เสี่ยวเชี่ยนพูดต่อ
“พวกเราลองสมมติว่าซ่งชิงอู๋ชอบอาเหม็ดจริงๆ งั้นก่อนหน้าที่อาเหม็ดเข้าใกล้สุ่ยเซียนทำไมเขาถึงไม่ปรากฏตัว แต่พออาเหม็ดส่งดอกไม้ให้ฉันเขาก็รีบแจ้นมาถึงนี่ทันที มันก็แสดงให้เห็นว่า เขาอนุญาตให้อาเหม็ดเข้าหาผู้หญิงเพราะเรื่องเงิน แต่ไม่อนุญาตให้อาเหม็ดชอบผู้หญิงคนไหนทั้งนั้น ในสายตาของเขาฉันไม่ได้รวยเท่าสุ่ยเซียน การที่อาเหม็ดมาจีบฉัน ซ่งชิงอู๋รู้สึกได้ถึงอันตราย ดังนั้นถึงได้รีบแจ้นพาลูกน้องมาที่นี่ โดยไม่สนภาพลักษณ์ไอคิวสูงคนมีอิทธิพลอะไรทั้งนั้น”
เรื่องหึงหวงฉุดไอคิวของคนให้ต่ำลง ถึงซ่งชิงอู๋จะมีสถานะที่พิเศษ แต่ในเรื่องความรักกลับแสดงออกไม่ต่างจากคนทั่วไป เขาให้คนมาทำร้ายเสี่ยวเชี่ยน มันต่างอะไรกับเมียหลวงส่งคนมาทำร้ายเมียน้อยถึงบ้าน
แต่เสี่ยวเชี่ยนไม่ใช่เมียน้อย ซ่งชิงอู๋เองก็ไม่ใช่เมียหลวง เขาเป็นได้มากสุดก็แค่คนที่แอบรักอาเหม็ด แบบนี้เรื่องนี้ก็จัดการง่าย
อวี๋หมิงหลางจากตอนแรกที่ได้ยินเรื่องนี้แล้วไม่เชื่อเด็ดขาด มาจนถึงตอนนี้ที่เขากำลังคิดหนักหลังจากได้ฟังเสี่ยวเชี่ยนพูดจบ
เขาต้องยอมรับเลยว่า ถึงคำพูดเสี่ยวเชี่ยนจะฟังดูเพ้อเจ้อ แต่ก็เป็นเพียงเหตุผลเดียวที่สอดคล้องกับความเป็นจริง”
เสี่ยวเฉียง ฉันไม่อยากหลอกนาย ถ้าฉันไม่ได้เป็นภรรยาของนาย ไม่ใช่สะใภ้ตระกูลอวี๋ ฉันรู้ว่าตัวเองจะต้องรีบไปให้เจิ้งซวี่ช่วยแน่นอน ใช้วิธีสกปรกทำให้ซ่งชิงอู๋ตายชนิดที่ว่าตายอย่างไร้ร่องรอย เพราะจุดประสงค์ที่เขามาที่นี่มีเพียงอย่างเดียวก็คือ ฆ่าฉัน”
แต่ไหนแต่ไรเสี่ยวเชี่ยนไม่เคยคิดว่าตัวเองเป็นคนดี ถ้ามีคนข่มขู่เธอต้องการเอาชีวิตเธอ เธอย่อมไม่มีทางนิ่งเฉยอยู่ได้
ต่อให้ซ่งชิงอู๋จะมีอิทธิพลมากแค่ไหน จะทำอวดเก่งในประเทศนี้มากเพียงใด อิทธิพลของเจิ้งซวี่ก็เพียงพอที่จะทำเขาหายไปอย่างไร้ร่องรอยได้
“แต่ตอนนี้ฉันทำแบบนั้นไม่ได้ ครั้งแรกที่ฉันอยากใช้วิธีสกปรกเล่นงานหนีเจี้ยนเหรินก็ถูกนายห้ามไว้ จนถึงตอนนี้ฉันกลายเป็นภรรยาของนาย ฉันรู้สถานะของตัวเองดี ถ้าฉันทำแบบนั้นจะสร้างความยุ่งยากให้กับนาย”
อวี๋หมิงหลางเป็นทหาร ครอบครัวของเขารับราชการทหารมาหลายรุ่น หากเธอทำแบบนั้นเกิดวันหนึ่งถูกเปิดโปงขึ้นมา ไม่ว่าแรงจูงใจของเธอจะคืออะไรล้วนสร้างความหายนะให้กับครอบครัวอย่างแน่นอน
อวี๋หมิงหลางรับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงของเสี่ยวเชี่ยน ตอนนี้เธอไม่ใช่ผู้หญิงที่คิดจะเอากล้องไปถ่ายรูปเพื่อแบล็คเมล์ใครอีกแล้ว เธอคิดทุกอย่างรอบคอบก่อนจะลงมือทำ
“ดังนั้นฉันถึงได้ขอให้นายพาฉันไปประชุมด้วย ให้ฉันร่วมมือปฏิบัติการกับนายในฐานะจิตแพทย์”
ทางการทหารไม่เคยมีกรณีแบบนี้มาก่อน อวี๋หมิงหลางเองก็รู้สึกได้ถึงความรุนแรงของเรื่องนี้ แต่เวลานี้เขาเห็นสายตาของเสี่ยวเชี่ยนเต็มไปด้วยความมั่นใจ เขาจึงไม่พูดอะไร แค่ขับรถไปที่หน่วยอย่างเงียบๆ
เสี่ยวเชี่ยนเลือกที่จะเชื่อใจเขา เขาเองก็เลือกที่จะเชื่อใจเธอ
อยู่ด้วยกันมาก็ตั้งหลายปีแล้ว เขารู้จักนิสัยและความสามารถของเสี่ยวเชี่ยน เธอไม่มีทางพูดอะไรที่ตัวเองไม่มั่นใจ
ความเชื่อใจของเขาทำให้เสี่ยวเชี่ยนซึ้งใจ
เธอรู้ว่าเบื้องบนที่อวี๋หมิงหลางจะประชุมด้วยนั้นไม่ใช่คนธรรมดา เขาพาเธอไปด้วย เกิดเธอพูดผิดขึ้นมาหรือทำเรื่องนี้ผิดพลาด อนาคตของเขาก็จะถูกทำลายลงไปด้วย
ท่าทีที่ดีที่สุดของผู้ชายที่มีต่อผู้หญิงคนหนึ่งไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้ว
“เสี่ยวเฉียง ฉันเคยบอกนายไหมว่าฉันเห็นนายเป็นแบบนี้แล้วฉันซึ้งใจมาก โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับหม่าลุ่ย ฉันยิ่งรู้สึกว่าตัวเองมองคนไม่ผิดจริงๆ”
เทียบกันเรื่องอนาคต เธอยิ่งไว้ใจเขามากขึ้น
อวี๋หมิงหลางเบ้ปาก “ทำไมต้องเอาผมไปเทียบกับคนแบบนั้นด้วย”
บรรยากาศที่อึมครึมผ่อนคลายลงเพราะประโยคนี้ของอวี๋หมิงหลาง เสี่ยวเชี่ยนหัวเราะ เขาเองก็หัวเราะ
“นี่ เสี่ยวเฉียง ถ้าเดี๋ยวฉันพูดจาไม่ดีเกิดไปล่วงเกินเบื้องบนของนายเข้าจะทำไง” เสี่ยวเชี่ยนทำหน้าเข้ม พูดเสียงขรึมทำเหมือนตัวเองเป็นเบื้องบนของอวี๋หมิงหลาง
“พันโทอวี๋ กองทัพไม่ใช่ครอบครัวคุณเป็นเจ้าของนะ คิดว่ามาอยู่ที่นี่เล่นๆเหรอ พาภรรยาคุณมาทำไม ในใจคุณยังมีหน้าที่การงานหลงเหลืออยู่อีกหรือเปล่า”
“เรียนผู้บัญชาการ ภรรยาผมก็คือหน้าที่การงานครับ แผนที่เธอเสนอมาถ้าใช้ไม่ได้ผลผมยินดียอมลดตำแหน่งสามขั้นครับผม”
เสี่ยวเชี่ยนรู้สึกอบอุ่นใจ เธอรู้ว่าเขาจริงจัง
“เมียจ๋า เดี๋ยวคุณพูดจาล่วงเกินเบื้องบนไปเลยนะ เอาให้ถึงขั้นผมโดนปลดจากทหารเลย ผมจะได้กลับไปอยู่บ้านให้คุณเลี้ยง เป็นไง”
“ฉันคิดว่านายชอบกองทัพเสียอีก” เสี่ยวเชี่ยนเหล่มองเขา ไม่ใช่หรือไง
“ผมล้อเล่นน่ะ ผมเชื่อว่าเมียผมไม่ทำเล่นๆในช่วงเวลาสำคัญหรอก เห็นแก่ที่ผมไว้ใจคุณ คุณบอกผมได้ไหมว่าไอคิวคุณเท่าไร
“…กำลังพูดเรื่องจริงจังอยู่นะ นายจะถามเรื่องนี้ทำไม”
“ผมก็แค่อยากรู้ บอกผมเถอะ”
“คือว่า คือ เรื่องไอคิวนี่นะ มันก็มีขึ้นมีลง ใช่ โดยเฉพาะแบบทดสอบบางข้อในบ้านเรามันก็ไม่แม่นเท่าไร เหอๆ…พวกเราคุยเรื่องอื่นเถอะ นายไม่คิดจะถามเหรอว่าเดี๋ยวฉันจะอธิบายกับผู้บัญชาการนายยังไง”
เสี่ยวเชี่ยนยิ้มเกร็งๆ แอบเซ็งเบาๆ เพราะไอคิวเธอไม่สูงแบบเขา จะบอกให้รู้ไม่ได้
มิน่าเสี่ยวเหวยทำแบบทดสอบของเด็กแล้วได้คะแนนสูงขนาดนั้น เธอยังแอบคิดว่าได้ยีนเก่งจากเธอ มาดูตอนนี้ ที่แท้ก็ได้ความเก่งมาจากพ่อ เรื่องที่ไอคิวของเสี่ยวเหวยสูงกว่าเธอ ตีให้ตายเสี่ยวเชี่ยนก็ไม่มีทางพูด
“เท่าไรล่ะ บอกหน่อยสิ” อวี๋หมิงหลางยิ้มเจ้าเล่ห์ เขาพอจะเดาได้ตั้งแต่เห็นเสี่ยวเชี่ยนมีท่าทางแปลกๆ จะต้องต่ำกว่าเขาแน่ ไอ๊หยา รู้สึกได้เปรียบขึ้นมาทันที
“บอกกับผีสิ ยิ้มอะไร คิดว่าเก่งนักเหรอ ไอคิวไม่ได้บ่งบอกถึงอีคิวเสียหน่อย ต่อให้นายไอคิวสูงกว่านี้แต่อีคิวต่ำมันก็ไม่ไหว ถ้านายอีคิวสูงกว่านี้ก็คงไม่มานั่งบี้ถามเรื่องไอคิวของฉัน”
เสี่ยวเชี่ยนโมโห
ยังดีที่ไอคิวลูกสาวได้พ่อ อีคิวได้แม่ ไม่อย่างนั้นคงกลายเป็นคนฉลาดที่ไอคิวสูงแต่อีคิวต่ำ เสี่ยวเชี่ยนคงจะเป็นห่วงกลัวว่าลูกสาวจะถูกผู้ชายหลอก
ไม่ใช่ว่าไม่เครียดเรื่องซ่งชิงอู๋ และก็ไม่ใช่ว่าเสี่ยวเชี่ยนไม่เอาเรื่องที่อีกเดี๋ยวต้องพบผู้บัญชาการเก็บมาใส่ใจ แต่เธอรู้ว่าอวี๋หมิงหลางใช้วิธีในแบบของตัวเองทำให้เธอผ่อนคลาย ไม่ว่าผลลัพธ์จะเป็นอย่างไร เขาก็จะยืนเคียงข้างเธอเสมอ
คู่ชีวิตของเธอเป็นอัจฉริยะหนึ่งในแสน เธอกลับมาเกิดใหม่พร้อมกับความได้เปรียบ แค่เรื่องซ่งชิงอู๋ไม่มีทางเป็นอุปสรรคขัดขวางความสุขของเธอ เสี่ยวเชี่ยนหอบความมั่นใจนี้ไปหน่วยใหม่ของอวี๋หมิงหลาง
ระหว่างทางที่รถขับเข้าไป เนื่องจากเสี่ยวเชี่ยนมีเรื่องกังวลในใจจึงไม่ได้สนใจหน่วยเสินเจี้ยนที่เธอยังไม่เคยมามากนัก ไม่ได้สังเกตถึงความแตกต่างจากหน่วยเดิมของอวี๋หมิงหลาง เธอรู้แค่ว่าที่นี่อยู่ใกล้บ้านใหม่มาก
อวี๋หมิงหลางพาเสี่ยวเชี่ยนเดินไปยังห้องทำงาน ระหว่างทางมีคนใส่ชุดทหารมองเธอด้วยสายตาที่อยากรู้อยากเห็น แต่ไม่มีใครถาม เพราะนี่เป็นกฎ