91 – คุณไม่เหมือนเดิม
“เอาล่ะ ลงบันทึกเรียบร้อยแล้วคุณกลับไปได้”
ตำรวจหนุ่มปิดสมุดบันทึกและยิ้มให้โจวเจ๋อ
โจวเจ๋อพยักหน้า ยืนขึ้นและพร้อมที่จะจากไป
ในเวลานี้ ตำรวจวัยกลางคนซึ่งนั่งถัดจากตำรวจหนุ่มจู่ๆก็ถามขึ้นว่า
“คุณซู ร้านหนังสือของคุณอยู่ที่ไหน ธุรกิจของคุณเป็นอย่างไรบ้าง”
“ไม่เท่าไร.” โจวเจ๋อตอบอย่างตรงไปตรงมา
หลายคนถามเขาเกี่ยวกับคำถามนี้ พวกเขากำลังถามเกี่ยวกับธุรกิจของผู้คนที่มีชีวิต และโจวเจ๋อก็ตอบอย่างเป็นธรรมชาติด้วยธุรกิจของผู้คนที่มีชีวิต
“ทำไมคุณถึงยังเลือกเปิดร้านนี้ที่นั่น?” ตำรวจวัยกลางคนคาดคั้น
“ผมเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้าน พ่อตาของผมมีเงินมากแต่ผมไม่อยากอยู่กับพวกเขาก็เลยออกมาอยู่ข้างนอก”
ตำรวจวัยกลางคนชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้ายกมือขึ้นแล้วพูดว่า
“เชิญกลับได้เลยครับ ถ้ายังมีเรื่องต้องปรึกษา เราจะแจ้งให้คุณทราบ”
“ด้วยความยินดี.”
โจวเจ๋อออกจากห้องสอบสวน
ตำรวจหนุ่มหันปากกาของเขาแล้วพูดว่า “หัวหน้าซุนผู้ชายคนนี้น่าสนใจทีเดียว”
ใช่ มันต้องใช้ความพยายามอย่างมากที่จะบอกว่าตัวเองเป็นลูกเขยแต่งเข้าบ้าน
“ไปดูการสอบสวนที่อื่นเถอะ”
ตำรวจวัยกลางคนยืนขึ้นและมองไปที่ด้านหลังของโจวเจ๋อ เขารู้สึกเสมอว่าชายหนุ่มที่นั่งข้างหน้าเขาให้ความรู้สึกแปลกๆ
ตอนสอบปากคำตำรวจเปรียบเสมือนกับงูเห่า และคนที่ถูกสอบปากคำอยู่ข้างหน้าเป็นเหยื่อ งูเง่าต้องการทำลายการป้องกันของกันอย่างรวดเร็ว แม่นยำ และไร้ความปรานีเพื่อให้ได้มาซึ่งความจริงของเรื่องนี้
แต่ตอนนี้ เขามีภาพลวงตาว่าในสายตาของอีกฝ่าย งูเห่าอย่างพวกเขาถูกจับใส่ไหและคอยเต้นตามดนตรีของหมองูชาวอินเดีย
ชายหนุ่มคนนั้นไม่ได้รู้สึกเดือดร้อนที่ถูกสอบปากคำเลย
…………
“เสร็จแล้ว?”
ซูชิงหลางเพิ่งให้ปากคำเสร็จแล้วจึงออกมา
“โชคไม่ดีจริงๆฉันต้องกลับมาที่สถานีตำรวจอีกครั้งในตอนเย็น
ยิ่งกว่านั้นตำรวจพวกนี้ยังทำให้ฉันโมโห พวกเขาถามถึงเพศสภาพของฉันถึงสามครั้ง เขามีปัญหาทางสมองหรือเปล่า? เขาไม่รู้หรือไงว่าฉันเป็นผู้ชาย? “
โจวเจ๋อเหลือบมองซูชิงหลางและพูดว่า:
“คุณคิดว่าตัวเองเป็นยังไง? การที่พวกเขาจะเข้าใจผิดก็ไม่เห็นจะแปลก?”
โจวเจ๋อและซูชิงหลางเป็นเจ้าของร้านทั้งคู่ นอกจากนี้พวกเขายังเห็นคนตกลงมาจากตึกเต็มๆทั้งสองตา ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นต้องให้ปากคำเป็นลายลักษณ์อักษร
แต่โดยพื้นฐานแล้วไม่มีสิ่งอื่นใด สมาชิกของสมาคมเรื่องสยองขวัญถือเป็นผู้ต้องสงสัยคนสำคัญของตำรวจซึ่งในความเป็นจริงพวกเขาอาจจะเป็นต้นเหตุของปัญหาด้วย
“ว่าแต่ คุณคิดว่าคนคนนั้นกระโดดลงมาเองหรือเปล่า” ซูชิงหลางถามพลางสูบบุหรี่
ในตอนนี้ดวงอาทิตย์กำลังจะขึ้นใกล้จะเป็นเวลาเช้าแล้ว
“ไม่ใช่เรื่องที่เราต้องกังวล ตำรวจจะสอบสวนและสะสางคดีเอง” โจวเจ๋อพูดอย่างใจเย็น
“เฮ้ คุณไม่มีจิตวิญญาณของ เชอร์ล็อก โฮม เลยหรือ
ไม่มีความสงสัยเลยสักนิดหรือไง”
ตามธรรมดาของคนแล้วเมื่อเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นก็ยากที่จะควบคุมตัวเองไม่ให้สอดรู้สอดเห็นได้
“ผมไม่สนใจคน”
“ถ้าเป็นผีล่ะ” ซูชิงหลางกล่าวประชดประชัน
“ใช่” โจวเจ๋อหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาและเรียกแท็กซี่ ในเวลาเดียวกัน เขาพูดว่า
“คุณจำได้ไหมว่าผู้หญิงที่ตายใส่กระโปรงสีอะไรตอนกระโดดจากตึก”
“สีขาว”
“และหลังจากนั้น?”
“แดง” ซูชิงหลางยักไหล่ “มันดูเหมือนว่ามันถูกย้อมด้วยเลือด”
“ตอนแรกที่เธอเข้าไปสวมสีขาวอยู่ชัดๆแต่ตอนที่ตกลงมาทำไมเป็นกระโปรงแดงไปได้” โจวเตือน
ซูชิงหลางพยักหน้าอย่างเงียบๆจากนั้นก็เอื้อมมือไปแตะปลายจมูกแล้วพูดว่า “คุณหมายถึง ความลับเบื้องหลังเรื่องนี้คืออะไร ไม่ใช่แค่อุบัติเหตุหรือ?”
“ผมไม่รู้ ผีที่ผมพบก่อนหน้านี้เขาทำให้ผมป่วยได้ ดังนั้นการที่ผีจะทำให้คนกระโดดตึกลงมาก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แล้วผีตัวนั้นจะทำให้ผมได้รางวัลใหญเลยทีเดียว”
ผีแบบนี้ เพียงตัวเดียวก็คุ้มค่ากับการทำงานไปนับ 10 วันแล้ว?
“นั่นซับซ้อนเกินไปน่าเสียดายที่ฉันลืมแจ้งเรื่องนี้กับตำรวจว่าตอนที่เธอเข้าไปเธอสวมกระโปรงขาว” ซูชิงหลางปรบมือของเขาแล้วพูดว่า “บางทีมันอาจเป็นประเด็นสำคัญในการคลี่คลายคดี ตามปกติแล้วคงไม่มีใครไปเปลี่ยนเสื้อผ้าในสถานที่แบบนั้น…”
“คุณถูกอกาธา คริสตี้ หรือ โคนัน ดอยล์ เข้าสิงอยู่หรือเปล่า?” โจวเจ๋อถาม
“ไม่” ซูชิงหลางมองไปที่โจวเจ๋ออย่างขมขื่น “เหล่าโจวทำไมช่วงนี้คุณน่าเบื่อจังเลย พวกเราควรร่วมมือกันสืบคดีนี้หรือเปล่า”
“ไม่มีอารมณ์ ไปนอนก่อนดีกว่า”
“ก็ได้”
ร้านหนังสือไม่ได้ถูกปิดกั้นแต่มีแนวป้องกันมากมายรอบๆร้านหนังสือและตำรวจจำนวนมากก็ตระเวนหาเบาะแส
ด้วยวิธีนี้ ร้านหนังสือที่เดิมไม่มีใครเข้ามาอยู่แล้วก็ยิ่งเงียบลงไปอีก
โจวเจ๋อขอให้ไป๋อิ่งซื้อชุดปากกาผี โดยค้นหาผู้ขายใน Taobao โดยตรง จากนั้นให้ไป๋อิ่งนั่งแท็กซี่ไปรับสินค้าที่นั่น
เมื่อได้ของตามที่ต้องการมาแล้วพวกเขาก็วางไว้บนโต๊ะ
ซูชิงหลางนั่งยองๆข้างๆเฝ้าดูโจวเจ๋อที่กำลังเตรียมการทุกอย่างโดยไม่ได้ลงมือช่วยเหลืออะไร
“อันที่จริงฉันมีวิธีเรียกวิญญาณสองสามวิธีซึ่งได้ผลมากกว่าวิธีนี้”
โจวเจ๋อส่ายหัวและพูดว่า “มันไม่เหมือนกัน”
“ความแตกต่างคืออะไร?”
“เมื่อคืนผมรู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างมาที่ร้าน” โจวเจ๋อมองไปที่ซูชิงหลาง “คุณรู้สึกไหม”
“ขอทบทวนดูก่อน”
ในความคิดของซูชิงหลางเขานึกถึงภาพของคนเหล่านั้นที่เล่นผีปากกา ก่อนที่ปากกาจะชี้มาที่โจวเจ๋อ
“มันเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า บางทีคนในกลุ่มนั้นอาจจะพยายามชี้ไปที่โรงหนังซึ่งอยู่ข้างหลังคุณก็ได้”
“วิเคราะห์ได้ดี” โจวเจ๋อชี้นิ้วออกไป จากนั้นใช้เล็บนิ้วมือสีดำของเขาเคาะที่พื้นกระเบื้องพร้อมกับพูดว่า
“นี่ก็เป็นความบังเอิญด้วยหรือเปล่า?”
ซูชิงหลางเบิกตากว้างทันทีเวลานี้หลังจากที่ถูกนิ้วของโจวเจ๋อเคาะ ก็มีรอยบุบบนพื้นกระเบื้องเซรามิกที่คล้ายกับรอยลากของปากกายาวประมาณครึ่งเมตร
โจวเจ๋อหยิบปากกาออกมาวางไว้บนโต๊ะก่อนที่ปากกาจะหมุนวนไปรอบๆและชี้ไปยังทิศทางหนึ่ง
มันคือทิศทางที่ผู้หญิงคนที่ตายเมื่อคืนนั่งอยู่
โจวเจ๋อเก็บปากกาเข้าไปและมองไปที่ซูชิงหลาง
ซูชิงหลางกล่าวอย่างเหลือเชื่อว่า “ถ้าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้นจริงๆแล้วทำไมพวกเราถึงไม่รู้”
“บางทีเธออาจจะถูกควบคุมตั้งแต่ก่อนที่จะเข้ามาในร้านของเราก็ได้ “
“ฉันไม่รู้ว่ามันเป็นตัวอะไรแต่คิดว่าคงไม่ใช่ระดับธรรมดาแน่นอน ” ซูชิงหลางมีใบหน้าซีดขาว
โจวเจ๋อค่อยๆกางกระดาษออกอีกครั้ง แล้วหยิบปากกาขึ้นมาพร้อมกับพูดว่า
“คุณได้เตือนพวกเขาหรือเปล่าเรื่องที่การเล่นผีปากกาจะไม่สามารถหยุดลงกลางคัน?”
โจวเจ๋อรู้ดีว่าการกระทำเรื่องพวกนี้ต้องมีความเข้มงวด เขาแตกต่างจากคนในสมาคมคนรักเรื่องสยองขวัญเมื่อคืนนี้
“ไม่ แต่ที่ฉันอยากรู้คือ คุณสังเกตเห็นอะไรผิดปกติหรือเปล่าเมื่อตอนที่คุณนั่งดูละครเมื่อคืนนี้” ซูชิงหลางชี้ไปที่โจวเจ๋อและถาม
โจวเจ๋อพยักหน้า
“แม้ว่าผมจะไม่รู้สึกถึงคลื่นพิเศษใดๆหรือเห็นอะไรก็ตามที่ผมไม่ควรเห็น แต่เมื่อปากกาชี้มาทางผมมันทำให้ผมรู้สึกไม่ดีอยู่บ้างคล้ายกับถูกใครแอบมอง”
“แล้วทำไมไม่บอกพวกเขาล่วงหน้า!”
ซูชิงหลางคว้าคอเสื้อของโจวเจ๋อโดยตรง
“ผีธรรมดาจะทำให้คุณรู้สึกไม่ดีได้ยังไง! ทำไมคุณไม่หยุดและเตือนพวกเขาเมื่อพวกเขากำลังจะขึ้นไปที่ตึกนั้น คุณปล่อยให้พวกเขาเข้าไปในอาคารหลังนั้นทั้งที่มีผีที่อันตรายติดตามพวกเขาไป!”
โจวเจ๋อเอื้อมมือออกไปผลักซูชิงหลางเบาๆแล้วพูดว่า
“มันไม่เกี่ยวข้องอะไรกับผม?”
ใช่,
ซูชิงหลางถอยหลังไปสองก้าว ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆอยู่ตรงหน้านี้
“พวกเขาเป็นลูกค้าในร้านของผม ตามปกติแล้วผมควรจะปกป้องความปลอดภัยของพวกเขา แต่ในเมื่อพวกเขาออกจากร้านของผมไปแล้วความรับผิดชอบของผมก็จบลงด้วย “
“คุณไม่เหมือนเดิม” ซูชิงหลางพึมพำ
“สิ่งที่เราต้องทำตอนนี้ไม่ใช่การคร่ำครวญถึงอดีต หรือคร่ำครวญถึงสิ่งที่ผิด แต่เพื่อค้นหาสิ่งที่ซ่อนอยู่และส่งไปยังนรกให้ได้”
“ฉันไม่รู้ว่าเมื่อไหร่ที่คุณเริ่มหลงใหลเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้”
“มันคืองาน มันคือเป้าหมายในชีวิตของผม?”
“คุณ…” ซูชิงหลางเลียริมฝีปาก “ตกลงคุณอยากจะทำอะไรก็ทำไป ฉันจะไม่ช่วยแน่นอน”
ซูชิงหลางโบกมือและเดินออกจากร้านหนังสือ
ในเวลานี้ไป๋อิ่งออกมาพร้อมกับกาน้ำชาในมือแล้วพูดว่า “เจ้านาย คุณทะเลาะกับซูเม่ยเหรอ”
โจวเจ๋อไม่ตอบ แต่นั่งลงอย่างเงียบๆและมองดูร่องที่อยู่บนพื้น
“เจ้านายฉันไปเล่นเกมก่อนนะ” ไป๋อิ่งวางชาไว้ข้างโจวเจ๋อก่อนจะวิ่งไปที่ร้านของซูชิงหลาง
เธอไม่ได้สังเกตว่าโจวเจ๋อนั่งยองๆอยู่บนพื้นและมองร่องที่อยู่บนพื้นด้วยสีหน้าเจ็บปวด พร้อมกับใช้มือกุมหน้าอกไว้
ให้ตายสิ เราต้องรีบหาเจ้าตัวนั้นให้เร็วที่สุดไม่งั้นจะมีคนตายอีกคนเร็วๆนี้
มันเจ็บขนาดนี้ได้ยังไง!