11 – ธุรกิจมืด
โจวเจ๋อแอบมีความสุขและสับสนเล็กน้อยในขณะที่เขานั่งแท็กซี่ไปยังชานเมืองตงเฉิง
เขาขาดแคลนเงิน เขาขาดแคลนเงินมาก แต่เขาก็ไม่ได้ต้องการเงินก้อนโต มันไม่มีประโยชน์สำหรับเขาที่จะต้องการเงินก้อนโตอย่างน้อยก็ในตอนนี้
เขาต้องการเงินก้อนหนึ่งเพื่อแก้ปัญหาระยะสั้นก่อน หลังจากนั้นเขาค่อยแก้ปัญหาระยะยาวต่อไป
ตัวอย่างเช่นเมื่อเขาออกจากตระกูลหลิน แม้ว่าหลินหวั่นชิวจะสวยและใจดี แต่เขาก็ขี้เกียจที่จะกลับไปหาครอบครัวนั้น
พวกเขาไม่ได้มีความสัมพันธ์ทางพฤตินัย เขาจึงไม่มีความต้องการที่จะเล่นพ่อแม่ลูกแบบเด็กๆเหมือนซูเล่อ
ดังนั้นเขาจึงไม่มีแรงกดดันทางจิตใจหากจะพูดคำว่า “ลาก่อน”
แต่เมื่อเขาออกจากบ้านหลังนั้นเขาต้องเตรียมการบางอย่าง เขาต้องมีที่พักพิง เขาต้องซื้อตู้แช่ที่มีคุณภาพดี
โจวเจ๋อไม่กล้าไปตลาดมือสองเพื่อซื้อตู้แช่ ถ้าเกิดเขานอนอยู่ที่นั่นแล้วมีไฟรั่วขึ้นมาเขาอาจจะตายโดยไม่มีคนเห็น หลังจากนั้นผู้คนก็จะเล่าลือถึงความโง่ของเขา!
เงิน! แม้จะเป็นผีไปแล้วก็ยังต้องการเงิน
ซูเล่อทำให้โจวเจ๋อรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อยเขาเป็นลูกเขยยุคใหม่ เขาขี้ขลาดเกินไปจนปล่อยให้พ่อตาแม่ยายดูถูกเหยียดหยาม
และขี้ขลาดมากจนแยกเตียงนอนกับภรรยา แต่ในตอนนี้เขาเอาความกล้าจากไหนถึงได้เป็นเพื่อนกับพวกนักเลง?
ความขัดแย้งแบบนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นและสอดคล้องกับตัวละครอเมริกันที่มักจะมีอีกตัวตนซ่อนอยู่
ตัวอย่างเช่นสไปเดอร์แมนเป็นนักเรียนมัธยมปลาย ซูเปอรืแมนเป็นนักข่าวหนังสือพิมพ์
ดังนั้นโจวเจ๋อควรจัดการกับสถานการณ์นี้อย่างไร?
โจวเจ๋อไม่ต้องการให้ตัวตนของเขา “แปดเปื้อน” เพราะมันหมายถึงปัญหาที่ไม่สิ้นสุด ในโลกแห่งความเป็นจริงซูเล่อย่อมไม่สามารถรับมือกับการไล่ล่าของตำรวจได้
ยิ่งไปกว่านั้นเสียงที่ชายชราและหญิงไร้ใบหน้าที่ตะโกนว่า “จะตามหาและจับตัวคุณ” ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเขา
แม้ว่าจะปวดหัวและไม่สามารถปรับตัวได้อยู่บ้าง แต่โจวเจ๋อก็ยังคงมาที่โรงปุ๋ยขนาดเล็กที่ถูกทิ้งร้าง
มีคนสองคนนั่งยองๆอยู่ที่ประตูโรงปุ๋ยคนหนึ่งสวมเสื้อทหารซอมซ่อส่วนอีกคนสวมชุดสูทราคาถูกและด้อยคุณภาพ
ชายสองคนกำลังหมอบอยู่ที่นั่นโดยมีบุหรี่อยู่ในปากเป็นภาพที่น่าตลกสิ้นดี
โจวเจ๋อจ่ายค่าโดยสารลงจากรถแท็กซี่และเดินเข้าไปหาพวกเขา
“เจ้านายของเรากำลังรอคุณอยู่” ชายในเสื้อคลุมทหารกล่าว
โจวเจ๋อพยักหน้าจากนั้นเดินตามชายที่สวมเสื้อคลุมทหารเข้าไปด้านใน ชายในชุดสูทยังคงนั่งยองๆและสูบบุหรี่อย่างสบายอารมณ์
หลังจากเข้ามาโจวเจ๋อก็เห็นชายร่างอ้วนหัวโล้นเลี่ยนที่มีโซ่ทองคล้องคอนั่งอยู่บนเก้าอี้พลาสติก เมื่อเห็นโจวเจ๋อเดินเข้ามาชายร่างอ้วนก็ลุกขึ้นทันที
“ พี่ซูมาแล้ว”
ชายอ้วนตัวใหญ่มาก เขาสูงมากกว่า 6 ฟุตโซ่ทองที่อยู่รอบคอของเขาดูเอิกเกริกจริงๆ และผงทองที่โซ่ทองหลุดติดไว้กับคอของเขาก็ยิ่งดูเอิกเกริกมากขึ้นไปอีก
“แล้วของล่ะ”
โจวเจ๋อวางมือไว้ข้างหลังและไขว้นิ้วเล็กน้อย มีเพียงสามคนที่นี่ไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่จะจัดการพวกมัน แต่เราควรทำอย่างไรหลังจากจัดการพวกมันลงแล้ว? ถ้าเรียกตำรวจมาเขาก็จะซวยไปด้วย?
หรือจะลบพวกมันให้หายไปจากโลก? ‘ตัวแทนแห่งดวงจันทร์จะลงทัณฑ์แกเอง?’ นี่ยิ่งไม่เข้าท่าไปใหญ่
ในตัวตนที่ละเอียดอ่อนของเขาหากเขาฆ่าคนตามอำเภอใจอาจมีเหตุการณ์ร้ายเกิดขึ้นเหมือนกับตอนที่เขาได้ช่วยคน เรื่องนี้เขาเสี่ยงไม่ได้
“ พี่ซูยังคึกคักเหมือนเดิม!”
ชายอ้วนเช็ดปากแล้วเอื้อมมือไปตบไหล่โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และพยายามกันมือกันมือของชายอ้วนออกไป
“มาดูทางนี้สิ!”
ชายอ้วนทำท่าทางเชิญชวนและพาโจวเจ๋อไปที่โกดังเล็กๆ ในสวนหลังบ้าน
หลังจากเดินเข้ามาดวงตาของโจวเจ๋อก็หดตัวลง
สินค้ากองเป็นเนินเขาปกคลุมด้วยถุงกระดาษน้ำมันสีดำ
โจวเจ๋อไม่เคยทำสิ่งผิดกฎหมายมาก่อน แต่เห็นได้ชัดว่าสินค้าจำนวนมากที่อยู่ที่นี่ล้วนผิดกฎหมาย ซึ่งมันเพียงพอที่จะทำให้เขามีกินมีใช้อย่างฟุ่มเฟือยไปอีกหลายปี
“ แล้วเราจะขายหมดได้อย่างไรในเมืองเล็กๆแค่นี้?” โจวเจ๋ออยากถามจริงๆว่าคุณเพิ่งกลับมาจากการปล้นขุนศึกในสามเหลี่ยมทองคำใช่หรือไม่?
“ พี่ซูแน่นอนว่าตงเฉิงยังเล็กเกินไป สินค้าเหล่านี้จะไหลเข้าสู่เซี่ยงไฮ้ในที่สุดโดยมีตงเฉิงเป็นจุดเริ่ม” เจ้าอ้วนยืดอกกล่าวด้วยความภาคภูมิใจ
โจวเจ๋อกลุ่มหน้าผากด้วยความปวดหัว มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะขายสินค้าพวกนี้ในเวลาอันสั้น
พวกมันไม่ใช่กะหล่ำปลีที่คุณจะนั่งสามล้อแล้วตะโกนเรียกให้คนมาซื้อ
“ วางใจได้เลยพี่ซูเราแค่ต้องแจกจ่ายสินค้าชุดนี้ให้กับลูกค้าที่สั่งของไว้แม้ว่ามันจะไม่ได้กำไรเท่ายอดขายของเราเอง แต่ก็เร็วกว่าและทำให้พวกเราสามารถขายสินค้าได้อีกชุดอย่างรวดเร็ว ” ชายอ้วนกล่าว.
“ พี่ซูมาดูของกันดีกว่า”
ชายอ้วนเปิดถุงกระดาษน้ำมัน
จากนั้นโจวเจ๋อก็อ้าปากค้างด้วยความตกตะลึง
เพราะสิ่งที่เขาเห็นไม่ใช่ยาเสพติดแต่เป็นกองหนังสือและซีดี
อยู่ในหนังสือหรือปล่าว?
“พี่ซูซีดีเหล่านี้ล้วนเป็นภาพยนตร์ยอดนิยม ผมยังคัดลอกหนังสือละเมิดลิขสิทธิ์และนิยายรักเหล่านี้เป็นพิเศษซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นผลงานยอดนิยมบนอินเทอร์เน็ต
ดูสินิยายเรื่องนี้ของป๋ายเจี๋ยซึ่งมียอดผู้ติดตามในเว่ยป๋อมากกว่า 20 ล้านคน “
” นั่นคือสิ่งที่คุณกำลังพูดถึง ?” โจวเจ๋อถามชายอ้วน
“ผิดปกติตรงไหน?” ชายอ้วนตัวแข็งไปชั่วขณะ “นั่นคือทั้งหมด”
ผิดหวัง ผิดหวังสุดๆ!
ซูเล่อยังคงเป็นซูเล่อ เขาคัดลอกงานเขียนของคนอื่นรวมทั้งสินค้าที่ผิดลิขสิทธิ์ทั้งหมดมาไว้ที่นี่
นอกจากนี้เขายังเขียนนวนิยายที่มีถึง 2 ล้านคำและขายมันด้วยตัวเอง เขามีเวลาว่างแค่ไหน?
“ฉันควรได้เท่าไหร่” “ฉันไม่อยากทำแล้ว”
“ อะไรครับพี่ซูจะถอนตัวเหรอ” เจ้าอ้วนแปลกใจเล็กน้อยที่เห็นท่าทีของโจวเจ๋อ
“ ตอนนี้พี่กำลังร้อนเงินไม่ใช่เหรอจะมาเลิกเอาป่านนี้ได้ยังไง เงินลงทุนก็ลงไปมากแล้ว?”
“อืมฉันมาคิดๆดูมันไม่ค่อยเข้ากับรสนิยมของฉันเท่าไหร่”
โจวพูดอย่างจริงจังว่าเขาไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับตัวเอง ตอนนี้ปัญหาของเขามีมากพออยู่แล้ว
“ …………” เจ้าอ้วน
“ …………” คนที่สวมเสื้อคลุมทหาร
“พี่ซูพี่ลงทุนมาก็ไม่ใช่น้อยแล้วพี่จะถอนตัวได้ยังไง.. “
“แล้วฉันลงทุนไปเท่าไหร่นะ” โจวเจ๋อกล่าว
“สี่หมื่นหยวน” เจ้าอ้วนชูสี่นิ้ว
“เอามาให้ฉันสองหมื่นหลังจากนี้ทุกอย่างไม่เกี่ยวข้องกับฉันอีก” โจวเจ๋อขี้เกียจใส่ใจเรื่องนี้ ถ้าเขาได้เงิน 20000 หยวนมันจะแก้ปัญหาเร่งด่วนในปัจจุบัน
“ตกลงผมยังมีเงิน 20000 หยวนอยู่ที่นี่” ชายอ้วนพยักหน้าและมอบเงินให้เขา
ประมาณ15 นาทีต่อมาโจวเจ๋อก็กลับเมืองพร้อมเงิน 20000 หยวนในกระเป๋าของเขา
เขาไม่ได้รีบกลับไปที่ร้านหนังสือ แต่ไปที่ตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าและใช้เงินมากกว่า 10,000 หยวนเพื่อซื้อตู้แช่แข็ง โดยปกติแล้วคนที่สามารถซื้อตู้แช่ที่มีขนาดใหญ่ระดับนี้ต้องประกอบธุรกิจอาหารสดระดับไฮเอนด์
โจวเจ๋อไม่ลังเลที่จะใช้จ่ายเงิน ในอนาคตเขาต้องนอนในนี้ดังนั้นจึงเป็นการดีที่จะหลีกเลี่ยงปัญหา
พ่อค้าเป็นมิตรมากและส่งรถบรรทุกขนาดเล็กมาส่งโจวเจ๋อและตู้แช่ที่ร้านหนังสือของเขา
หลังจากที่คนขับรถและโจวเจ๋อย้ายตู้แช่แข็งเข้าไปในร้านหนังสือด้วยกันเขาก็ยังประหลาดใจเล็กน้อย
“เถ้าแก่คุณต้องการตู้แช่แข็งเพื่อเปิดร้านหนังสือหรือ?” คนขับรถถาม
โจวเจ๋อยื่นบุหรี่ให้ “ ธุรกิจไปได้ไม่สวยเท่าไหร่ผมมีแผนจะขายอาหารทะเลด้วย”
คนขับรับบุหรี่มาจุด อย่างไรก็ตามเมื่อของส่งออกไปแล้วเขาก็ไม่จำเป็นต้องกังวลเรื่องอื่น
ร้านหนังสือมี 2 ชั้นโจวเจ๋อวางตู้แช่แข็งไว้ด้านบน เมื่อมองไปที่ “เตียงใหม่” ของเขาในที่สุดโจวเจ๋อก็รู้สึกปลอดภัยมากขึ้น
จากชั้นสองลงมาโจวเจ๋อพบว่ามีคนอยู่ในร้านหนังสือของเขาแล้ว ไม่ใช่ลูกค้าแต่เป็น “ภรรยา” ของเขาเอง
หมอหลินกำลังอ่านนิตยสารในมือ เมื่อเห็นโจวเจ๋อลงมาเธอก็แปลกใจเล็กน้อย
“คุณไปทำอะไรอยู่บนนั้นตั้งนาน?” หมอหลินถาม
“ จัดของครับ” โจวเจ๋อกล่าวอย่างประหม่า
“ฉันเลิกงานแล้ว” หมอหลินกล่าว
“ดี.” ‘อย่าบอกนะว่าเธอต้องการนอนกับฉันหลังจากเลิกงาน’
“ เด็กคนนั้นฟื้นแล้ว” หมอหลินมองไปที่โจวเจ๋อ “พ่อของเธอต้องการเชิญคนจากแผนกของเราไปทานอาหารเย็นกับเขาที่โรงแรมตงเฉิง”
“แล้วเกี่ยวอะไรกับผม?”
“ ตอนที่เด็กคนนั้นตื่นขึ้นเธอเรียกหาลุงตลอดเลย” หลินหวั่นชิวถามโจวเจ๋อด้วยความสงสัย “คุณรู้จักเธอมาก่อนเหรอ?”
“แม้จะอยู่ในอาการโคม่าแต่จริงๆแล้วเธออาจจะมีสติอยู่” โจวเจ๋อพูดไปเรื่อยโดยอ้างอิงจากประสบการณ์ของเขาเอง
“ไปไหม?” หมอหลินถาม
“ ไม่” โจวเจ๋อส่ายหัว “สงสัยผมเป็นโรคเบื่ออาหาร”
หมอหลินพยักหน้า เธอไม่ได้เซ้าซี้ต่อเธอดูเหมือนพร้อมที่จะไปแล้ว แต่เมื่อไปถึงประตูร้านเธอก็หยุดอีกครั้ง
“ คืนนี้กลับบ้านมั้ย?”
โจวเจ๋อตอบกลับอย่างเด็ดขาดทันที
“ช่วงนี้ผมกำลังยุ่งๆคงไม่ได้กลับสักพัก”
บรรยากาศในร้านจะเย็นชาลงเรื่อยๆหมอหลินลังเลอยู่ครู่หนึ่งแต่ก็ไม่ได้บังคับเขา เธอหยิบกุญแจรถออกมาจากกระเป๋ากางเกงและเตรียมจะออกไป
ทันใดนั้นก็มีเสียงดังมาจากด้านหลัง หมอหลินหันกลับมาและเห็นว่า “สามี” ของเธอตกลงมาจากชั้นหนังสือและกลิ้งอยู่บนพื้น
“เกิดอะไรขึ้นกับคุณ?” หมอหลินวิ่งกลับมา
โจวเจ๋อรู้สึกได้ว่าดวงตาของเขาเริ่มเริ่มเบลอมองเห็นอะไรไม่ชัดเจน
“หิว เวียนหัวด้วย … “
โจวเจ๋อตอบ