95 – ผ่าตัด
“เฮ้โจวเจ๋อ คุณเปลี่ยนไปแล้ว คุณยังเป็นคนอยู่หรือเปล่า คุณเป็นคนบอกว่าเธอฆ่าสองคนนั้น ตอนนี้เป็นคุณเองที่อยากจะช่วยเธอ! ตอนนี้ยังพาตัวฆาตกรกลับมาที่บ้านอีกด้วย!”
เมื่อกลับมาถึงร้านหนังสือซูชิงหลางชี้ไปที่หลังของโจวเจ๋อโดยตรงและพึมพำไม่หยุด
ไม่สิ ระหว่างทางลงจากอาคารปากของซูชิงหลางก็ไม่เคยปิดสนิทเลย ท่าทางของเขาดูเหมือนแม่บ้านที่กำลังตะโกนด่าสามีไม่เอาไหนซึ่งไม่กลับบ้านมาหลายวัน
ไป๋อิ่งกำลังนั่งเล่นโทรศัพท์มือถืออยู่ที่ด้านหลังเคาน์เตอร์ เมื่อเห็นท่าทางอารมณ์เสียของเขาแล้วเธอจึงรู้สึกหวาดกลัวที่จะเปิดคอมพิวเตอร์ของเขาเพื่อเล่นเกม
ดังนั้นจึงได้แต่มาเล่นโทรศัพท์มือถือที่ร้านของตัวเอง
โจวเจ๋อไม่ได้ตั้งใจจะสนใจซูชิงหลางในตอนแรก แต่ซูชิงหลางดูเหมือนจะเสพติดการด่าไปแล้ว โจวเจ๋อหันกลับมาพร้อมกับชี้นิ้วไปที่จมูกของอีกฝ่ายแล้วพูดว่า
“ผมช่วยเธอไม่ใช่เพราะผมรู้จักกับเธอแต่ผมรู้จักเพื่อนของเธอซึ่งคือคนที่เคยช่วยชีวิตผม ดังนั้นผมเป็นหนี้เขา”
“สองคนที่เสียชีวิต…”
“ผมรู้จักสองคนที่เสียชีวิตหรือเปล่า พวกเขาเกี่ยวข้องอะไรกับผม? ผมไม่ใช่โจนออฟอาร์ค?ผมก็แค่ผู้ชายโชคร้ายคนหนึ่งซึ่งถูกคนปัญญาอ่อนจ้างฆ่า แล้วจากนั้นผมก็ยึดร่างของเจ้าคนปัญญาอ่อนนี้
ผมไม่ใช่มนุษย์ ผมเป็นแค่ผี ดังนั้นอย่าเอาค่านิยมของคุณมายัดเยียดให้ผมอีก! คุณต้องการให้ผมทำอะไร? คุณถูกปากกาแทงคอไปนิดเดียวคุณก็โยนความผิดมาที่ผม
“คุณ…” ซูชิงหลางเถียงไม่ออก
“คุณอะไร? คุณละเมิดกฎและปล่อยให้วิญญาณพ่อแม่ของคุณเพลิดเพลินไปกับบรรยากาศของการรวมตัวของครอบครัว
เมื่อคุณทำสิ่งนี้ ทำไมคุณไม่คิดว่าทุกคนในโลกนี้เขาไม่ทำสิ่งนี้กัน ผมไม่สนใจว่าเธอจะเป็นคนฆ่าคนพวกนั้นหรือไม่ เพียงแค่บอกว่าเป็นเพื่อนของคนที่เฉิงตูก็เพียงพอที่จะทำให้ผมลืมตาข้างหนึ่งและปิดตาข้างหนึ่งได้!
ผมไม่สนหรอกว่าเธอจะเป็นฆาตกรหรือไม่ เธอสัญญาว่าจะตามหาหัวใจของผมคืนมา ผมจึงรักษาอาการบาดเจ็บให้เธอนี่มันเป็นการแลกเปลี่ยนที่เท่าเทียม!”
เมื่อโจวเจ๋อพูดคำเหล่านี้จบเขาก็ถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอก
พูดตามตรง เมื่อเร็วๆนี้เขาอารมณ์เสียมากโดยเฉพาะหลังจากที่ต่อสู้กับลิงตัวนั้น เขาไม่ควรเข้าไปยุ่งตั้งแต่แรก เขาควรแกล้งทำเป็นมองไม่เห็นอะไร
ไป๋อิ่งนั่งดูเป็นเวลานาน แต่ไม่กล้าเข้าไปยุ่ง
ซูชิงหลางเอื้อมมือไปหาโจวเจ๋อและกล่าวว่า
“ไม่มีความเศร้าโศกไหนเกินกว่าความตาย ขอโทษด้วยที่ทำให้คุณโมโห เที่ยงอยากกินอะไร?”
“มะเขือเทศกับเนื้อ และน้ำสตรอเบอรี่ ขอบคุณ” โจวเจ๋อตอบโดยไม่ลังเล
“ดี”
ซูชิงหลางเดินออกไปที่ร้านของตัวเองเพื่อทำอาหาร
ไป๋อิ่งแลบลิ้นออกมาและใช้มือบีบจมูกของตัวเอง
โจวเจ๋อมองมาที่เธอ
“ถ้าจะบอกว่าได้กลิ่นอะไรเปรี้ยวๆก็คือห้องน้ำอุดตันอีกแล้ว ไปล้างห้องน้ำสามรอบเดี๋ยวนี้เลย”
ไป๋อิ่งสั่นศีรษะทันที “ไม่มีทาง”
ทันใดนั้น รถตู้ก็จอดที่ประตูร้านหนังสือ
“ไปรับของสิ”
ภายใต้คำสั่งของโจวเจ๋อ ไป๋อิ่งก็ออกไปข้างนอกและนำกล่องกลับมาสองกล่อง รถตู้วางของลงแล้วจากไป
“อะไรอยู่ในนั้น?” ไป๋อิ่งถาม
“เครื่องมือผ่าตัด” โจวเจ๋อเปิดกล่องหนึ่งและหยิบถุงมือออกมาใส่
“เจ้านาย คุณไปได้มันมาได้ยังไง”
“ฉันเป็นหมอในชีวิตที่แล้ว”
“แล้วไงต่อ?”
“แน่นอน ฉันรู้จักผู้อำนวยการที่ลักลอบนำเข้าเครื่องมือแพทย์และเอาเงินส่วนเกินใส่กระเป๋าของตัวเอง ผมโทรหาเขาให้ส่งเครื่องมือแพทย์พวกนั้นมาให้ผมด้วยไม่งั้นเรื่องของเขาจะถูกเปิดโปง”
“อย่างนี้นี่เอง?” ไป๋อิ่งมึนงงอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินเข้าไปในร้าน
“ย้ายของขึ้นไปข้างบน” หลังจากโจวเจ๋อพูดจบ เขาก็ขึ้นไปชั้นบนก่อน
บนเสื่อฟางที่ชั้นสอง ผู้หญิงคนนั้นนอนอยู่ตรงนั้นและนักพรตชราก็นั่งยองๆอยู่ข้างเธอ
เมื่อโจวเจ๋อมาถึงนักพรตชราก็กังวลเล็กน้อย:
“น้องชายคุณไม่มีห้องที่ดีกว่านี้หรือ”
“ถ้าคุณอยากได้คุณก็ไปที่โรงพยาบาลแล้วสู้กับไอ้พวกนั้นอีก”
นักพรตชราไม่กล้าถามอีกต่อไป
ไป๋อิ่งหยิบกล่องขึ้นมาทีละกล่องด้วยท่าทางสบายๆ บางครั้งโจวเจ๋อก็รู้สึกว่าเขาหลงทาง ถ้าเขาไม่ได้เปิดร้านหนังสือแต่เป็นทำงานก่อสร้าง เขาจะได้รับเงินมากมายจากไป๋อิ่งอย่างแน่นอน
เธอสามารถช่วยงานทุกอย่างได้ไล่ไปตั้งแต่ขุดดินจนถึงแบกปูนเลยทีเดียว
หลังจากที่ทุกอย่างพร้อมและเครื่องมือได้รับการฆ่าเชื้อแล้วโจวเจ๋อก็เริ่มเตรียมการสำหรับการผ่าตัด
“น้องชายคุณไม่มียาสลบเหรอ?” นักพรตชราเอ่ยปากออกมาอีกครั้ง
“เธอไม่ต้องดมยาสลบ จิตใจและความมุ่งมั่นของเธอมีพอ”
โจวเจ๋อส่ายหัวและเริ่มทำความสะอาดบาดแผลที่ผู้หญิงคนนั้นใช้หญ้ามัดไว้
บาดแผลเหล่านี้รักษาได้ไม่ดีนักแต่โชคดีที่มันไม่มีเลือดออกอีกแล้ว
“โชคดีจริงๆสุดท้ายเราก็รอด” ชายชราพึมพำอยู่ข้างๆ
โจวเจ๋อเปิดบาดแผลที่แขนซ้ายของอีกข้างหนึ่ง จากนั้นใช้คีมคู่หนึ่งเล่นกับมัน ผู้หญิงคนนั้นไม่มีอาการตอบสนอง ดูเหมือนเธอจะหลับสนิท
จากนั้นโจวเจ๋อก็หยิบขนนกสีดำออกจากแผลด้วยคีมแล้วโยนลงบนแผ่นโลหะที่ไป๋อิ่งถืออยู่
“กุ๊กกิ๊ก…”
ขนนุ่มมาก แต่พอตกก็ส่งเสียงคมชัด
“ฉันจำได้ว่าขนนกนั้นน่าจะมาจากไม้ปัดฝุ่นขนนกสีดำ ผู้ชายที่มีหน้าขาวและสวมชุดดำไล่ตามพวกเรามาด้วย”
“ยมทูตสีดำ?” โจวเจ๋อถาม
“ไม่รู้สิ ก็ประมาณนั้นแหละ”
โจวเจ๋อยังคงทำความสะอาดบาดแผลอย่างต่อเนื่อง
ผู้หญิงคนนี้ไม่รู้ว่ามีของแปลกๆฝังอยู่ในร่างกายของเธอมากแค่ไหน
ในเวลาต่อมา โจวเจ๋อหยิบกระดาษยันต์แผ่นหนึ่งออกมาจากบาดแผลของเธอ ยันต์แผ่นนี้ถูกเขียนด้วยอักขระโบราณ ในตอนที่ดึงขึ้นมามันมีของเหลวสีเงินหยดลงมาด้วย
อีกด้านหนึ่งไป๋อิ่งและนักพรตชราเริ่มตาพร่า
ในกระบวนการกำจัดสิ่งแปลกปลอม ถึงแม้ว่าสิ่งที่เหลืออยู่ภายในบาดแผลจะถูกล้างออกไปทีละตัว แต่สำหรับร่างกายนี้ไม่รู้ว่าจะทนได้หรือไม่ ดังนั้นโจวเจ๋อจึงให้ความสนใจกับสถานการณ์ของเธอไปด้วย
ในที่สุดเมื่อโจวเจ๋อหยิบกระจกแตกสีแดงสองชิ้นออกจากแผลที่หน้าท้องของผู้หญิงคนนั้น เขาก็พบว่ามีหมอกสีดำจางๆลอยขึ้นเหนือหน้าอกของหญิงสาว
มีเพียงโจวเจ๋อเท่านั้นที่สามารถมองเห็นฉากนี้ได้
นี่แสดงให้เห็นว่าร่างกายนี้พังยับเยินแล้วดังนั้นวิญญาณของเธอจึงต้องการที่จะออกไปหาร่างใหม่ จากมุมมองทางวิทยาศาสตร์หมายความว่าผู้ป่วยกำลังจะเสียชีวิต
เล็บที่มือขวาของโจวเจ๋องอกออกมา จากนั้นเขาจับเงาสีดำโดยตรงแล้วกดกลับเข้าไปในร่างกายของเธอ
“คร่อก…”
มีการดิ้นรนอยู่ชั่วขณะ
“คุณต้องอดกลั้นและอยู่ในร่างนี้ต่อไป ตอนนี้กระบวนการรักษาใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วหลังจากนี้ร่างกายของคุณจะค่อยๆฟื้นฟูอย่างช้าๆ”
นี่เป็นการผ่าตัดที่พิเศษที่สุดที่โจวเจ๋อทำตั้งแต่เริ่มเป็นหมอ ไม่ต้องพูดถึงความซับซ้อนของอาการบาดเจ็บของผู้ป่วย แม้กระทั่งการใส่วิญญาณของคนไข้กลับเข้าไปในร่างเขาก็ยังได้ทำมันด้วย ถ้ามีใครรู้ความจริงเรื่องนี้มันจะทำให้วงการแพทย์สั่นสะเทือนเลยทีเดียว
แน่นอนที่สามารถทำเช่นนี้ก็เพราะโจวเจ๋อรู้ว่าวิญญาณของผู้หญิงคนนี้แข็งแกร่ง หากเป็นวิญญาณของคนธรรมดามันคงหลุดรอดออกมาจากร่างของเธอแล้ว
จากมุมมองนี้ ความดื้อรั้นของผู้หญิงคนนี้ช่างน่ากลัวจริงๆ
โจวเจ๋อเริ่มอยากรู้อยากเห็น แม้แต่ผู้หญิงที่อยู่รอบตัวของเขาก็ยังแข็งแกร่งไม่ธรรมดา คนที่สร้างคลื่นลมอยู่ในเฉิงตูจะเป็นคนยังไงกันแน่?
หลังจากทำแผลสุดท้ายและใช้ยาเสร็จแล้ว โจวก็ถอนหายใจยาว
การรักษาเสร็จแล้วสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือพลังจิตใจของเธอเองว่าจะมีความเข้มแข็งมากแค่ไหน
อันที่จริง ถ้าชายชราที่เอาหัวใจของเขาไปยังอยู่ที่นี่ คงจะเป็นการดีที่สุดหากจะขอยารักษาบาดแผลของเขาสักหน่อย แผลที่หน้าอกของโจวเจ๋อหายดีแล้วแม้แต่รอยแผลเป็นก็ไม่มีสักเส้น
แน่นอนว่าบางครั้งโจวเจ๋อก็คิดว่าอีกฝ่ายได้เอาหัวใจของเขาออกไปจริงๆหรือเปล่า?
หรือในความเป็นจริงเหตุการณ์ในตอนนั้นมันเป็นเพียงมโนจิตที่เขาคิดขึ้นมาเอาเองเท่านั้น?