100 – ร่างอวตารของสาวไร้หน้า
จู่ๆโจวเจ๋อก็ลุกขึ้นและตะโกนไปที่ชั้นบนว่า
“คุณทำบ้าอะไร?”
โจวเจ๋อถามถังซือเพราะเขารู้ว่าหญิงสาวคนนี้ไม่มีทางฆ่าตัวตายแน่นอน เธอก็เป็นผู้หญิงที่ไม่สามารถฆ่าตัวตายได้ เพราะว่าเธอรักชีวิตของตัวเองมากกว่าสิ่งอื่นใด?
แต่ตอนนี้เธอใช้มีดแทงเข้าไปที่คอของตัวเองโดยตรง ต่อหน้าต่อตาเขา
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การแสดงออกที่ประหลาดใจของเธอในเวลานี้แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าเธอจะทำอย่างนั้นแต่เธอก็ยังไม่เชื่อสายตาของตัวเอง
ฉันเป็นใคร?
ฉันอยู่ที่ไหน?
พระเจ้า ฉันฆ่าตัวตาย!
มีคำอธิบายเดียวเท่านั้นที่จะบรรยายเหตุการณ์ในครั้งนี้ได้ ก็คือมีใครบางคนบังคับให้เธอฆ่าตัวตาย
บางทีฆาตกรอาจจะกำลังนอนเคี้ยวขนมด้วยความสุขอยู่ในเวลานี้
“เกิดอะไรขึ้น! เกิดอะไรขึ้น!”
นักพรตชราในห้องถัดไปได้ยินโจวเจ๋อตะโกนเขาจึงรีบวิ่งกลับมา เมื่อเห็นเด็กสาวนอนอยู่บนพื้นเขาก็ตกใจมาก
“เป็นอะไรไปจ๊ะสาวน้อย”
นักพรตชรากำลังจะช่วยชีวิตผู้คน
โจวเจ๋อขึ้นไปชั้นบนโดยตรงและเห็นถังซือยังคงนอนอยู่บนเสื่อ
“หมายความว่าไง?”
“ใจเย็นๆ.” ถังซือยิ้ม ร่างกายของเธอยังคงขยับไม่ได้ ตอนนี้เธอทำได้แค่พูดและยิ้ม
“ตอนนี้ คุณปล่อยให้สาวใช้ของคุณมานอนกับฉันได้แล้ว”
“คุณอยากจะฆ่าผมไปด้วยใช่ไหม!” โจวถาม
ถังซือแปลกใจเล็กน้อย “ฉันคิดว่าคุณจะขอบคุณฉันซะอีก?”
“ขอบคุณตูดนี่!”
โจวเจ๋อเตะถ้วยน้ำชาที่อยู่ข้างหน้าเขา และน้ำในถ้วยก็ทะลักไปทั่วพื้น
“ฉันไม่เชื่อว่าคุณไม่เห็น ไม่อย่างนั้นคุณคงพยายามช่วยชีวิตเธอแล้ว! คุณไม่ได้พยายามช่วยเธอแต่ขึ้นมาเอาเรื่องฉันที่นี่ ดังนั้นแสดงให้เห็นว่าคุณไม่ได้สับสน”
ถังซือกล่าวด้วยน้ำเสียงลึกล้ำ
“ผมรู้ดีว่าเธอเป็นใครและผมรู้ด้วยว่าเธอทำงานให้ใคร! คุณรู้หรือเปล่าว่าเจ้านายของเธอไปทำอะไรที่เฉิงตู ถ้าเธอรู้เรื่องนี้เข้า ไม่เพียงแต่คุณจะตายเท่านั้นแต่คุณยังจะลากผมตายไปด้วย
คุณคิดว่าคุณมีความสามารถเหรอ? คุณคิดว่าคุณฉลาดแล้วคนอื่นโง่หมดหรือยังไง? ไม่มีใครรู้ว่าคุณอยู่ที่นี่จนกระทั่งคุณเปิดเผยตัวเองออกมา? “
เมื่อถังซือได้ยินคำพูดของเขาเธอก็รู้สึกอับอายเล็กน้อย
แต่ทันใดนั้นก็มีเสียงตะโกนจากด้านล่างของนักพรตชราดังขึ้นมา
“หนูน้อยเธอกำลังทำอะไร อย่าฉันหายใจไม่ออก!!!”
โจวเจ๋อมองไปที่ถังซือแล้วส่ายหัวเบาๆ
“ผู้หญิงโง่”
จากนั้นโจวเจ๋อก็ลงบันไดไป ภายในร้านหนังสือนักพรตชราถูกเส้นผมสีดำมากมายมัดไว้เหมือนกับขนมจ้างและหญิงสาวที่ล้มลงกับพื้นก็หายตัวไปแล้ว
โจวเจ๋อใช้เล็บสีดำกรีดเส้นผมเพื่อปลดปล่อยชายชราออกมา
“โว้ว! ว้าว!”
ทันทีที่เล็บของเขาสัมผัสกับเส้นผมพวกมันก็ละลายเหมือนกับหมึกสีดำไหลซึมไปทั่วพื้น
“ไม่ได้เจอกันนานดูเหมือนว่าคุณจะแข็งแกร่งขึ้นไม่น้อย?”
เสียงของผู้หญิงดังมาจากรอบๆร้านหนังสือ มันเต็มไปด้วยความเยือกเย็นราวกับมาจากนรก
“ยิ่งคุณแข็งแกร่งขึ้นมันยิ่งทำให้ฉันมีอารมณ์”
สาวไร้หน้ากำลังทำเหมือนคุยกับตัวเอง
ตามจริงแล้วโจวเจ๋อสงสัยอยู่เสมอว่าทำไมสาวไร้หน้าถึงได้เกลียดชังเขามากขนาดนี้ หรือเป็นเพราะว่าเขาทำร้ายเธอในตอนที่อยู่ในสระน้ำของนรก? หรือเธอมีเป้าหมายอื่น?
พฤติกรรมของเธอนั้นมีความกลมกลืนเป็นธรรมชาติจนเขาแทบจะแยกแยะไม่ออก เงื่อนงำของหญิงสาวคนนี้เชื่อมต่อกันเป็นเส้น
เธอปรากฏตัวต่อหน้าเขาด้วยวิธีที่เหมาะสมที่สุดและด้วยเหตุผลที่เหมาะสมที่สุด เกือบจะเชื่อมโยงกับชีวิตและเส้นทางที่ผ่านมาของเขาอย่างราบรื่น
แต่ด้วยสิ่งที่เธอทำนั้นเป็นความสมบูรณ์แบบมากเกินไป มันจึงเป็นเรื่องยากสำหรับโจวเจ๋อที่จะไม่มีความระมัดระวังได้
แน่นอน สิ่งที่สำคัญที่สุดคือโจวเจ๋อไม่คิดว่าหญิงสาวคนนั้นจะกล้าปรากฏตัวขึ้นต่อหน้าเขาอีกแล้ว มันไม่มีทางเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ในครั้งที่แล้วที่พวกเขาพบกัน หญิงสาวคนนี้ได้พยายามยั่วยวนเขาโดยแม้กระทั่งถอดเสื้อผ้าออกทุกชิ้น แต่โจวเจ๋อก็ไม่ได้มีความสนใจในตัวเธอแม้แต่น้อย
ดังนั้นการที่เธอใช้วิธีนี้อีกครั้งมันจึงเป็นเพียงเรื่องโง่ๆ ซึ่งโจวเจ๋อไม่คิดว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะเป็นคนโง่อย่างแน่นอน
“หลังจากที่ฉันออกไปจากที่นี่ รับรองได้ว่าเรื่องที่คุณทำจะต้องไปถึงหูของเจ้านายคุณแน่นอน ”
น้ำเสียงของเธอเต็มไปด้วยความเยาะเย้ยอย่างเห็นได้ชัด มันเหมือนเด็กอนุบาลที่จับผิดเพื่อนและพยายามฟ้องครูให้ได้
ในเวลานี้จู่ๆโจวเจ๋อก็พบว่าน้ำบนพื้นกำลังลอยขึ้นมาและเรียงตัวเองบนกระจกของร้านโดยที่สาวไร้หน้ายังคงไม่รู้ตัว
สักพักน้ำรอบๆตัวเขาก็ถูกยิงไปที่เส้นผมบนพื้นอย่างรุนแรง
สาวไร้หน้ากรีดร้องออกมา ผมของเธอรวบเข้าหากันและพยายามตะเกียกตะกายออกจากประตู
อย่างไรก็ตาม ในเวลานี้หยดน้ำที่ควบแน่นโดยถังซือเป็นเหมือนเส้นเชือกบางๆซึ่งทำให้การเคลื่อนไหวของเส้นผมช้าลงพอสมควร
ในเวลานี้ไป๋อิ่งก็รู้ตัวว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง เมื่อเธอวิ่งมาที่หน้าร้านหนังสือและเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทุกอย่างเธอก็มึนงงอยู่อย่างนั้นโดยไม่เข้าใจว่ามันเกิดขึ้นได้อย่างไร
“อยากหยุดฉันใช่ไหม” สาวไร้หน้าส่งเสียงร้องอย่างดูถูก “งั้นก็ลองหยุดดูสิ!”
“ฮึ่ม!”
ในเวลานี้เส้นผมที่รวมตัวกันก็ระเบิดออกโดยตรง ซักพักร้านหนังสือดูเหมือนจะกลายเป็นร้านตัดผมและมีเส้นผมจำนวนมากวิ่งไปทุกทิศทุกทาง
บางส่วนพยายามเข้าไปในช่องระบายอากาศ บางส่วนพยายามขึ้นชั้นสอง บางส่วนพยายามเข้าห้องน้ำเพื่อลงท่อระบายน้ำ
ขอเพียงมีเส้นผมเส้นไหนที่รอดออกจากร้านนี้ไปได้รับรองว่าเรื่องราวที่โจวเจ๋อช่วยชีวิตถังซือจะต้องไปถึงหูของเด็กหญิงตัวน้อยแน่นอน
เล็บของโจวเจ๋อยังคงโบกไปมาในอากาศ และเส้นผมที่ถูกเขาสัมผัสก็กลายเป็นขี้เถ้าอย่างรวดเร็ว
นักพรตชราสัมผัสเป้าอีกครั้ง เขาหยิบกระดาษยันต์ออกมาสองแผ่นแล้วตบขึ้นไปในอากาศ เส้นผมทั้งหมดที่สัมผัสกับกระดาษยันต์ก็คล้ายกับแมลงวันที่ติดอยู่บนกาวดักแมลงไม่สามารถหนีไปไหนได้
บนชั้นสองถังซือกำลังไออย่างหนัก มีเลือดทะลักออกจากปากของเธอไม่หยุด เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสแต่เธอรู้ดีว่านี่ไม่ใช่เวลามาห่วงตัวเอง
ไป๋อิ่งก็ไม่ได้ชักช้า เธอวิ่งไล่จับเส้นผมที่อยู่ในร้านเหมือนกับนกนางแอ่นพร้อมกับฉีกพวกมันออกจากกัน
โชคดีที่ร้านหนังสือมีขนาดไม่ใหญ่โตเท่าไหร่ดังนั้นหลังจากใช้ความพยายามไปมากมายทุกคนก็สามารถจัดการกับเส้นผมทุกเส้นได้สำเร็จ
ในที่สุดเมื่อทุกอย่างดูเหมือนจะคลี่คลาย สาวไร้หน้าก็เปล่งเสียงคำรามออกมาครั้งสุดท้ายด้วยความไม่เต็มใจ
โจวเจ๋อนั่งลงบนม้านั่งพลาสติกสีหน้าของเขาบิดเบี้ยวอย่างรุนแรง
“น้องชาย ผมรู้สึกเหนื่อยเหลือเกินต้องไปนอนพักผ่อนแล้ว” นักพรตชรานั่งอยู่บนพื้นและหอบหายใจอย่างหนัก
ไป๋อิ่งรินน้ำชาให้โจวเจ๋อ แต่เธอไม่รู้สึกเหนื่อย “เจ้านาย พวกมันถูกจัดการหมดแล้วหรอ?”
โจวเจ๋อพยักหน้าและจิบชาเบาๆ
“ผู้หญิงคนนี้ดูเหมือนจะผูกพันกับคุณมาก” ไป๋อิ่งแลบลิ้นใส่โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อไม่ได้พูดอะไร เพราะในเวลานี้เขากำลังจมอยู่ในความคิดของตัวเอง เด็กหญิงตัวน้อยบอกว่าสาวไร้หน้าจะไปที่เฉิงตู ดังนั้นสาวไร้หน้าที่ปรากฏตัวอยู่ที่นี่ก็น่าจะเป็นเพียงร่างอวตารเท่าของเธอเท่านั้น
ศัตรูตัวฉกาจเช่นนี้ช่างน่าโมโหเสียจริง
ตอนนี้ความคิดเดียวของโจวเจ๋อคือภาวนาให้คนที่อยู่ในเฉิงตูจัดการกับเด็กหญิงตัวน้อยและสาวไร้หน้าให้ได้ และปัญหาทุกอย่างของเขาก็จะจบลง
แม้ว่ามันจะยากแต่ก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีความหวัง
ทันใดนั้นเส้นผมเล็กๆเส้นหนึ่งก็หลุดออกมาจากช่องนิตยสาร แล้วตกลงบนพื้นมันรีบลอยออกไปทางประตูร้านอย่างรวดเร็วโดยที่ไม่มีคนสังเกต
“กลับมาแล้ว!” ประตูกระจกถูกผลักเปิดออกและเส้นผมก็บังเอิญถูกรองเท้าหนังข้างหนึ่งเหยียบไว้กับพื้น
ซูชิงหลางรู้สึกสงสัยจึงก้มหยิบเส้นผมขึ้นมา ในความว่างเปล่า ดูเหมือนว่าจะมีเสียงคำรามด้วยความโกรธเกรี้ยวออกมาเป็นครั้งสุดท้าย!
ซูชิงหลางมึนงงอยู่ครู่หนึ่งเขารู้สึกเหมือนได้ยินใครบางคนกำลังตะโกนด่าเขา แต่เขาไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือเปล่าเขาจึงบี้เส้นผมแล้วเดินเข้าไปในร้านอย่างไม่ใส่ใจ