69 – ครูมัธยมต้น
เด็กสาวมปลายทั้งสองคนควรเป็นเพื่อนร่วมชั้นกัน เมื่อมองจากเสื้อผ้าที่พวกเธอสวม
สาวๆวัยนี้คือดอกบัวแรกแย้ม ที่จริงแล้วการที่ใบหน้าของพวกเธอสดใสนั้นจะทำให้พวกเธอดูน่ารักน่าดึงดูดมากกว่าการแต่งหน้าหนาเตอะ แต่ดูเหมือนว่าสาวๆทั้งสองจะไม่เข้าใจในเรื่องนี้
โจวเจ๋อยืนขึ้นและเดินออกไปนอกร้าน
“ซูเล่อพี่ต้องช่วยฉันด้วยนะ” น้องภรรยาเริ่มเล่นตลกกับโจวเจ๋อ
หญิงสาวที่อยู่ข้างๆเธอดูขี้อายเล็กน้อย ใบหน้าของเธอเต็มไปด้วยความอับอายและอดกลั้น
โจวเจ๋อกำลังคิดหาเหตุผลที่จะปฏิเสธ
แต่ในเวลานี้ชายวัยกลางคนที่กำลังนั่งอ่านอยู่เงียบๆ ก็ยืนขึ้นลมหายใจของเขาเริ่มหนักหน่วง แม้แต่เส้นเอ็นที่คอของเขาก็ยังเกร็งขึ้นมา
เมื่อโจวเจ๋อเห็นดังนั้นเขาจึงใช้มือกดไหล่ของชายวัยกลางคนให้นั่งลงอีกครั้ง
ในเวลาเดียวกันเขาก็บอกไป๋อิ่งว่า “ไปเอาเงินที่เคาน์เตอร์มา”
ไป๋อิ่งหยิบเงินห้าพันหยวนจากด้านหลังเคาน์เตอร์แล้วยื่นให้โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อหยิบเงินด้วยมือข้างหนึ่งแล้วมอบให้น้องภรรยาและพูดด้วยสีหน้าจริงจังว่า
“ต้องจ่ายคืน”
“รู้แล้วน่า”
น้องภรรยารับเงินแล้วมองไปที่ไป๋อิ่งด้วยสายตาสงสัย
“เธอเป็นพนักงานร้านพี่สาวของเธอรู้จักแล้ว” โจวเจ๋ออธิบาย
“อืม ก็ได้”
น้องภรรยาหยิบเงินที่มือของโจวเจ๋ออย่างไม่มีมารยาทพร้อมกับดึงแขนเพื่อนของเธอออกจากร้านหนังสือไป
สีหน้าของชายวัยกลางคนนั้นบิดเบี้ยวเป็นอย่างมากแต่ในที่สุดเขาก็นั่งลง
“เอาล่ะถึงเวลาที่คุณจะต้องเดินทางไปยมโลกได้แล้ว” โจวเจ๋อหันมาพูดกับชายวัยกลางคน
ชายวัยกลางคนยังคงดิ้นรน
“อย่าคิดจะดิ้นรนเลย” โจวเจ๋อหัวเราะอย่างโกรธจัด ชี้ไปที่หน้าต่างแล้วพูดว่า “ดูหมวกที่คุณสวมบนหัวสิ”
เมื่อชายวัยกลางคนมองที่หน้าต่างกระจก เขาเห็น “ภาพสะท้อน” ของตัวเอง
ในเงาสะท้อนเขาสวมหมวกทรงสูงหมวกมีตัวอักษรสีดำตัวใหญ่ “เดรัจฉาน”
ชายวัยกลางคนถึงกับตะลึงและหยุดดิ้นรนในทันที
“กำลังทำอะไรอยู่”
ซูชิงหลางเดินเข้ามาในร้านเขาบังเอิญเจอ “แขก” ในร้านของโจวเจ๋อ เขาจึงพูดติดตลกว่า “พี่ชาย คุณดูทันสมัยนะ”
โจวชี้นิ้วไปที่หมวกทรงสูงบนศีรษะของชายวัยกลางคนแล้วพูดว่า
“หมายความว่าอย่างไร”
“บทสรุปสุดท้าย”
ซูชิงหลางนั่งลงบนเก้าอี้พลาสติก
“มันเป็นเหมือนกับประกาศนียบัตรของนักเรียนเมื่อจบการศึกษาดังนั้นสิ่งนี้ก็คือสิ่งที่คนรอบข้างมองเขาในตอนที่เขายังมีชีวิตอยู่”
“โจวเจ๋อเปิดประตูนรกขึ้นและกำลังจะโยนชายวัยกลางคนเข้าไป”
“รอสักหน่อยได้ไหม” ชายวัยกลางคนหันกลับมาขอร้อง
“ทำไม?” โจวเจ๋อถาม
“ผมขออ่านหนังสือสักเล่มก่อน” ชายวัยกลางหยิบกระเป๋าตังค์ของตัวเองออกมาแต่ไม่มีเงินแม้แต่ใบเดียวอยู่ในนั้น
“คุณไม่มีแม้แต่คนเผากระดาษเงินกระดาษทองให้” ด้านหนึ่งของไป๋อิ่งอดพูดจาเสียดสีออกมาไม่ได้ “ดูเหมือนว่าคุณจะล้มเหลวในชีวิตจริงๆ แม้แต่ญาติของคุณก็ไม่ได้ให้เครื่องหอมแก่คุณเลย”
ชายวัยกลางคนเม้มริมฝีปากและมองที่โจวเจ๋อด้วยสายตาที่จริงใจ: “ได้โปรด”
ซูชิงหลางจุดบุหรี่ข้างๆเขา เขาไม่ได้พูดอะไร มันคือธุรกิจของโจวเจ๋อมันไม่สะดวกสำหรับเขาที่จะตัดบท
โจวเจ๋อมองดูหนังสือ “โครงร่างจีนศึกษา” ของชายวัยกลางคนและกล่าวว่า
“ผมเคยอ่านหนังสือเล่มนี้มาก่อน ตามความคิดของผมมีข้อผิดพลาดที่ชัดเจนหลายประการในหนังสือเล่มนี้”
“หนังสือทุกเล่มที่มีคุณค่าทางวิชาการย่อมมีข้อผิดพลาด ความผิดพลาดจะช่วยให้คนรุ่นใหม่สามารถปรับปรุงประสิทธิภาพที่ดีขึ้น” ชายวัยกลางคนกล่าวในเชิงบวก
“ว่าแต่หนังสือเล่มนี้มีดีตรงไหน?” โจวเจ๋อถาม
“จดหมายของเจิ้งกั๋วฟ่านถึงเจิ้งจ๋ายเคยกล่าวไว้ว่า อย่าวิพากษ์วิจารณ์และเยาะเย้ยคนโบราณ แม้ว่าคุณจะมีร้านหนังสือเห็นได้ชัดว่าคุณไม่ใช่นักอ่านที่ดี
หนังสือเล่มนี้คุณเฉียนมู่เขียนขึ้นตั้งแต่สมัยสงครามต่อต้านญี่ปุ่น นั่นมันเป็นความคิดของคนในยุคนั้นคุณจะเอามาดูหมิ่นได้อย่างไรในเมื่อบริบทของยุคสมัยมันแตกต่างกัน “
ชายวัยกลางคนกล่าวด้วยความดูถูกพร้อมกับโบกหนังสือในมือของเขา
ลักษณะท่าทางของเขาคล้ายกับครูที่กำลังสอนนักเรียน
“คุณเป็นคุณครูใช่ไหม?” ซูชิงหลางถามด้วยรอยยิ้ม
“ผมเป็นครูสอนภาษาจีนระดับมัธยมต้น” ชายวัยกลางคนตอบกลับ
หลังจากนั้นซูชิงหลางก็โบกมือพร้อมกับเดินออกจากร้านหนังสือด้วยท่าทางสง่างามเหมือนที่เขาทำทุกครั้ง
ชายวัยกลางคนนั่งอ่านหนังสืออีกครั้ง ดูเหมือนเขาจะไม่ใส่ใจว่าโจวเจ๋อจะให้โอกาสเขาหรือไม่ การอ่านหนังสือคือสิ่งสำคัญที่สุดสำหรับเขาแม้ว่าเขาจากกำลังเดินทางไปยมโลกก็ตาม
เมื่อนึกถึงความกระวนกระวายใจของชายผู้นี้เมื่อเขาเห็นเด็กสาวก่อนหน้านี้ โจวเจ๋อก็ตื่นตระหนกขึ้นทันที
โจวเจ๋อหันไปมองไป๋อิ่งแล้วพูดว่า
“ไปล้างห้องน้ำไป ”
“…………”ไป๋อิ่ง
หลังจากนั้นโจวเจ๋อก็ลากเก้าอี้มานั่งข้างชายวัยกลางคนพร้อมกับหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาหาข่าว
“คุณชื่ออะไร”
อีกฝ่ายไม่ตอบเหมือนจมอยู่ในบรรยากาศการอ่าน
“ไม่ตอบไม่ได้อ่าน”
“ผมจะจ่ายเงินให้”
โจวเจ๋อพยักหน้า และเมื่อเขาพยายามค้นหาชื่อของผู้ชายคนนี้ประตูร้านหนังสือก็ถูกเปิดอีกครั้ง
น้องภรรยาของเขาเดินกลับเข้ามาในร้าน
“เธอกลับมาทำอะไรที่นี่”
โจวเจ๋อยืนขึ้นและเอื้อมมือออกไปจับไหล่ของชายวัยกลางคนโดยไม่รู้ตัว เขากลัวว่าชายคนนี้จะโกรธขึ้นอีกครั้ง
อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนยังคงนั่งอ่านหนังสือเงียบๆโดยไม่มีท่าทางโกรธแค้นอะไร
น้องภรรยาหยิบโทรศัพท์มือถือของเธอออกมาและถ่ายรูปโจวเจ๋อพร้อมกับร้านหนังสือ จากนั้นเธอก็พูดเสียงดังว่า
“พี่สาวของฉันไม่เชื่อว่าฉันมาอ่านหนังสือที่ร้านของพี่ ดังนั้นฉันต้องถ่ายไว้เป็นหลักฐาน”
หลังจากพูดจบน้องภรรยาก็แลบลิ้นให้โจวเจ๋อ
“หวุดหวิดไปโชคดีที่ตอนนั่งแท็กซี่ฉันนึกได้พอดี” น้องภรรยาพูดจบก็ค้นหาบุหรี่ออกมาสูบ
“เธอไม่ควรจะสูบบุหรี่นะ”
โจวเจ๋อยังคงเตือนแม้ว่าเธอจะไม่ใช่น้องภรรยาจริงๆของเขาแต่ในฐานะของคนที่ติดบุหรี่เขาก็รู้ว่ามันไม่ใช่สิ่งที่ดี
“พอเถอะซูเล่อ นายกำลังทำตัวเหมือนพี่สาวของฉันนะ” เห็นได้ชัดว่าน้องภรรยาไม่ฟัง
“แล้วผู้หญิงคนนั้นล่ะ” โจวเจ๋อถาม
“เธออยู่บ้านฉันนั่งแท็กซี่ไปส่งเธอแล้วค่อยกลับมาที่นี่อีกครั้ง”
“แล้วเงินของฉันล่ะ”
“ฉันเพิ่งยืมไปเองพี่จะได้คืนแน่นอนอย่าทำตัวเป็นตาแก่ขี้งกไปเลย” น้องภรรยาจุดบุหรี่ขึ้นสูบพร้อมกับพ่นควันออกมาแล้วกล่าวว่า “ไม่ต้องห่วงมันก็แค่เงิน 5000 เอง เดี๋ยววันจันทร์หน้าแม่ให้เงินฉันฉันก็จะคืนพี่แน่นอน”
“เธอเป็นคนที่จะหามาคืนเหรอทำไมไม่ให้เพื่อนของเธอเอามาคืน?” โจวเจ๋อถาม
“ใช่ ไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใคร? เพื่อนของฉันมีพ่อเป็นอัมพาต แม่ของเธอตั้งร้านตั้งแต่เช้าตรู่ ฉันไม่อยากให้เธอทำงานหนัก ในเมื่อฉันมีเงินฉันก็จะคืนให้พี่เอง
ฉันสงสารเธอมาก เธอถูกครูโรงเรียนมัธยมลวนลามชื่อเสียงของเธอเสียหายหมดแล้วฉันจึงทำตัวเป็นพี่สาวที่ต้องคอยดูแลเธอ กลับก่อนนะวันนี้”
น้องภรรยาโบกมือแล้วเดินออกจากร้านหนังสือไป