116 – แนวทางหาเงินชนิดใหม่
หญิงชรารู้สึกอายเล็กน้อยเธอจึงได้แต่กินและก้มหน้า
“มีลูกหรือเปล่า?” นักพรตเริ่มถามอีกครั้ง
“ยูโก”
นักพรตมองไปที่โจวเจ๋ออีกครั้ง
“มีลูกสาวคนหนึ่ง” ซูชิงหลางช่วยแปล
“ถ้าอย่างนั้น ลูกสาวของคุณคงเผาเงินกระดาษให้คุณมาเยอะเลยใช่ไหม” ชายชราลูบมือของเขา
“หญิงชราเงยหน้าขึ้นมาซักพักก็ยิ้มแฉ่ง” สภาพบ้านค่อนข้างจะย่ำแย่(แปลโดยซูชิงหลาง)
“สภาพบ้านไม่ดีเหรอ?” นักพรตชราไม่ได้ท้อแท้และกล่าวต่อ “ไม่เป็นไร อย่างไรก็ตาม เงินกระดาษก็ไม่แพง ตราบใดที่ลูกของป้ายังคงคิดถึงป้าอยู่บ้างพวกเขาต้องเผากระดาษเงินกระดาษทองมาแน่”
“ฉันนอนอยู่ที่โรงพยาบาลไม่มีแม้แต่เงินรักษาตัวเอง” หญิงชราพูดพลางวางตะเกียบและเช็ดน้ำตา
“แย่จริงๆ” นักพรตปาดน้ำตาพร้อมกัน
ไป๋อิ่งก็มีน้ำตาคลอไปกับเขาด้วย
“ลูกสาวถามฉันที่เตียงในโรงพยาบาลว่าจะรักษาต่อไปดีไหม ฉันนอนอยู่บนเตียงพูดก็ไม่ได้ขยับตัวไม่ได้ เธอร้องไห้และบอกกับฉันว่า ถ้าฉันไม่อยากรักษาต่อให้ฉันกระพริบตา ถ้าฉันไม่กระพริบตา เธอก็จะพยายามหาเงินมารักษาฉันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็ตาม”
“ผู้หญิงคนนี้ก็ไม่เลวเหมือนกัน” ชายชรายิ้มทั้งน้ำตา “แล้วคุณทำอย่างไร”
“ฉันกระพริบตาจากนั้นก็กลับจากโรงพยาบาลแล้วก็เสียชีวิตที่บ้าน” หญิงชรายังคงปาดน้ำตาของเธอต่อไป
“มันไม่ง่ายเลย แม้ว่าคุณจะตายคุณก็ยังคิดถึงลูกๆ มันเป็นวาสนาของลูกคุณอย่างแท้จริง” นักพรตชราเศร้าไปด้วยกัน
ในความเป็นจริง มีหลายสิ่งหลายอย่าง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเผชิญกับโรคที่รักษาไม่หาย ซึ่งหมายถึงการทุ่มเงินอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งที่ไร้ประโยชน์
“คุณย่าช่างเป็นคนดีจริงๆ” ไป๋อิ่งชื่นชม
“ผมจะให้คุณดื่มอีกแก้ว” ซูชิงหลางรีบเติมเหล้า
ในทางกลับกัน เมื่อมองดูผู้คนรอบๆตัวที่น้ำตาคลอเบ้า โจวเจ๋ออดไม่ได้ที่จะหัวเราะ
เขาชี้ไปที่ตาโตของหญิงชราเพราะเขารู้ดีว่าเธอกำลังโกหก เขาจ้องมองเธอมาตั้งแต่ตอนที่เธอเดินเข้าร้านแล้ว
“คุณกระพริบตาได้ยังไง เมื่อคุณอยู่ในภาวะนั้นไม่มีทางที่คุณจะรู้สึกตัวได้”
เมื่อหญิงชราได้ยินสิ่งนี้เธอหยุดร้องไห้และพูดว่า
“เธอถามฉัน ‘แม่ถ้าไม่อยากรักษาให้กะพริบตา’ ถ้าฉันไม่กะพริบตาป่านนี้ฉันก็ยังคงนอนอยู่ที่โรงพยาบาล ฉันกระพริบตาถี่ๆหลังจากนั้น 5 นาทีฉันก็ไม่สามารถกระพริบตาได้อีกและมาที่นี่โดยไม่รู้ตัว”
เธอเริ่มเช็ดน้ำตาอีกครั้ง
คำพูดสุดท้ายของหญิงชราซึ่งแปลโดยซูชิงหลางเรียกน้ำตาจากทุกคนอีกครั้ง
โจวเจ๋อปรบมือและกล่าวว่า
“ถ้าอย่างนั้นก็กินให้อร่อย”
กล่าวอีกนัยหนึ่งคือหลังจากรับประทานอาหารแล้วก็ถึงเวลาไป
หญิงชราวางตะเกียบของเธอลงแล้วพูดว่า
“ฉันไม่รู้ว่าฉันมาที่นี่ได้อย่างไร ฉันไม่อยากไป ฉันยังต้องการ…”
โจวเจ๋อมองเธออย่างเงียบๆแล้วแสยะยิ้มที่มุมปาก
ลูกค้าต้องรับฟังความต้องการของเจ้าของร้าน นี่เป็นกฎของร้านนี้
ทันทีที่หญิงชรามองเห็นรอยยิ้มของเขาเธอก็ร่างกายเย็นเฉียบก่อนจะละล่ำละลักว่า
“ฉันว่าฉันลงไปเร็วกว่านี้น่าจะดีกว่า”
โจวเจ๋อไม่รอช้าเขายืนขึ้นแล้วเปิดประตูนรกทันที หญิงชรายังคงลังเลอยู่ตรงนั้น แต่โจวเจ๋อจับไหล่ของเธอด้วยมือข้างหนึ่งแล้วโยนเข้าไปอย่างหยาบคาย
ด้วยวิธีนี้การให้บริการลูกค้าคนแรกนับตั้งแต่ย้ายร้านใหม่ก็เสร็จสมบูรณ์
ต่อมาโจวเจ๋อก้มลงใต้โต๊ะเล็กๆและเห็นธนบัตรจำนวนมากกองอยู่ตรงนั้น
“ได้มากกว่าปกติหรือเปล่า” ซูชิงหลางลุ้นระทึก
“ดูเหมือนจะมีมากขึ้น” โจวเจ๋อยืนยัน
“นั่นหมายความว่าแนวทางนี้เป็นไปได้ ฉันหมายความว่าถ้ามันเป็นแบบนี้เราสามารถเพิ่มแนวทางอื่นเพื่อหากำไรได้”
แม้ว่าจะมีห้องคอนโดมากกว่า 20 ห้อง ซูชิงหลางก็ยังคงหน้าเงินเหมือนเดิม
ไม่มีใครในโลกที่จะปฏิเสธการมีเงินเยอะๆได้
“ถ้าอย่างนั้นก็นวดสปาเป็นยังไง?” โจวเจ๋อพูดด้วยรอยยิ้ม
“นั่นมากเกินไป” ซูชิงหลางขมวดคิ้ว
“ตอนนี้สถานอาบน้ำศพบางแห่งมีบริการแบบนี้ พวกเขานวดสปาสำหรับคนตาย ฉันเคยเห็นมาก่อน ในห้องกระจก สมาชิกในครอบครัวยืนดูอยู่ข้างนอก ช่างอาบน้ำจะนวดร่างกายพวกเขา รวมทั้งตกแต่งทรงผมและเล็บ” โจวเจ๋ออธิบายด้วยรอยยิ้ม
“คุณมันน่ารังเกียจ”
ซูชิงหลางดูเหมือนจะทนคำพูดของโจวเจ๋อไม่ไหว เขาหันกลับมาและเริ่มทำความสะอาดจานบนโต๊ะ
อันที่จริง จานเหล่านี้ไม่ได้ขยับเลย อย่างน้อยก็ดูเหมือนจะไม่ขยับเลย หากเป็นอาหารหรือผลไม้ที่สังเวยให้บรรพบุรุษในบ้านตัวเอง ผู้คนยังสามารถรับประทานต่อได้หลังจากการสังเวย
เพราะมันเป็นอาหารที่บรรพบุรุษของเรากิน ไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเราที่จะกินด้วยกัน
แต่ซูชิงหลางกับหญิงชราไม่เกี่ยวข้องกัน แน่นอนว่าพวกเขาไม่สามารถกินของเหลือของคนอื่นได้
หลังจากวางธนบัตรไว้ในตู้โจวเจ๋อก็กลับมานั่งบนเก้าอี้อีกครั้งเขาโยกเก้าอี้กลับไปกลับมาด้วยความสบายและเพลิดเพลิน ไป๋อิ่งวิ่งขึ้นไปเล่นคอมพิวเตอร์ นักพรตพาลิงไปดูทีวี ซูชิงหลางก็ไปพักผ่อนเช่นกัน
ดังนั้นโจวเจ๋อจึงเป็นคนเดียวที่เหลืออยู่ที่ชั้นหนึ่งของร้านหนังสือ
เขาหยิบมือถือขึ้นมาพลิกดูข่าว ข้างนอกฝนเริ่มตกโดยไม่รู้ตัว ตอนแรกฝนก็บางเบาอยู่บ้าง แต่หลังจากนั้นก็เกิดพายุฝนอย่างหนักในเวลาอันรวดเร็ว
โจวเจ๋อหยิบถ้วยน้ำขึ้นมาดื่มหนึ่งคำ หลังจากยืดร่างกายขึ้นแป๊บเดียวเขาก็มองเห็นผู้คนมากมายที่ยืนเข้าแถวอยู่หน้าร้าน
โอ้วันนี้ธุรกิจมันจะไม่ดีเกินไปหรือ?
นี่เป็นคืนแรกที่เปิดร้านใหม่ หากเป็นเช่นนี้ในอนาคต โจวเจ๋อรู้สึกว่าเขาไม่เพียงแต่สามารถจ่ายหนี้ให้สาวใช้ของเขาได้อย่างรวดเร็วเท่านั้น แต่ยังซื้อรถดีๆได้ในคราวเดียวอีกด้วย
ซูเล่อไม่มีแม้แต่ใบขับขี่ เขาต้องได้รับใบขับขี่มาก่อนถึงจะซื้อรถได้ เมื่อเขาไปถึงประตูร้าน โจวเจ๋อก็ตกตะลึง สิ่งที่ยืนอยู่ข้างนอกไม่ใช่ผู้คน แต่เป็นเสื้อผ้ามากมายที่ห้อยอยู่
นี่เป็นเสื้อผ้าของร้านขายเสื้อผ้าที่อยู่ด้านหน้าร้านของเขา ตอนนี้ฝนตกเจ้าของร้านพวกนั้นจึงขนเสื้อผ้าของตัวเองมาหลบใต้ชายคาของเขา
มีหญิงสาวสองคนยืนอยู่นอกประตู พวกเธออายุยี่สิบต้นๆ มีกระเป๋าเงินคาดเอวและผูกหางม้า พวกเธอดูสดชื่นแจ่มใสสมกับเป็นเด็กรุ่นใหม่
“เถ้าแก่ค่ะต้องขอโทษด้วยที่มาขวางหน้าร้านของคุณ เราจะออกไปทันทีที่ฝนเบาลง ฉันขอโทษจริงๆ” หญิงสาวโค้งคำนับโจวเจ๋อและขอโทษ
“เถ้าแก่พวกเราขอซื้อกาแฟ 2 แก้วหน่อยได้ไหม” หญิงสาวอีกคนกระฉับกระเฉงมากกว่าเธอรีบขอซื้อกาแฟทันที
“ไม่เป็นไร ยังไงตอนนี้มันก็ดึกแล้ววางไว้ที่นี่ก่อนก็ได้” โจวเจ๋อไม่ได้ใจร้ายขนาดนั้น และธุรกิจของเขาต่อให้เอาราวเหล็กมากั้นไว้ลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการก็ยังสามารถเข้ามาได้
“ขอบคุณค่ะ”
“ขอบคุณค่ะ”
หญิงสาวทั้งสองกล่าวขอบคุณโจวเจ๋ออีกครั้ง