25 – วิญญาณอาฆาต
ทั้งชีวิตก่อนหน้านี้และชีวิตนี้เป็นครั้งแรกที่โจวเจ๋อชวนผู้หญิงไปดูหนัง มันจึงเป็นความยากลำบากสำหรับเขาในการที่จะระงับความตื่นเต้นไว้ได้
หลังจากมองไปที่เสื้อผ้าในตู้ของซูเล่อ โจวเจ๋อก็รู้สึกปวดหัวในทันที
“ เงินที่มีอยู่คงต้องใช้ไปก่อน แล้วค่อยหาใหม่ทีหลังก็แล้วกัน”
โจวเจ๋อลุกขึ้นและผลักประตูออกไป
รถของหมอหลินจอดอยู่ข้างทางเธอเปิดหน้าต่างลงครึ่งหนึ่งเพื่อรอเขา
ในร้านก๋วยเตี๋ยวใบหน้าของซูชิงหลางค่อนข้างขุ่นมัวเขาเหวี่ยงจานข้าวของโจวเจ๋อที่ยังไม่ทันได้แตะต้องลงพื้นจากนั้นเขาก็กอดเข่าและร้องไห้
เสียงร้องของเขาดังมากขึ้นเรื่อยๆ
ในตอนท้ายกลายเป็นเสียงหอน …
……..
หมอหลินออกจากรถและโจวเจ๋อตามมาติดๆ พวกเขาสองคนมีความเข้าใจโดยไม่ต้องพูดจา ทั้งสองเดินไปเงียบๆที่ประตูประตูเข้าทางของห้างสรรพสินค้า
ห้างนี้ “เรียกได้ว่าแทบจะตายไปแล้ว” นอกจากร้านค้าเล็กๆ ของโจวเจ๋อและซูชิงหลางแล้วก็แทบจะไม่มีร้านขายของอยู่ใกล้ๆเลย
แต่ถึงกระนั้นห้างนี้ก็ยังคงมีคนเข้าออกอยู่บ้าง เพียงแต่ว่าตอนนี้อยู่ในช่วงเทศกาลปีใหม่จึงไม่มีใครพาครอบครัวออกมานอกบ้านมากนัก
โจวเจ๋อไปซื้อตั๋วและซื้อแพ็คเกจคู่รัก หลังจากดูเวลาแล้วเขาก็เดินเข้าไปในโรงหนังพร้อมกับหมอหลิน
เพราะว่าพวกเขามาช้าเกินไปที่นั่งดีๆจึงหายไปหมดแล้ว ตอนนี้พวกเขาได้ที่นั่งแถวแรกตรงกลางโรงหนังซึ่งถือได้ว่าแย่สุดๆ
และวันนี้หนังที่พวกเขาดูคือเรื่อง“ Neon Street Detective 2” ซึ่งเป็นภาพยนตร์ 2 มิติทำให้การนั่งแถวแรกก็ไม่ถือว่าส่งผลกระทบมากนัก
ระหว่างดูหนังหมอหลินไม่เคยพูดอะไรเลยเธอนั่งเงียบๆอยู่ข้างๆโจวเจ๋อพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมองหน้าจออย่างจริงจัง
โจวเจ๋อส่งข้าวโพดคั่วภรรยาสาว แต่หมอหลินจับมือเขาบ่งบอกว่าเธอจะไม่กินมัน
โจวเจ๋อถอนหายใจ เธอเพิ่งเป็นเด็กที่จบปริญญาตรีใหม่ๆแท้ๆไม่รู้ว่าจะทำตัวคร่ำครึไปทำไม
หนังเรื่องนี้ก็ไม่เลวนักโจวเจ๋อสามารถหัวเราะได้เป็นครั้งคราวและหมอหลินก็มักจะหัวเราะเช่นกัน แต่รอยยิ้มของเธอบางเบามากแทบจะไม่ปรากฏออกมาเลย
สำหรับโจวเจ๋อบรรยากาศของการดูหนังแตกต่างจากที่เขาคิดไว้ ในตอนแรกเขาคิดว่ามันน่าจะเต็มไปด้วยความอึดอัด
หลังจากที่หนังจบลงแล้วโจวเจ๋อและหมอหลินเดินออกมาเคียงข้างกัน ยังไม่ถึง 1 ทุ่มเลย แต่หลังจากออกจากบริเวณโรงหนังห้างก็แทบจะปิดแล้ว
หมอหลินเดินตามมาข้างหลังเขาเงียบๆ โจวเจ๋อต้องการจะพูดอะไรบางอย่าง แต่ไม่รู้จะพูดอะไร
ถ้าจะพูดเรื่องหนังในความเป็นจริงมันก็ไม่ได้มีสาระมากมายอะไรให้พูดถึง?
“ ไปที่ร้านหนังสือของผม…”
“ นั่งที่ร้านหนังสือของคุณ…”
ทั้งสองดูเหมือนจะพยายามทำลายความลำบากใจในเวลานี้และได้ข้อสรุปที่ตรงกัน
ทั้งสองเดินกลับไปที่ร้านหนังสือ โจวเจ๋อพบว่าร้านก๋วยเตี๋ยวปิดอยู่และประตูบานเกล็ดถูกดึงลงมา ไม่รู้ว่าซูชิงหลางยังอยู่ในร้านหรือเปล่า
หมอหลินเลือกนิตยสารและนั่งลงบนเก้าอี้หลังเคาน์เตอร์ โจวเจ๋อหยิบหนังสือมานั่งข้างๆและอ่านไปด้วย
ชาร้อนสองถ้วยถูกวางไว้ข้างหน้าพวกเขาส่งกลิ่นหอมโชยออกมาเล็กน้อย
จู่ๆโจวเจ๋อก็รู้สึกว่าเขาดูเหมือนจะไม่มีหน้าที่จะหัวเราะเยาะซูเล่อเพราะเขาพบว่าการออกเดทครั้งแรกของเขาก็ไม่ได้ดีเด่อะไรเลย
สิ่งที่พอจะเป็นรางวัลให้เขาได้เล็กน้อยก็คือการที่เธอมานั่งอ่านหนังสือที่ร้านของเขาแทนที่จะกลับบ้านไปโดยตรง!
“ ดึกขนาดนี้แล้วยังไม่ปิดร้านอีกเหรอ” หมอหลินถาม ในความเป็นจริงความหมายคือเธอต้องการจะกลับแล้ว ตราบใดที่โจวเจ๋อปิดร้านเธอก็จะกลับทันที
“ ผมเปิดร้านตอนกลางคืน” โจวเจ๋อรู้ความหมายของเธอแต่เขาก็ตอบไปตามความจริง
หมอหลินพูดอะไรไม่ออกชั่วขณะและทำได้เพียงยิ้มแล้วค่อยๆเดินไปที่ชั้นหนังสือและมองหานิตยสารเล่มต่อไป
ทันใดนั้นประตูร้านหนังสือถูกผลักเปิดออกมีชายสองคนและหญิงหนึ่งคนเข้ามา
ทั้งสามคนอายุไม่มากเหมือนอายุยี่สิบต้นๆ เห็นได้ชัดว่าชายทั้งสองคนเมาและหนึ่งในนั้นแทบจะไม่มีสติแล้ว
“ เถ้าแก่มีน้ำอุ่นไหม” หญิงสาวถามขึ้นมา
โจวเจ๋อชี้ไปที่ตู้น้ำดื่มที่อยู่เหนือกำแพง
ผู้หญิงคนนั้นไปรินน้ำให้เพื่อนสองถ้วยจากนั้นเดินไปที่เคาน์เตอร์แล้วถามว่า
“ราคาเท่าไหร่?”
หญิงสาวคนนั้นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาดูเหมือนว่าจะพร้อมที่จะสแกนบาร์โค้ดเพื่อชำระเงิน
“สามสิบ.” โจวเจ๋อตอบ
“ เถ้าแก่คุณเป็นโจรหรือไง น้ำเปล่า 2 แก้ว 30 หยวนนี่มันบ้าชัดๆ” หญิงสาวยิ้มและดุเบาๆแต่ก็ยังสแกนบาร์โค้ดแล้วหันไปหาเพื่อนทั้งสองของเธอ
“ พักผ่อนที่นี่ก่อนเถอะ”
พวกเขาคิดว่าร้านหนังสือแห่งนี้เป็นสถานที่พักผ่อนชั่วคราว การเก็บเงิน 30 หยวนของโจวเจ๋อนั้นเหมือนกับค่าบริการขั้นต่ำของร้านน้ำชาดังนั้นพวกเขาจึงไม่ได้คิดจริงจังอะไร
ทันใดนั้นคนที่เมาหนักก็ตะโกนขึ้น
“ ฉันชอบเรื่องผีมากที่สุดที่นี่มีไหม?”
ชายหนุ่มที่เมาน้อยกว่าหัวเราะเบาๆ เพื่อนของเขาเป็นคนกลัวผีแต่เมื่อเมาแล้วกลับคิดจะแสดงความกล้าออกมา
โจวเจ๋อถอนหายใจหยิบคอลเล็กชั่นนวนิยายสยองขวัญสองเล่มออกมาจากใต้เคาน์เตอร์เดินไปหาชายคนนั้นในขณะเดียวกันมือของพวกเขาทั้งสองก็แตะกันโดยไม่ตั้งใจ
‘เป็นคนไม่ใช่ผี’ โจวเจ๋อคิดในใจ วันนี้คงไม่มีอะไรแปลกๆเกิดขึ้นที่ร้านของเขา
ไอ้หนุ่มคนนั้นค่อนข้างน่ารักแม้ว่าเขาจะเมาหนักก็ตาม ตอนนี้เขาก้มลงอ่านหนังสืออย่างจริงจัง แต่ไม่รู้ว่าเขาจะอ่านเข้าใจหรือไม่
อีกสองคนโจวเจ๋อไม่ได้ไปสัมผัสพวกเขาเพราะว่ามันค่อนข้างไม่เหมาะสม
ชายหนุ่มที่เมาคนนั้นนั่งลงส่วนเพื่อนชายและหญิงสองคนก็นั่งลงบนม้านั่งพลาสติกเช่นกัน สามคนพลิกดูหนังสือแบบสุ่มๆพร้อมกับเล่นโทรศัพท์มือถือไปด้วย
ในความเป็นจริงค่าบริการสามสิบหยวนก็ค่อนข้างเหมาะสมแล้ว
“ เรื่องผีเรื่องนี้เขียนได้แย่จริงๆไม่สมเหตุสมผลเลย”
ชายคนนั้นโยนหนังสือและมันก็หล่นลงข้างตู้กดน้ำ
หญิงสาวเดินไปหยิบหนังสือและพบว่าปกหนังสือเปียกแล้วเธอทำหน้าไม่พอใจเล็กน้อยก่อนจะเดินกลับมาหาโจวเจ๋อ
“ เถ้าแก่ราคาเท่าไหร่”
“ ลด 20% จากราคาป้าย” โจวเจ๋อมีความสุข คุณภาพของเด็กทั้งสามคนนี้ค่อนข้างสูง
แน่นอนว่าโจวเจ๋อหวังว่าชายขี้เมาจะทำลายหนังสือทั้งหมดในร้านของเขาไปด้วย
หญิงสาวไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากสแกนจ่ายเงินอยู่ที่เคาน์เตอร์
“ ไปกันเถอะเลิกบ้าได้แล้ว”
“ ถ้าจะเขียนเรื่องผีก็ต้องเคยเห็นผีมาบ้าง” คนเมายืนกราน
โจวเจ๋อหัวเราะเบาๆพร้อมกับกล่าวว่า “ถ้าอยากเห็นผีก็อยู่ตรงหน้าคุณนี่ไง”
“ ฉันไม่กลับไปฉันไม่กลับไปแน่นอน! คืนนี้ฉันจะอยู่ที่นี่!” ชายคนนั้นยังคงโวยวายต่อไป
“ มันมีผีอยู่ที่บ้านของฉัน ฉันจะนอนอยู่นี่สักคืน”
“ …………” โจวเจ๋อ
ตอนนี้หมอหลินวางหนังสือและมองไปที่คนเมา เห็นได้ชัดว่าเธอคิดว่าเรื่องนี้น่าสนใจขึ้นมาแล้ว
“ พี่หลิวมีผีในครอบครัวของพี่หรือ?” คนที่มากับคนเมาเหน็บแนม
หญิงสาวเหลือบมองเขาและเคลื่อนไหวไม่ให้เขาพูดสุ่มสี่สุ่มห้า
“ เชี่ยเอ้ย! ครอบครัวนายสิเป็นผี!”
คนเมาลุกขึ้นยืนด้วยความโมโห
“ ที่บ้านของฉันมีผีจริงๆ ในช่วงวันเริ่มต้นของปีใหม่มันจะมาทุกปี มันไม่ไปหาคนอื่นในครอบครัวฉัน พ่อแม่พี่น้องทุกคนมันไม่ไปหา มันคอยจ้องจะเล่นงานฉันอยู่คนเดียว!”
“ ผีผู้หญิง?” เพื่อนของเขากล่าวด้วยความสงสัย
“ มันไม่ใช่ผีผู้หญิงมันเป็นหมาตัวเมีย!”
“หมาตัวเมีย!”
เพื่อนทั้งสองของเขาหัวเราะออกมาโดยไม่รู้ตัว
แม้แต่โจวเจ๋อและหมอหลินก้มหน้าลงและพยายามใช้มือปิดปาก เรื่องนี้น่าตลกจริงๆ
ชายหนุ่มที่เมาคนนั้นรู้สึกโกรธเมื่อเห็นท่าทีของทุกคน!
“ ฉันไม่ได้พูดเล่นนะมันมาหาฉันทุกปีในช่วงตรุษจีน! ในตอนที่ฉันนอนหลับมันจะมากวนทุกครั้ง!”
แม้ว่าเขาจะเมาหนักแต่เขาก็ยังมีสติดี คำพูดของเขาทำให้ทุกคนที่อยู่ในห้องต้องจริงจังขึ้นมา
“ ตั้งแต่เจ็ดปีที่แล้วจนถึงตอนนี้ทุกๆปีใหม่ในวันนี้มันจะมาตรงเวลาตลอด มันจะมาขโมยเงินที่พ่อแม่ของฉันมอบให้!” ชายคนนั้นกอดศีรษะของตัวเองและเริ่มร้องไห้
“ ไม่รู้ทำไมมันถึงมากวนฉันคนเดียว!”
“ เกิดอะไรขึ้น?” เพื่อนของเขาถาม
“ หมาตัวนี้เป็นหมาที่เราเลี้ยงไว้ ในวันปีใหม่เงินของแม่ฉันหายไป 5000 หยวน หลังจากนั้นเราพบเงินหลายร้อยถูกฉีกเป็นชิ้นๆอยู่ในห้องนั่งเล่น พี่ชายของฉันโกรธมากก็เลยจัดการฆ่าหมาตัวนั้น”
“ ถ้าอย่างนั้นหมาตัวนั้นมันก็มาแก้แค้นพี่ล่ะสิ” เพื่อนของเขาวิเคราะห์
“ ฉันไม่อยากให้มันเป็นแบบนี้ ไม่รู้ว่าทำไมมันมาหาฉันทั้งที่พี่เป็นคนฆ่ามันแท้ๆ อาจเป็นเพราะว่าเราเอาเนื้อของมันมากินในวันปีใหม่ด้วย!”
หมาตัวนั้นทำให้พวกเขาเสียเงิน 5,000 หยวนมันจึงถูกกิน!
ชายหนุ่มคนนั้นร้องไห้
“ ทุกคนต่างมีส่วนร่วมแต่ทำไมมันถึงเครียดแค้นให้ฉันคนเดียว”
“ นายเมาแล้วกลับบ้านกันเถอะ” หญิงสาวพยุงชายคนนั้นขึ้นและเรียกเพื่อนอีกคนมาช่วยพยุง
หลังจากนั้นพวกเขาก็เดินออกจากร้านหนังสือไป
“ คุณคิดว่าทำไมหมาตัวนั้นถึงต้องตามตอแยเขาคนเดียว” หมอหลินหันมาถามโจวเจ๋อ
“ คุณสนใจเรื่องนี้จริงๆ” โจวเจ๋อมองหน้าเธอ
“ใช่” หลินพยักหน้า
โจวเจ๋อยิ้ม“ ที่จริงมันง่ายมากก็เพราะว่าเขาเป็นตัวต้นเหตุที่ทำให้มันต้องตายไงล่ะ”
“ ยังไง?” หมอหลินมีสีหน้าสงสัย
“ วิญญาณของหมาตัวนั้นกลับมาเพราะว่ามันมีความแค้นในใจ” โจวเจ๋ออธิบาย “ ก็เหมือนกับคนทั่วไปนั่นแหละ”
“ แล้วทำไมมันไม่ตอบโต้คนอื่นในครอบครัวล่ะ”
“ บางทีอาจจะเป็นเพราะว่าชายคนนั้นเป็นคนขโมยเงินไป แล้วเขาก็ใส่ร้ายหมาที่พูดแก้ต่างไม่ได้ ”
หมอหลินส่ายหัวและมองไปที่โจวเจ๋อด้วยสีหน้าทึ่งเล็กน้อย
“ ความจริงนี่เป็นเพียงเรื่องไร้สาระแท้ๆ แต่เมื่อออกจากปากคุณฉันกลับรู้สึกว่ามันน่าจะเป็นความจริงซะอย่างนั้น”
โจวเจ๋อเดินไปทำความสะอาดโต๊ะของแก๊งวัยรุ่น ในตอนนั้นเขาเห็นกระเป๋าสตางค์เล็กๆวางอยู่เขาจึงหยิบขึ้นมาและเดินไปที่หน้าร้านในเวลาเดียวกันกับหญิงสาวคนนั้นที่วิ่งกลับมา
“ ขอโทษด้วยค่ะ…”
โจวเจ๋อยื่นกระเป๋าเงินให้เธอ
“ขอบคุณค่ะ!” หญิงสาวโค้งคำนับขอบคุณโจวเจ๋อ
“ ถ้าเพื่อนของฉันทำกระเป๋าตังค์หล่นอีกเขาต้องถูกครอบครัวลงโทษแน่ๆ”
“ไม่เป็นไร.” โจวเจ๋อโบกมือ
เมื่อหญิงสาวคนนั้นหันหลังวิ่งกลับไป ภายใต้เสื้อคลุมของเธอดูเหมือนว่าจะมีหางสีเหลืองพลิ้วไหวเบาๆ …