103 – พิธีแต่งงานของคนตาย
โจวเจ๋อไปที่ประตูเหล็กอีกครั้ง
เขาต้องเข้าไป ฝ่ายตรงข้ามเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุและเขายังมอบนามบัตรให้กับโจวเจ๋อ ดูเหมือนว่าเฉินเจ๋อเซิ่งจะต้องการส่งข้อความบางอย่าง
แต่จะเปิดประตูนี้ได้อย่างไร?
หลังจากเคาะประตูอย่างแรงสองสามทีก็ยังไม่มีการเคลื่อนไหวและไม่มีการตอบสนองจากภายใน
เมื่อกี้พนักงานหญิงบอกว่าเจ้านายคนปัจจุบันเพิ่งเข้าไป ซึ่งเห็นได้ชัดว่ามีบางอย่างผิดปกติ แน่นอนว่าโจวเจ๋อไม่สนใจว่าเจ้านายคนปัจจุบันจะเกิดอุบัติเหตุหรือไม่ เขาไม่ได้ใจดีขนาดนั้น
เมื่อโจวเจ๋อกำลังจะหาเครื่องมือที่จะแงะประตู
โจวเจ๋อก็พบว่าประตูเปิดอยู่และมีชายหนุ่มคนหนึ่งยืนอยู่ข้างใน เขาสวมสูทสีดำและผูกริบบิ้นสีขาวที่หน้าอกของเขา
“ต้องการให้ช่วยอะไรเหรอครับ?” ชายหนุ่มถาม
คนๆนี้ไม่ใช่คนที่เพิ่งส่งนามบัตรให้กับโจวเจ๋อ เขาควรจะเป็นน้องชายของเฉินเจ๋อเซิ่งเถ้าแก่คนปัจจุบันของร้าน
“ผมมีเรื่องจะพบพี่ชายคุณ”
โจวเจ๋อพูด และเขาก็ตัดสินใจว่าไม่ว่าจะอย่างไรเขาต้องค้นหาความจริงจากเฉินเจ๋อเซิงให้ได้
“อือ เข้าไปเถอะ”
ชายคนนี้ดูเหมือนจะไม่ได้สงสัยอะไรและโบกมือให้โจวเจ๋อโดยตรง
โจวเจ๋อมองลึกเข้าไปในดวงตาของชายคนนั้นและเดินลงไปที่ชั้นใต้ดิน
เตียงเหล็กสองเตียงยังอยู่ที่เดิมและช่องแช่แข็งก็อยู่ที่นั่น
“ร่างของพี่ชายคุณอยู่ที่ไหน” โจวเจ๋อถาม
“งานศพของพี่ชายผมถูกจัดขึ้นเมื่อวานนี้ คุณเป็นเพื่อนของพี่ชายผมเหรอ?”
“ถูกต้องครับ” โจวเจ๋อพูดอย่างมีมารยาท
“ศพพี่ชายผมถูกเผาเมื่อวานนี้”
โจวเจ๋อพยักหน้าแล้วหันหลังเดินจากไป
ชายในชุดสูทมองที่แผ่นหลังของโจวเจ๋อและดวงตาของเขาเผยให้ถึงความแปลกใจเล็กน้อย
…………
ลมเย็นพัดโชยมาอ่อนๆดอกไม้โบกสะบัดอย่างแผ่วเบารอบๆบริเวณบ้านพักสร้างบรรยากาศที่เยือกเย็น
คนงานหยุดงานกันหมด ที่นี่ไม่มีที่พักแม้ว่าจะใหญ่และกว้างขวางก็ตาม แน่นอนไม่มีคนงานคนไหนที่คิดจะอาศัยอยู่ที่นี่
ชายในชุดดำวางจานบนโต๊ะกลมในห้องโถง มันเย็นไปหมด ไม่มีความร้อน จากนั้นเขาก็เทเหล้าหมักลงในแก้วบนโต๊ะ มันเป็นเหล้าหมักจากข้าวเหลืองเก่า
จากนั้นเขาก็ไปที่บันไดแล้วตะโกนว่า
“อาหารเย็นพร้อมแล้ว”
ผู้หญิงสามคนตั้งแต่เด็กสาวจนถึงหญิงชราก็เดินลงมาข้างล่าง พวกเขามีสีหน้าเย็นชาและนั่งลงที่เก้าอี้คนละตัว
บาทหลวงคนนั้นไม่ได้ออกไปไหนเขายังยืนอยู่ข้างโต๊ะ
ชายในชุดสูทไปที่ห้องใต้ดินอีกครั้ง และผลักรถเปลหามออกมา รถถูกคลุมด้วยผ้าขาว จากนั้นคันที่สอง ที่สาม และที่สี่ก็ถูกเข็นออกมาติดๆ
ห้องโถงเริ่มเต็มไปด้วยกลิ่นของฟอร์มาลีน
หญิงชราเริ่มไอ
หญิงวัยกลางคนไม่มีความสุข
หญิงสาวปิดจมูกและโบกมือ
“ทำไมคนเยอะจัง” คุณนายหลิวถามอย่างไม่พอใจ
“เนื่องจากพวกเราตกลงที่จะแต่งงานให้พวกเขาหลังจากที่เข้าสู่โลกแห่งความตาย ดังนั้นจึงจำเป็นต้องให้พ่อแม่ของผมเข้าร่วมงานด้วย”
“ครอบครัวคุณนี่ผิดปกติจริงๆ” หญิงชราพึมพำ “ไม่น่าแปลกใจเลยที่พี่ชายของคุณจะชวนหลานสาวของฉันให้กระโดดไปกับเขา”
“ไม่ใช่ความผิดของพี่ชายผม พี่ชายของผมดูแลธุรกิจครอบครัวมาตลอด เขาต้องไม่ยอมตายอย่างแน่นอนแต่มันเป็นเพราะหลานสาวของคุณที่ชวนพี่ชายของผมกระโดดลงไป พี่สะใภ้ต้องได้รับอิทธิพลจากครอบครัวคุณจนทำให้เธอมีความคิดที่จะพาพี่ชายของผมกระโดดตึก”
“ฮึ่ม”
หญิงชราขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงเรื่องนี้และบอกว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็รีบไปเถอะ ฉันง่วงแล้ว”
“ดี.”
ชายในชุดสูทยกผ้าขาวออกจากรถเปลหามเผยให้เห็นร่างของคุณหลิว
เขาอุ้มคุณหลิวขึ้นมาและวางเธอบนเก้าอี้
จากนั้นชายในชุดสูทก็เปิดผ้าขาวของพี่ชายของเขาออก เขาอุ้มพี่ชายของเขาขึ้นมานั่งข้างๆคุณหลิว
อย่างไรก็ตามท่านั่งของพี่ชายของเขาดูเหมือนจะได้รับการดูแลอย่างดีและไม่จำเป็นต้องผูกมัด
ชายในชุดสูทรู้สึกตกใจเล็กน้อยแต่เขาไม่ได้เอาจริงเอาจังกับมันมากนัก
“ทำไมเด็กพวกนี้ถึงดูมีความสุข”
หญิงชราร้องไห้ออกมา เหตุการณ์ที่อยู่ตรงหน้านี้ค่อนข้างน่าประหลาดใจ
ผู้หญิงทั้งสามคนของตระกูลหลิวกอดกันร้องไห้
คู่แต่งงานใหม่ยังคงนั่งอยู่ตรงนั้นโดยไม่ได้ขยับเขยื้อนแม้แต่เปลือกตาก็ยังปิดไว้
ชายในชุดสูทผูกดอกไม้สีแดงไว้ที่หน้าอกของพี่ชายและพี่สะใภ้ตามลำดับ เขาต้องการทำให้ทั้งคู่ดูรื่นเริงและสดใสมากให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ในงานแต่งงานของพวกเขา
“ให้พวกเขาหลับตาอยู่อย่างนั้นดีกว่า ”
คุณนายบหลิวเห็นว่าชายในชุดสูทกำลังจะใช้เทปเพื่อเปิดเปลือกตาของพวกเขาทั้งคู่ เธอเลยจำเป็นต้องจะส่งเสียงห้ามปรามออกมา
เธอเอาชนะอุปสรรคทางจิตใจมากมายก่อนที่จะอนุญาตให้เขานำศพของลูกสาวเธอมาทำพิธีแต่งงาน ตอนนี้เธอต้องนั่งอยู่บนโต๊ะเดียวกันกับศพสองศพ ยิ่งกว่านั้นหากว่าศพถูกทำให้ลืมตาขึ้นอีกครั้งเธออาจจะทนไม่ได้จริงๆ
ชายในชุดสูทชะงักไปครู่หนึ่ง แต่ก็พยักหน้า
จากนั้นเขาก็เดินไปที่แปลหามอีกอันแล้วกล่าวเบาๆว่า “แม่ครับ พี่ชายกำลังจะแต่งงานแล้วแม่มาดูสิครับ”
ชายในชุดสูทเปิดผ้าขาวซึ่งเผยให้เห็นร่างของหญิงวัยกลางคน
เธอสวมชุดกี่เพ้าผ้าไหมที่ดูราคาแพง แต่เธอน่าจะตายไปหลายปีแล้ว แม้แต่มาตรการป้องกันการกัดกร่อนที่ดีที่สุดก็ไม่สามารถฟื้นฟูภาพลักษณ์ของเธอได้อย่างสมบูรณ์
ในเวลานี้ผิวหนังของเธอกลายเป็นสีเขียวไปแล้ว
ชายในชุดสูทวางแม่ของเขาลงบนเก้าอี้และปล่อยให้เธออยู่ถัดจากหญิงชรา
หญิงชราตัวสั่นด้วยความกลัว แต่ไม่พูดอะไร
คุณนายหลิวมองไปที่ “แม่” ของชายหนุ่มและไม่กล้ามองอีก
ในที่สุดชายในชุดสูทหันหน้าเข้าหาเปลคนสุดท้ายแล้วพูดว่า
“พ่อครับวันนี้พี่ชายแต่งงานพ่อตื่นมาดูเร็ว…”
“อะไรนะ”
ใต้ผ้าขาวมีคำตอบ
ร่างกายของชายชุดสูทร่างกายสั่นสะท้านและใบหน้าของเขาก็ตื่นตระหนก ผู้หญิงสามคนบนโต๊ะก็เริ่มตัวสั่น เด็กสาวเกือบจะกรีดร้องออกมา แต่ไม่นานเธอก็ใช้มือปิดปากของตัวเองไว้
แม้แต่บาทหลวงก็ยังเงยหน้าขึ้นอย่างสงสัย เขาไม่เข้าใจจริงๆว่าศพที่อยู่ตรงหน้าส่งเสียงร้องออกมาได้อย่างไร
ชายในชุดสูทไม่กล้าเอื้อมมือไปหยิบผ้าขาวอีกต่อไปแต่เขาพยายามจะยกผ้าขาวขึ้นเพื่อดูว่ามีอะไรเกิดขึ้นข้างในกันแน่
ไม่ว่าจะอย่างไรชายในชุดสูทคนนี้ก็ทำงานเกี่ยวกับศพมานาน ดังนั้นภูมิต้านทานความหวาดกลัวในเรื่องนี้ของเขาจึงค่อนข้างแข็งแกร่งกว่าคนธรรมดา
แต่ทันใดนั้นโจวเจ๋อก็ยืดเอวขึ้น เขาขยับคอและทำเสียงกรอบแกรบเล็กน้อย พร้อมกับขอโทษออกมา
“ขอโทษด้วยครับ วันนี้หมอนของผมถูกผู้หญิงโง่คนหนึ่งครอบครอง ผมเลยยืมช่องแช่แข็งของคุณมานอนเล่น ต้องบอกว่าวันนี้เป็นวันที่ดีจริงๆการได้กลับมานอนในช่องแช่แข็งทำให้ผมรู้สึกสบายตัวขึ้นมาก “