาผู้ป่วยที่อาจรอดชีวิต ยิ่งไปกว่านั้นเด็กผู้หญิงที่ใจดีและเข้มแข็งคนนั้นเพิ่งได้พบกับเขา
“ ลุงคุณกำลังมองหาหนูอยู่เหรอ?”
เสียงของเด็กที่คุ้นเคยดังขึ้นข้างหลังโจวเจ๋อ โจวเจ๋อรีบหันกลับมาและเห็นเด็กหญิงอีกครั้ง
เพียงแต่ว่าร่างกายของสาวน้อยไม่ได้ดูสดใสเหมือนเดิม ตอนนี้เธอกลายเป็นโปร่งแสงแล้ว
“ ลุงหนูเป็นหวัดนิดหน่อย” เด็กหญิงตัวเล็กๆย่อตัวลงพร้อมกับกอดอก
“หนูไปหาพี่สาวพยาบาลเพื่อขอให้พวกเขาช่วย แต่พี่สาวพยาบาลไม่สนใจหนูพวกเขาเกลียดหนูหนูน่ารำคาญมากเลยเหรอ” แสงเล็กน้อยล้นออกมาจากร่างของเด็กหญิงอย่างต่อเนื่อง โจวเจ๋อได้เห็นภาพนี้
“เสี่ยวเล่อคุณทำอะไรอยู่!”
หมอหลินกำลังมาทางนี้
เด็กหญิงตัวเล็กๆหันศีรษะและมองไปข้างหลัง
“ อย่ามอง!”
โจวเจ๋อก้าวไปข้างหน้าและเอื้อมมือไปปิดตาของเด็กหญิงตัวน้อย ไม่มีใครรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเมื่อเธอเห็นร่างของตัวเองนอนอยู่บนเตียง
เธอจะพังทลายหรือเปล่า?
เธอจะรู้ตัวไหมว่าเธอตายไปแล้ว?
เมื่อมือของโจวเจ๋อสัมผัสร่างกายของเด็กหญิงในตอนนี้เล็บของโจวเจ๋อดูเหมือนจะร้อนขึ้นเล็กน้อย ในเวลาเดียวกันร่างกายของเด็กหญิงตัวเล็กๆก็เริ่มบิดเปลี่ยนเป็นวงกลมแสงรอบๆปลายนิ้วของโจวเจ๋อซึ่งคนที่อยู่รอบๆมองไม่เห็น
“ออกไปให้พ้นเธอต้องรอด!” โจวเจ๋อรีบวิ่งไปที่เตียงในโรงพยาบาลอีกครั้ง
“ เสี่ยวเล่อ!” หน้าอกของหมอหลินสั่นสะท้าน ผู้ตายเสียชีวิตคาที่เธอไม่รู้ว่าสามีของเธอพูดถึงอะไร ยิ่งไปกว่านั้นสามีของเธอเป็นนักศึกษาวิศวกรรมโยธาซึ่งไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการช่วยชีวิตคนเลย
เมื่อโจวเจ๋อวิ่งกลับมาครั้งนี้พยาบาลตัวน้อยทั้งสองก็ไม่กล้าหยุดเขา โจวเปิดผ้าสีขาวและวางมือบนหน้าอกของเด็กหญิง
ใช่มันเป็นแบบนี้เมื่อฉันกลับมามีชีวิตอีกครั้ง เมื่อวิญญาณของเธอออกมามันก็สามารถกลับเข้าไปใหม่ได้เธอจะต้องรอด!
เมื่อเขาเห็นว่าแสงทั้งหมดที่ปลายนิ้วของเขาตกลงไปในร่างกายของเด็กหญิงโจวเจ๋อก็เริ่มทำ CPR พร้อมกับเรียกเบาๆ
“ ตื่นได้แล้ว!”
พยาบาลทั้งสองไม่กล้าเข้าไปใกล้ ทั้งสองมองไปที่หมอหลิน
“ เธอตายแล้ว”
หมอหลินพยายามหยุดโจวเจ๋อและกล่าวว่า “หมดเวลาช่วยเหลือเธอแล้วปล่อยเธอไปเถอะ”
โจวเจ๋อยังคงปั๊มหัวใจและตะโกนต่อไป “เธอจะต้องรอดไม่ว่าอย่างไรเธอก็จะต้องรอด!”
หมอหลินเม้มปากยื่นมือผลักโจวเจ๋อออกไปโดยตรงจากนั้นเธอเริ่มลงมือช่วยเหลือเด็กหญิงแทนเขา
“คุณแข็งแรงมากเกินไปเธออาจจะได้รับบาดเจ็บ เตรียมเครื่องมือเพื่อช่วยเหลืออีกครั้ง ” โจวเจ๋อถูกผลักออกไป แต่เขาไม่โกรธ เขาเอาแต่จ้องมองเด็กหญิงตัวเล็กๆบนเตียงในโรงพยาบาล
สิ่งเดียวที่โชคดีคือพ่อแม่ของเด็กหญิงถูกตำรวจจราจรกันไว้ด้านนอก เด็กข้างนอกมีมากมายหลายคนจึงไม่มีใครสังเกตเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นที่นี่
หมอหลินยังคงทำ CPR โดยไม่ย่อท้อ หน้าผากของเธอเริ่มมีเหงื่อไหลออกมาแล้วเธอไม่รู้ว่าทำไมเธอถึงบ้าไปกับผู้ชายคนนี้ อาจเป็นเพราะสายตามุ่งมั่นและจริงใจของเขา
และผู้ชายคนนี้คือสามีของเธอ วันนี้เขาดูไม่เหมือนกับในวันปกติแม้แต่น้อย
เครื่องมือถูกเชื่อมต่ออีกครั้ง แต่จอแสดงผลยังคงเป็นเส้นตรง
พยาบาลตัวน้อยสองคนยืนดูด้วยความสับสนเล็กน้อย
กลับมาไม่ได้เหรอแม้ว่าจะนำดวงวิญญาณของเธอกลับคืนมาแล้ว แต่ก็ไม่สามารถช่วยได้?
ความรู้สึกสูญเสียอัดอั้นอยู่ในหัวใจของโจวเจ๋อ
“ เธอกลับมาแล้ว …….. ”
ในตอนนี้หมอหลินมองไปที่หน้าจอแสดงผลด้วยใบหน้าตกใจ นี่คือปาฏิหาริย์ทางการแพทย์ใช่ไหม?
……………………
ตอนเย็นพวกเขาทั้งสองออกจากโรงพยาบาล โจวเจ๋ออยู่ในด้านข้างของคนขับหมอหลินขับรถ แต่พวกเขาก็ยังคงไม่คุยกัน
ความเงียบควรเป็นมาตรฐานที่ตรงกันข้ามระหว่างความสัมพันธ์ของสามีภรรยา อย่างไรก็ตามในอดีตเป็นซูเล่อที่พยายามจะทำลายความเงียบระหว่างพวกเขา แต่วันนี้กลับเป็นหมอหลิน
“ คุณเคยเรียนแพทย์หรือเปล่า?”
“ไม่เคย”
“เทคนิคของคุณในตอนนั้นดูเป็นมืออาชีพมาก” หมอหลินสามารถมองเห็นได้อย่างชัดเจน
“ผมได้รับฝึกฝนตอนสอบใบขับขี่” โจวเจ๋อสร้างเหตุผลแบบมั่วๆ
“แต่คุณไม่มีใบขับขี่” หมอหลินขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ …………” โจวเจ๋อ
หมอหลินไม่ได้ตั้งใจจะขุดคุ้ยมากไปกว่านี้แต่กล่าวว่า “วันนี้ขอบคุณสำหรับความพยายาม”
“นั่นคือสิ่งที่สมควรต้องทำอยู่แล้ว.” โจวเจ๋อโบกมือ
อย่างน้อยเขาก็ถือว่าตัวเองเป็นหมอการช่วยชีวิตคนไข้คนหนึ่งไม่จำเป็นต้องหาเหตุผล
เด็กหญิงยังคงไม่ตื่นขึ้นมาอาการของเธอยังโคม่าอยู่ แต่อย่างน้อยก็ยังมีความหวัง
“ฉันขอบคุณแทนเด็กคนนั้น” หมอหลินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู “ เกือบสองทุ่มแล้วพ่อกับแม่ยังรอเรากลับบ้านเพื่อทานอาหารเย็น”
แม่และพ่อ?
จู่ๆโจวเจ๋อก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา วันนี้ต้องไปเจอพ่อตาแม่ยายอย่างนั้นหรือ
รถขับเข้าไปในชุมชนระดับไฮเอนด์ เมืองอยู่ใกล้กับเซี่ยงไฮ้ ในทางภูมิศาสตร์มันตั้งอยู่ที่ปากแม่น้ำแยงซีกับเซี่ยงไฮ้ แม้ว่าจะไม่สุดโต่งเท่าเซี่ยงไฮ้ แต่ราคาของบ้านก็ไม่ใช่ถูกๆหากไม่รวยจริงๆจะไม่สามารถอาศัยอยู่ในเขตนี้ได้
หมอหลินหยุดรถและเดินตรงเข้าบ้านโจวเจ๋อเดินตามเธอไป หมอหลินเปิดประตูด้วยกุญแจ
การตกแต่งของบ้านดูดีมีสไตล์เป็นอย่างมาก ในความเป็นจริงเพียงแค่รถของหมอหลินก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนว่าครอบครัวของเธอค่อนข้างมีฐานะ
แน่นอนว่าตัวตนของ “ลูกเขย” อย่างเขาก็เป็นเครื่องพิสูจน์เช่นกัน ท้ายที่สุดซูเล่อก็ไม่มีทั้งเงินไม่มีชาติตระกูลรวมทั้งความกล้า
บนโซฟาในห้องนั่งเล่นชายชราในเสื้อสเวตเตอร์กำลังนั่งดูทีวีอยู่ที่นั่นเขาสนุกอยู่กับมัน
แม้ว่าลูกสาวและลูกเขยของเขาจะกลับมา แต่เขาก็เพียงเหลือบมามองเท่านั้นโดยไม่พูดอะไร
“หวั่นชิวกลับมาแล้ว”
เมื่อประตูห้องครัวถูกเปิดออกแม่ยายของโจวเจ๋อและน้องภรรยาก็ออกมาพร้อมกัน แม่สามีตัวสูงมากในตอนนี้เธออ้วนขึ้นเล็กน้อยแต่ก็ยังคงดูดีสมฐานะ
ในที่สุดโจวเจ๋อก็รู้ชื่อเต็มของภรรยาเขา หลินหวั่นชิว
ดวงตาของแม่ยายเหลือบมองมาทางโจวเจ๋ออย่างดูถูกเหยียดหยามโดยไม่มีเจตนาปิดบังแม้แต่น้อย
“คุณคะอาหารพร้อมแล้ว”
“ ในที่สุดเราก็จะได้กินสักที” น้องภรรยาโบกกำปั้นใส่โจวเจ๋อจากนั้นก็กวักมือเรียกเขามาทานอาหารร่วมกัน
ยัยหนูนี่มีนิสัยค่อนข้างดี แม้ว่าเธอจะดูหยิ่งยโสแต่ก็เป็นเพียงความคิดของเด็กๆที่ได้รับอิทธิพลตามพ่อแม่เท่านั้น
โจวเจ๋อเข้าห้องน้ำเพื่อล้างมือ หลินหวั่นชิวก็เข้ามาพร้อมกัน ทั้งสองล้างมือโดยไม่ได้พูดอะไร
สายตาของหลินหวั่นชิวมองไปที่โจวเจ๋อสองครั้งจากนั้นเธอก็เดินไปที่ห้องนั่งเล่น โจวเจ๋อรีบเอามือเช็ดด้วยทิชชู่แล้วเดินออกจากห้องน้ำ
ทุกคนนั่งประจำที่แล้วโจวเจ๋อนั่งลงบนเก้าอี้ข้างหลินหวั่นชิว
แม่ยายตักข้าวให้กับทุกคนอย่างใจเย็นและเห็นได้ชัดว่าเธอใช้พละกำลังมากขึ้นเมื่อเธอวางมันต่อหน้าโจวเจ๋อ
‘โชคดีที่เธอไม่ได้ตักอาหารให้ฉันด้วย’ โจวเจ๋อคิดในใจ
“ เสี่ยวเล่อเธอคิดว่าเราทำไม่ดีกับเธอเหรอ?” แม่ยายของเขาเปิดประเด็น
“ก็ไม่นิครับ.” โจวเจ๋อตอบ
“ แล้วเมื่อคืนเธอหายหัวไปไหน… ”
“แม่ค่ะทานข้าวก่อนมีอะไรค่อยคุยกันทีหลัง” หลินหวั่นชิวกล่าวตัดบท
พ่อตาแม่ยายของเขามองหน้ากัน ทั้งคู่ไม่เคยคิดว่าลูกสาวคนโตจะมีท่าทีเช่นนี้ ทั้งที่เมื่อก่อนไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรเธอก็ไม่เคยขัดข้อง
น้องภรรยาของเขาก็มีท่าทีมึงงงเช่นเดียวกัน พี่สาวของเธอไม่เคยสนใจพี่เขยแม้แต่น้อยแต่วันนี้ดูเหมือนว่าดวงอาทิตย์จะขึ้นทางทิศตะวันตก?
“กิน.” พ่อตาหยิบตะเกียบขึ้น
“แกก็กินได้แล้ว” พ่อตาชี้ตะเกียบไปที่โจวเจ๋อ มันค่อนข้างหยาบคาย แต่โชคดีที่มันเป็นสัญญาณให้ทุกคนเริ่มลงมือทานอาหารโจวเจ๋อจึงไม่ใส่ใจมากนัก
“ยัยหนูชิมหมูตุ๋นนี่ดู แม่ใช้เวลาทำแทบทั้งวัน”
แม่ยายตักเนื้อชิ้นโตให้กับลูกสาวทั้งสองคน เธอลังเลเล็กน้อยก่อนที่จะตัดใส่ชามของลูกเขยด้วย
ในตอนนั้นเองที่โจวเจ๋อก็ตระหนักได้ว่าเขาไม่ได้กินข้าวมาเลยทั้งวัน ไม่ถูกสิจริงๆแล้วเขาไม่ได้กินอะไรมาตั้งแต่เมื่อวานเลย
โจวเจ๋อไม่เกรงใจอีกต่อไป เขาคีบชิ้นเนื้อยัดใส่ปากด้วยความหิวโหย
จากนั้นใบหน้าของโจวเจ๋อก็แข็งทื่อ ความรู้สึกคลื่นไส้ที่ไม่สามารถทนได้จู่โจมเขา ตอนนี้ท้องเขาเริ่มกระตุกแรงขึ้นโจวเจ๋อรีบบ้วนอาหารออกมาทางเก่าราวกลับว่ากำลังกินยาพิษเข้าไป
“…………” แม่ยาย
“…………” พ่อตา.
บรรยากาศที่โต๊ะอาหารเย็นเลวร้ายลงในทันที