49 – ขอกินเจ้านั้นได้ไหม
“นี่ มาชิมน้ำบ๊วยใหม่ที่ฉันคิดค้นขึ้นให้คุณโดยเฉพาะ”
ซูชิงหลางวางถ้วยบนเคาน์เตอร์ของโจวเจ๋อน้ำบ๊วยดูกลมกล่อมกว่าเดิม สีของมันเหมือนกับไวน์แดง
“ความแตกต่างคืออะไร?” โจวเจ๋อไม่ดื่ม เขาถามก่อน
“รสชาติเข้มข้นขึ้นเล็กน้อยเหมือนเหล้าองุ่นเก่า แต่รสชาติเปรี้ยวจะตามมาด้านหลังมันจะทำให้พี่กินง่ายกว่าเมื่อก่อน”
“อ๊ะความรักที่ไม่สนใจขนบธรรมเนียมประเพณี”
มีเสียงเปรี้ยวดังจากหญิงสาวที่กำลังทำความสะอาดชั้นหนังสือ
ซูชิงหลางหันขวับไปมองตาขวางทันที
โจวเจ๋อลองจิบรสชาติดูรู้สึกว่าต่างจากน้ำบ๊วยเปรี้ยวที่เขาเคยดื่มมาก่อน คราวนี้นอกจากรสชาติจะหวานไปนิดอย่างอื่นถือว่าดีพร้อม
ทันใดนั้นโจวเจ๋อรู้สึกได้ถึงกรดในท้องของเขา “ฟ่อ…” ร่างกายของเขากระตุกเล็กน้อยแต่ก็สามารถอดทนได้อย่างง่ายดาย
โจวเจ๋อพยักหน้าพอใจมาก
“คุณเป็นคนมีศีลป์จริงๆ” โจวเจ๋อกล่าว
“แน่นอนอยู่แล้ว” ซูชิงหลางยิ้ม “ฉันจะถือว่านี่เป็นเครื่องเคียงอันเป็นเอกลักษณ์ของฉัน น่าเสียดายที่มีคนชอบรสชาตินี้น้อยลง”
“น่าเสียดายจริงๆ” โจวเจ๋อเห็นด้วย
“ขออนุญาตนะคะ”
ประตูร้านหนังสือถูกเปิดออกและกลุ่มเด็กสาว ม.ปลายก็เดินเข้ามาเจ็ดแปดคน ดูลักษณะของพวกเธอเหมือนจะเป็น “เด็กเรียน”
“เถ้าแก่ใช้ WiFi ที่นี่ชั่วโมงละเท่าไหร่?” หญิงสาวคนหนึ่งเดินมาถามโจวเจ๋อที่เคาน์เตอร์
โจวเจ๋อยื่นนิ้วของเขาไปที่ผนัง
“10 หยวน โห…”
กลุ่มนักเรียนนั่งลงบนม้านั่งพลาสติก จากนั้นสาวๆก็หยิบการบ้านจากกระเป๋าเป้ขึ้นมาทำพร้อมกัน
วันหยุดฤดูหนาวกำลังจะหมดลง อีกไม่กี่วันก็จะเปิดภาคเรียนใหม่แล้วโจวเจ๋อซึ่งเคยเป็นนักเรียนเรียนดีจึงค่อนข้างพอใจที่เห็นเด็กๆพวกนี้
พวกเธอให้ความสำคัญกับการเรียนน่าเสียดายที่ยังมีเด็กบางคนพยายามลอกการบ้านของเพื่อนโดยไม่คิดจะใช้สมองของตัวเองทำ
โจวเจ๋อเอื้อมมือออกไปที่เคาน์เตอร์และชี้หญิงสาวแซ่ไป๋เดินมาเทน้ำร้อนให้กับพวกเด็กผู้หญิงที่กำลังทำการบ้าน
หลังจากที่พวกเธอเลือกหนังสือได้แล้วก็เดินมาหาโจวเจ๋อที่เคาน์เตอร์คิดเงิน
“เล่มนี้ราคาเท่าไหร่คะ?”
“95.”โจวเจ๋อตอบกลับ
“ไม่ต้องทอนค่ะ” หญิงสาวจ่ายด้วยแบงค์ร้อยอย่างใจกว้าง
โจวเจ๋อรับเงินแล้วไม่พูดอะไรอีก
เมื่อถึงเวลาห้าโมงเย็น กลุ่มนักเรียนที่ทำการบ้านเสร็จแล้วก็ออกไป และร้านหนังสือก็กลับมาเยือกเย็นอย่างที่ควรจะเป็นอีกครั้ง
ซูชิงหลางไม่ได้อยู่ในร้านเขาออกไปสั่งทำแผ่นป้ายหน้าร้านใหม่ แน่นอนว่าเขาจะไม่เอาคำพูดของโจวเจ๋อที่ว่า “คนกินดินประทังชีวิต เพื่อให้ดินกินคนในตอนท้าย”
เพราะตราบใดที่สมองยังปกติ จะเห็นได้ว่ากลอนบทนี้ไม่เหมาะสมจะติดอยู่หน้าร้านบะหมี่แต่น่าจะเอาไปติดอยู่ที่ป้ายหลุมศพแทน
หญิงสาวแซ่ไป๋ค่อนข้างทำตัวดีวันนี้ เธอทำความสะอาดร้านเสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำและเดินขึ้นไปบนชั้น 2 ทันที โดยไม่ได้เรียกร้องจะออกไปข้างนอก ซึ่งแน่นอนว่าโจวเจ๋อก็ไม่มีทางอนุญาตอยู่แล้ว
แน่นอนว่าโจวเจ๋อจำคำเตือนของวิญญาณเธอได้ “ฤดูใบไม้ร่วงครั้งต่อไปให้เผาศพของเธอด้วยไม้ไผ่”
โจวเจ๋อไม่รู้ว่าคุณหนูไป๋รู้เรื่องที่ร่างกายของเธอสร้างวิญญาณใหม่ขึ้นมาหรือไม่
อันที่จริงเขาไม่มีทางทำเรื่องนี้ลงอย่างแน่นอนเพราะว่าเธอไม่แตกต่างจากคนที่มีชีวิตอยู่จริงๆ มิหนำซ้ำตราบใดที่เขายังควบคุมเธอได้เธอจะไม่มีวันไปทำร้ายใคร
“คุณชื่ออะไร?” เมื่อเธอเดินลงมาจากชั้น 2 อีกครั้งโจวเจ๋อก็ถามเบาๆ
“แซ่ไป๋”
“ไป๋อะไร”
“ไป๋อิ่ง”
โจวเจ๋อพยักหน้าแม้จะเป็นชื่อที่แปลกแต่ก็ยังดีกว่าไม่มีชื่อให้เรียก
“อันที่จริงการกินอาหารของคุณไม่จำเป็นต้องลำบากอย่างนี้” ไป๋อิ่งพูดได้รอยยิ้ม
“เหมือนกับที่คุณนอนอยู่กับฉันแล้วสามารถหลับได้อย่างสนิท ความจริงก็เพราะวิญญาณของคุณเปื้อนลมหายใจของนรก แต่ร่างกายของคุณยังมีชีวิตอยู่
ร่างกายของคุณต้องนอน ต้องกิน แต่จิตวิญญาณของคุณไม่ต้องการสิ่งเหล่านี้ ดังนั้นมันจึงขับไล่สิ่งต่างๆออกไปตามสัญชาตญาณ “
“พูดต่อไป”
“ให้ฉันทำอาหารให้คุณ” หญิงสาวพูดด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “อาหารที่ผ่านการสร้างสรรค์จากมือของฉันจะมีคุณสมบัติเหมือนกับลมหายใจของนรก ถึงแม้ว่ามันจะไม่ดีเลิศแต่คุณก็สามารถทานได้ไม่มีปัญหา”
โจวเจ๋อเข้าใจทันทีว่าทำไม น้ำถ้วยนั้นทำให้เขารู้สึกหวานเล็กน้อย ไม่ใช่เพราะปากของหญิงสาวแต่เป็นเพราะอย่างนี้นี่เอง
“ขอบคุณ.”
“ยินดี”
ในช่วงดึกของวันนั้นมีชายคนหนึ่งสวมเสื้อหนังอยู่นอกร้าน เขาแต่งตัวแบบเรียบง่ายผมของเขายุ่งเล็กน้อยและใบหน้าของเขาแดงก่ำน่าจะเพิ่งไปดื่มมา
เขาทำตัวลุกลี้ลุกลนอยู่ด้านนอกสักครู่ก่อนจะผลักประตูร้านเดินเข้ามา
ตอนแรกโจวเจ๋อไม่สนใจ แต่ไม่นานโจวเจ๋อก็จำชายคนนี้ได้
ซุนเถาอดีตผู้ช่วยของเขา แพทย์หนุ่มที่มีศักยภาพสูง
ดวงตาขอไป๋อิ่งก็จับจ้องไปที่เขาเช่นกัน เธอยื่นมือออกมาและค่อยๆจิ้มเอวของโจวเจ๋อแล้วส่งเสียงเบาๆว่า
“ขอกินเจ้านี่ได้ไหม”
กินเนื้อคน?
โจวเจ๋อขมวดคิ้วเล็กน้อย
“ฉันไม่ได้หมายถึงเขา คุณมองไม่เห็นที่อยู่ข้างหลังเขาเหรอ?”
หลังจากได้รับการเตือนโจวเจ๋อก็ยืนขึ้นและมองไปยังสิ่งสีดำที่แขวนอยู่ข้างหลังชายคนนั้น
คนธรรมดาอาจไม่รู้ว่ามันคืออะไรเพราะมันดูเป็นนามธรรมเล็กน้อย เหมือนหนอนดำแต่ก็มีลักษณะพิเศษคล้ายมนุษย์
แต่เนื่องจากอาชีพที่แล้วของเขาโจวเจ๋อจึงสามารถเห็นได้อย่างรวดเร็วว่านี่คือทารกที่คลอดก่อนกำหนด
“แว้ๆๆๆ..”
เมื่อรู้ว่าโจวเจ๋อสังเกตเห็นเขา ทารกก็ร้องไห้ออกมาในทันที
เสียงนั้นดูคุ้นเคยสำหรับโจวเจ๋อ เขาเริ่มค้นหาความทรงจำที่เกี่ยวข้องในใจ ในที่สุดเขาก็พบที่มาของความคุ้นเคยนั้น
พยาบาลเฉิน.
พูดตรงๆก็คือเสียงในท้องของพยาบาลเฉิน แน่นอนว่ามีเพียงโจวเจ๋อเท่านั้นที่ได้ยินมันในเวลานั้น
โจวเจ๋อไม่ได้มีความปิติที่เขาสามารถ “ระบุตัวตนของพ่อเด็กได้” สิ่งที่ปรากฏอยู่ในใจของเขาคือความโศกเศร้า
เด็กคนนั้นพวกเขาไม่ต้องการเก็บไว้?
เมื่อไป๋อิ่งพูดว่าอยากกินเขา มันไม่ได้หมายถึงคนๆนั้นแต่หมายถึงวิญญาณของเด็กทารก
(ไฟดับมาตั้งแต่เมื่อคืนครับก็เลยได้ลงช้าหน่อย)