21 – พายุมาอีกแล้ว!
เช้าวันรุ่งขึ้นโจวเจ๋อมาที่ร้านบะหมี่ตามปกติ สิ่งนี้ค่อยๆกลายเป็นกิจวัตรในวันปกติของเขา เมื่อการกินไม่ใช่ความเพลิดเพลินอีกต่อไปและมันจะกลายเป็นงานที่เขาต้องทำเป็นประจำ
การทำงานเป็นเรื่องง่าย และไม่มีอะไรสะดวกรวดเร็วไปกว่าซูชิงหลางที่อยู่ข้างๆ
“ น้ำมะระ” ซูชิงหลางวางแก้วใบใหญ่ไว้ตรงหน้าโจวเจ๋อจากนั้นก็เสิร์ฟข้าวผัดไข่
โจวเจ๋อพยายามจิบก่อน ขณะที่ของเหลวเข้าไปในลำคอโจวเจ๋อรู้สึกว่ามันมีรสชาติขมเหลือทน ทันทีที่กลืนลงไปแม้แต่ลำไส้และกระเพาะของเขาก็เริ่มขมวดเป็นปม
รอประมาณสิบวินาทีก่อนที่โจวเจ๋อจะผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอก
ขมจริงๆ
“ ฮ่าฮ่าคุณนี่แข็งแกร่งจริงๆ” ซูชิงหลางหัวเราะให้กับการแสดงออกของโจวเจ๋อ
“ ถ้าหากคุณไม่กินน้ำพวกนั้นคุณจะกินอาหารไม่ได้อย่างนั้นหรือ?”
โจวเจ๋อไม่ได้ตอบอะไรจากนั้นเขาดื่มน้ำมะระแก้วใหญ่ก่อนจะหยิบตะเกียบขึ้นมาและเริ่มเขมือบข้าวผัดไข่ที่อยู่ตรงหน้า
หนึ่งนาทีต่อมาโจวเจ๋อจัดการอาหารจนหมดทั้งจานพร้อมกับนั่งหลับตาอยู่ตรงนั้น
“ คุณต้องเป็นผีจอมตะกละอย่างแน่นอน” ซูชิงหลางกล่าว
โจวเจ๋อไม่ทราบว่านี่เป็นการเยาะเย้ยหรือมีความหมายอื่นซ่อนอยู่
โจวเจ๋อลืมตาขึ้นและชำเลืองมองอีกฝ่าย ในวันนั้นพี่น้องคนงาน 5 คนมาที่นี่ ภรรยาของเขาและน้องภรรยาตัวน้อยไม่สามารถมองเห็นพวกเขาได้นี่เป็นเรื่องปกติ
แต่เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวสามารถมองเห็นพวกเขาทั้งยังปรุงข้าวหมูตุ๋นห้าชามมาให้พวกเขาอีก จะให้โจวเจ๋อคิดเป็นอื่นได้อย่างไร
แต่ระหว่างทั้งสองพวกเขาอาศัยความเข้าใจโดยที่ไม่ต้องพูดจาทำให้พวกเขาสามารถหลีกเลี่ยงปัญหาน่าอึดอัดนี้ไปได้
“ ทำไมวันนี้คุณไม่รับออเดอร์ข้างนอกล่ะ” โจวเจ๋อถาม
ไม่กี่วันที่ผ่านมาแม้ในวันที่สามสิบของปีซูชิงหลางยังคงยุ่งอยู่กับร้านของเขามีโทรศัพท์โทรเข้ามาสั่งก๋วยเตี๋ยวไม่หยุด แต่วันนี้ร้านของเขากลับไม่มีลูกค้าแม้แต่คนเดียว
“หยุด.” ซูชิงหลางหยิบบุหรี่ออกมาและส่งให้โจวเจ๋อ
แม้แต่โจวเจ๋อที่เป็นหมอของโรงพยาบาลก็ยังไม่กล้าหยุดพักในวันเริ่มต้นทำงานของปีใหม่ เจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวคนนี้กลับนึกจะหยุดก็หยุดนึกจะทำก็ทำ
แต่ในฐานะเศรษฐีที่มีคอนโดมากกว่า 20 ห้องก็ไม่นับว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร
“ รู้จักผีรถลากหรือเปล่า?” โจวเจ๋อถาม เขาจำเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนได้ดี แต่เขาไม่ได้เร่งรีบที่จะหาคำตอบเมื่อคืนเขาง่วงมากเกินเมื่อไปถึงตู้แช่เขาก็นอนหลับอย่างรวดเร็ว
ในความเป็นจริงโจวเจ๋อไม่ต้องการสร้างปัญหาให้กับตัวเอง
เขาใช้ชีวิตเล็กๆของเขาด้วยความเอาใจใส่จอย่างริงจังและพยายามแสวงหาความสุขเล็กๆน้อยๆ แม้ว่าจะมีพวกภูตผีปรากฏขึ้นอยู่รอบๆตัวเขาบ้างแต่มันก็ไม่ได้เป็นปัญหาอะไร
แม้ว่าเด็กหญิงตัวเล็กๆที่สวมกระโปรงดอกลิลลี่จะเป็นตัวอันตรายก็ตาม แต่เรื่องของเธอก็ไม่มีความเกี่ยวข้องกับเขาและเขาไม่ต้องการก่อความยุ่งยากในเรื่องนี้
“ ผีรถลาก?” ซูชิงหลางตัวแข็งอยู่ครู่หนึ่งและยิ้ม “ ฉันเคยได้ยินตำนานเรื่องนี้อยู่บ้างว่าผีรถลากจะออกท่องเที่ยวหากินเป็นระยะเวลา 30 วันหลังจากวันปีใหม่แต่ฉันก็ไม่เคยเห็นพวกเขาหรอกนะฮ่าๆๆ”
ซูชิงหลางยังคงพูดเรื่องไร้สาระจากนั้นก็หาว“ ไม่พูดเรื่องนี้ดีกว่าแล้วทำไมวันนี้ร้านของคุณถึงยังไม่เปิด”
“ รอเปิดอีกทีตอนกลางคืน”
“อย่างนั้นเหรอ” ซูชิงหลางหยิบโทรศัพท์ของเขาออกมาและมองไปโจวเจ๋อ
“ เราจะไปดูหนังกันไหม”
บรรยากาศเข้าสู่ความเงียบทันที
“ ไม่ไป” โจวเจ๋อปฏิเสธ
“ ดูสิว่าฉันเสียความพยายามมากแค่ไหน ฉันปั่นน้ำมะระให้คุณด้วยซ้ำ แต่คุณกลับบอกว่าไม่ไปนี่นะ”
“ …………” โจวเจ๋อ
“ ขอโทษนะฉันลืมไปแล้วว่าฉันเองก็เป็นผู้ชาย” ซูชิงหลางส่ายหัวด้วยความเศร้าโศก เขาแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาต้องการเกิดเป็นผู้หญิง
“ คุณเคยมีอาการบาดเจ็บทางจิตใจตอนเป็นเด็กหรือเปล่า?” โจวเจ๋อถาม “ ผมรู้จักนักจิตวิทยาบางคนที่สามารถช่วยคุณได้”
ซูชิงหลางหัวเราะออกมาดังๆ
“ ความรักต่างเพศเป็นเพียงเรื่องนอกรีตทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำไปก็เพื่อให้ดำรงเผ่าพันธุ์เท่านั้น ความรักระหว่างเพศเดียวกันสิถึงจะเป็นความรักที่แท้จริง”
“ บ้าไปใหญ่แล้ว” โจวเจ๋อส่ายหน้า
การสนทนาระหว่างทั้งสองหลังอาหารเช้าก็สิ้นสุดลง
โจวเจ๋อกลับไปที่ร้านหนังสือและเปิดประตู ตอนแรกเขาตั้งใจจะปิดร้านเพื่อเปิดอีกครั้งในตอนกลางคืน
แต่มาคิดๆดูยังไงเขาก็ไม่ได้นอนในตอนนี้อยู่แล้ว การเปิดร้านไว้น่าจะดีกว่าอย่างน้อยอาจจะทำให้เขาได้เงินสักร้อยสองร้อย
หลังจากนั้นเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาและส่งข้อความให้กับหมอหลิน
“ ไปดูหนังตอนบ่ายไหม”
หลังจากรอประมาณสิบนาทีหมอหลินก็ตอบกลับมาว่า
“บ่ายๆนะ ตอนนี้ทำงานอยู่”
ปีใหม่ไม่ได้แปลว่าการป่วยและประสบอุบัติเหตุจะลดลง โจวเจ๋อซึ่งเคยเป็นหมอรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดี
แต่เมื่อมาคิดๆดูโจวเจ๋อก็รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย เขาอยากจะบอกเธอว่าเขาคือโจวเจ๋อไม่ใช่ซูเล่อ
แต่นั่นคงทำให้หมอหลินรู้สึกกลัวและสงสัยว่าเขาอาจจะแอบสืบความลับของเธอก่อนที่จะพยายามแต่งเรื่องขึ้น
ท้ายที่สุดแล้วหากเขายืนยันปฏิเสธก็จะถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลบ้าโจวเจ๋อชัดเจนในเรื่องนี้ จะดีที่สุดหากให้คนรู้เรื่องนี้ยิ่งน้อยคนยิ่งดี
“ ตอนดึกๆแล้วกันนะ”
หมอหลินตอบกลับมาอีกข้อความ
โจวเจ๋อยิ้ม เขารู้สึกว่ารอยยิ้มของเขาเหมือนคนโง่เล็กน้อย เมื่อตอนที่เขาเรียนอยู่ในช่วงมัธยมต้นเพื่อนร่วมชั้นของเขาก็มีท่าทางแบบนี้ในตอนที่มีความรักครั้งแรก
‘ก่อนหน้านี้ฉันตายไปแล้วครั้งหนึ่ง ต่อจากนี้ฉันจะใช้ชีวิตให้ดีและมีชีวิตยืนยาวมากที่สุดเท่าที่จะมากได้’
ผู้คนมากมายกว่าที่จะเข้าใจในสัจธรรมของชีวิตก็แทบจะมาถึงวันสุดท้ายของพวกเขาแล้ว ซึ่งแม้ว่าพวกเขาจะเข้าใจสัจธรรมข้อนี้แต่ก็ไม่มีเวลาให้ลงมือทำอีกต่อไป
โจวเจ๋อเคยตายมาแล้วครั้งหนึ่งปัจจุบันเขากลับมามีชีวิตและต้องการที่จะแสวงหาความสุขให้มากที่สุด
หลังจากนั้นไม่นานรถสีแดงก็มาหยุดอยู่บนถนนหน้าร้านหนังสือมีผู้หญิงสองคนลงจากรถเดินมาทางร้านของเขา
คนหนึ่งอายุประมาณสามสิบปีและอีกคนอายุเพียงห้าหรือหกขวบ
เด็กหญิงสวมชุดสีแดงเหมือนเกี๊ยวชิ้นเล็กๆน่ารักเป็นอย่างมาก และเธอมัดผมเปียไว้ด้านหลัง วันนี้เธอมาที่ร้านของโจวเจ๋อด้วยความมั่นใจ
แต่เมื่อฉันเห็นเด็กหญิงดวงตาของโจวเจ๋อก็หรี่ลงโดยไม่รู้ตัว
‘ผู้มาไม่มีเจตนาดี เจตนาดีย่อมไม่มา’
โจวเจ๋อไม่ไปหาเธอแต่เธอกลับมาหาเขาที่นี่ด้วยตัวเอง
ก่อนหน้านี้หมอหลินได้ชวนโจวเจ๋อไปงานเลี้ยงของพ่อเด็กหญิงในตอนนั้นเขายังนิ่งนอนใจ แต่ตอนนี้เจตนาชัดแจ้งแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามไม่ต้องการปล่อยเขาไป
คุณพ่อที่มีลูก 4 คนเสียชีวิตเพราะเด็กหญิงคนนี้
ประตูร้านหนังสือถูกผลักเปิดออกเด็กหญิงคนนั้นเดินเข้ามาข้างในพร้อมกับมองไปรอบๆ ก่อนที่จะเห็นโจวเจ๋อนั่งอยู่หลังเคาน์เตอร์
“ คุณลุงคนดี”
โจวเจ๋อพยักหน้าเล็กน้อย เขากำลังคิดกับตัวเองว่าเขาควรจะเสี่ยงใช้เล็บนี้จัดการกับเธอก่อนหรือไม่?
“ สวัสดีค่ะฉันเป็นแม่ของรุ่ยรุ่ย”
หญิงสาวคนแม่เดินมาหาโจวเจ๋อและวางกล่องของขวัญไว้ที่เคาน์เตอร์
“พวกเราขอบคุณคุณจริงๆ”
หญิงสาวโค้งคำนับให้โจวเจ๋อด้วยความจริงใจ
“ อย่าเกรงใจเลยครับเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว” โจวเจ๋อยังไม่ลุกขึ้น เขาต้องการแสร้งทำเป็นว่าทุกอย่างเป็นปกติเพื่อให้เด็กหญิงตายใจ
แต่มันยากเกินไปต่อให้เป็นดาราดังระดับออสก้าก็ตาม หลังจากได้เห็นภาพความทรงจำของคนขับเมื่อคืนนี้ มันเป็นเรื่องยากมากที่เขาจะทำตัวปกติต่อหน้าเด็กหญิง?
“ แม่หนูอยากอ่านหนังสือที่นี่” เด็กหญิงรุ่ยรุ่ยกล่าว
“ โอเคถ้างั้นแม่ไปทำผมก่อน ลูกอยู่ที่นี่อ่านหนังสือกับคุณลุงนะ” ผู้หญิงคนนั้นยิ้มให้โจวเจ๋อ“ รบกวนอีกครั้งนะคะ”
“ ไม่มีปัญหาครับ”
หลังจากนั้นคนเป็นแม่ก็ขับรถออกจากที่นี่โดยทิ้งลูกสาวไว้ที่ร้านหนังสือกับโจวเจ๋อ